บทที่ 206 วันพักผ่อนของผู้เล่น [5.5]
งานเลี้ยงจัดขึ้นตามกำหนดโดยความรังเกียจของเอลฟ์ป่าไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อผู้เล่น ความจริงพวกเขาส่วนใหญ่มีความสุขมากกับท่าทางของเอลฟ์ที่ดูไม่พอใจกับพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ผงฮาบาเนโรที่มีกลิ่นคล้ายยี่หร่าลอยไปทั่วจัตุรัส หลังจากที่พวกเขาได้รับทักษะชีวิต อาหารในงานเลี้ยงของผู้เล่นมีความหลากหลายมากขึ้น
บางทีคนนอกอาจจะพบว่าพฤติกรรมของผู้เล่นไม่สามารถอธิบายได้ เพราะเมืองหลวงของเอลฟ์เป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา แต่สิ่งแรกที่พวกเขาทำเมื่อมาถึงไม่ใช่การกระชับความสัมพันธ์กับเหล่าเอลฟ์ แต่เป็นการจัดงานเลี้ยง…
แต่มีเพียงผู้เล่นเท่านั้นที่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยจากเทียร์ร่าที่อาศัยอยู่ใกล้ครอมเวลล์หรือที่อื่น ๆ นอกจากพลเมืองดั้งเดิมของเมืองไร้ชื่อ ผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นคนไร้บ้าน
หลังจากที่พวกเขาเสียบ้านไป ตอนนี้พวกเขาก็เห็นศาสนจักรแห่งเกมเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นการดำรงอยู่ของศาสนจักรแห่งเกมก็เบาบางมาก และแตกต่างจากศาสนจักรอื่น ๆ พวกเขาไม่มีโบสถ์ ไม่มีวิหาร หรือแม้แต่ศาลเจ้า
แต่ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นตัวแทนของศาสนจักรแห่งเกม นั่นก็คงจะเป็นไลฟ์สโตนอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้เล่นเข้าใจว่าจุดใดก็ตามที่ไลฟ์สโตนถูกวางเอาไว้ ก็คือที่ที่ศาสนจักรแห่งเกมตั้งอยู่ และการจัดงานเลี้ยงก็เป็นวิธีพิเศษในการรับรู้ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังที่สองของพวกเขา
พวกเขาสวมหมวกปลาโลมาหรือหมวกปลาแองเกลอร์ เต้นและร้องเพลงในจัตุรัส ฉากทั้งหมดดูวุ่นวายและยุ่งเหยิงมาก เนื่องจากพวกเขาเต้นรำและร้องเพลงไปตามอารมณ์ตัวเองโดยไม่มีความรู้ด้านสุนทรีย์ศาสตร์ใด ๆ มาเกี่ยวข้อง แต่ความสุขและความหลงใหลนั้นเห็นได้ชัดเจน
ตามธรรมเนียมแล้ว จะมีเนื้อย่างและเครื่องดื่มหมุนเวียนอยู่ที่ขอบด้านหนึ่งของจัตุรัส พร้อมกับเครื่องเคียงอย่างบัลเฮิร์บ (ผักที่คล้ายผักกาดขาว) ที่เพิ่มเข้ามาท่ามกลางเนื้อสัตว์มากมาย แต่ถึงกระนั้นเมื่องานเลี้ยงดำเนินไปได้สักพักและเนื้อสัตว์ครึ่งหนึ่งได้หายไป มันก็ยังไม่มีใครแตะบัลเฮิร์บ...
ดูเหมือนว่ามันจะต้องโดดเดี่ยวต่อไป ก่อนที่ตัวเอกของเราเผยแพร่วิธีการกินที่ไม่เหมือนใครซึ่งเรียกว่า 'ผักกาดห่อเนื้อ'...
ในขณะเดียวกันผู้เล่นที่เรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุก็ได้สร้างสิ่งที่คล้ายกับดอกไม้ไฟ เช่นเดียวกันกับเหล่าผู้เล่นที่แข่งขันตัดต่อพันธุ์พืชวิเศษ นักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดเหล่านี้ก็แข่งขันกันด้วยสูตรดอกไม้ไฟที่พวกเขาคิดขึ้นมาเอง
ดังนั้นในวันนี้ ผู้เล่นจึงได้รับชมดอกไม้ไฟหลากหลายประเภทที่แปลกประหลาด โดยบางส่วนมีปัญหาด้านการออกแบบจนไม่สามารถยิงขึ้นไปได้และระเบิดบนพื้น
เมื่อดูนักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดเป่าตัวเองตายอย่างร่าเริงท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์ มาร์นี่ที่กำลังเคี้ยวเนื้อย่างก็กำลังถกเถียงกับอีวานว่าควรจะขายผงปรุงรสที่ช่วยทำให้เนื้อนุ่มขึ้นให้เอลฟ์ป่าดีไหม
“เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้านาย เอลฟ์ป่าไม่กินเนื้อ แม้ว่าเราจะถอยหลังไปร้อยก้าว พวกเขาก็ยังคงดูถูกและมองว่าเราต่ำต้อยกว่าไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาจะไม่สนใจเราเลย” แม้ว่าอีวานจะไม่ได้กังวลกับท่าทีของเอลฟ์ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าเอลฟ์ป่ามองมนุษย์ยังไง
“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้นอีวาน” มาร์นี่ส่ายหัว “เป็นเรื่องจริงที่เอลฟ์ป่าไม่ชอบพวกเราในตอนนี้ แต่ตอนนี้พวกเราก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว มันก็แค่ตอนนี้เรายังไม่สนิทกัน ข้าเชื่อว่าในที่สุดเอลฟ์คนหนึ่งจะก้าวออกมาและยืนหยัดเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเรากับพวกเขา”
“…แต่มันเกี่ยวอะไรกับผงเนื้อนุ่มล่ะเจ้านาย”
“งั้นเราขายเครื่องสำอางก็ได้!”
“…”
สีหน้าของอีวานเหมือนจะพูดว่า 'ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเอลฟ์ขาดลงสักวัน 9 ใน 10 ท่านนี่แหละตัวการเจ้านาย'
มาร์นี่ต้องการจะลบล้างการใส่ร้ายของอีวาน แต่ในตอนนั้นเองเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
นั่นคือเอลฟ์หนุ่มก่อนหน้านี้ เขากำลังยืนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ในตรอกห่างจากจัตุรัสที่จัดงานเลี้ยงเพียงไม่กี่ฟุต
“ดูสิ เอลฟ์คนแรกที่กล้าเข้าใกล้เราอยู่ที่นี่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเชื่อมั่นว่าเราจะสร้างสะพานได้ในที่สุด” มาร์นี่ยิ้มให้อีวาน ก่อนจะกัดเนื้อที่เหลืออยู่บนไม้และเดินเข้าไปหาเอลฟ์หนุ่ม
“เฮ้ เจ้ามาแล้ว” เขารีบทักทายเอลฟ์หนุ่มที่ตื่นตระหนกและกำลังจะวิ่งหนีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มาทันช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุดของงานเลี้ยงพอดี”
"ช่วงเวลาที่น่าสนใจที่สุด?" เอลฟ์หนุ่มเอียงหัวขณะมองไปที่ผู้เล่นในจัตุรัส
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่การแข่งขันดอกไม้ไฟได้ลุกลามเป็นการต่อสู้ด้วยดอกไม้ไฟ ผู้เล่นทุกคนกำลังระดมยิงดอกไม้ไฟของนักเล่นแร่แปรธาตุใส่กัน และยิงพวกมันไปทุกทิศทาง มีแต่ความโกลาหลไปทั่วสถานที่
“การเผาคนด้วยไฟแปลก ๆ นั้นน่าสนใจรึ” เอลฟ์หนุ่มถามอย่างสับสน
“อะแฮ่ม มันเป็นเพียงฉากขั้นเวลาเล็กน้อย” รอยยิ้มของมาร์นี่แข็งทื่อ แต่ในฐานะที่เขาเป็นพ่อค้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี สีหน้าของเขาจึงไม่มีข้อบกพร่อง
แต่ก่อนที่เขาจะได้เบี่ยงเบนความสนใจเอลฟ์หนุ่มจากหัวข้อนี้ ผู้เล่นก็ส่งเสียงอุทานดังสนั่น
พวกเขาทั้งหมดหันไปมองโดยไม่รู้ตัว เพื่อที่จะพบว่าพาลาดินที่ขี่อีแร้ง ได้เอาดอกไม้ไฟมาพันรอบตัวเองราวกับระเบิดพลีชีพและบินขึ้นไปบนฟ้า
เสี้ยววินาทีถัดมา ผู้เล่นคนนั้นก็ร้องตะโกนออกมาว่า
“ข้าจะแตกแล้ว!”
จากนั้นเขาก็ชนเข้ากับบาเรียของเอลฟ์ป่าจนกลายเป็นดอกไม้ไฟที่น่าตื่นตาที่สุดในวันนี้!
ไม่เพียงแต่ผู้เล่นจะไม่ตื่นตกใจกับเรื่องนี้ พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์และปรบมือให้กับเศษชิ้นส่วนของพาลาดินที่หล่นลงมาจากฟ้า พวกเขายกนิ้วให้และตะโกนว่า 'สุดยอด'!
หากเขาไม่ได้เป็นคนของศาสนจักรแห่งเกม มาร์นี่คงคิดว่าคนเหล่านี้เป็นมือระเบิดพลีชีพที่น่าสงสัยและอันตรายอย่างยิ่ง
นับประสาอะไรกับเอลฟ์ป่าที่เฝ้าดูอยู่
เขารู้สึกได้ทันทีว่าการจ้องมองของเอลฟ์หนุ่มนั้นช่างทิ่มแทง
ดวงตากลมโตของเอลฟ์หนุ่มหรี่ลง และถามด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสัยว่า “นั่น…เรียกว่าน่าสนใจรึ”
“แค่ก มักจะมีเพื่อนแปลก ๆ บางคนที่พยายามเรียกร้องความสนใจ ด้วยการแสดงตลกที่บ้าคลั่ง” มาร์นี่กระแอมในลำคอและอธิบายแบบเขิน ๆ “และเราควรเคารพงานอดิเรกของพวกเขา…”
'ไม่ดีเลย ดูเหมือนว่าสะพานมิตรภาพระหว่างมนุษย์และเอลฟ์ป่ากำลังพังทลาย'
----------------------------------------------------------
เพจ FC-Translate