บทที่ 1 มันน่าจะกินได้ถ้าเขาเอาหัวออกใช่ไหม?
ในห้องมืด ลู่เจ๋อนอนบนเตียงด้วยความสับสน สายตาของเขาจ้องตรงไปที่บางสิ่งที่ดูเหมือนหน้าจอโฮโลแกรมสีแดงอ่อน
เขาข้ามมาแล้ว
ลู่เจ๋อใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการจัดระเบียบความทรงจำที่กระจัดกระจายของเขา หลังจากทำเสร็จ ในที่สุดเขาก็เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง
เขาไม่ได้ข้ามไปยังอดีตหรือโลกอื่น...เขาข้ามมายังอนาคต
2,000 ปีในอนาคต
มนุษยชาติได้พัฒนาขึ้นมาก รอยเท้าของพวกเขากระจายไปทั่วกาแล็กซี่ มีแม้กระทั่งทีมสำรวจนอกกาแล็กซี่ ในขณะเดียวกันพวกเขายังได้ค้นพบเผ่าพันธุ์อื่นนับไม่ถ้วนในจักรวาล พวกเขาสร้างพันธมิตรทางการทูตกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นมิตร และทำสงครามระหว่างดวงดาวกับเผ่าพันธุ์หัวรุนแรง
มันไม่ต่างจากช่วงเวลาที่ลู่เจ๋อเคยอยู่ มันยังคงเป็นยุคการทูต แต่ให้ความสำคัญกับความรุนแรงมากกว่า
ท้ายที่สุด ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ในระหว่างสงครามเผ่าพันธุ์ มนุษยชาติได้ค้นพบว่านอกจากเทคโนโลยีแล้ว ยิ่งอารยธรรมนั้นแข็งแกร่งมากเท่าไหร่พลังของพวกเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น และร่างกายของมนุษย์ก็เป็นเหมือนเด็กทารกต่อหน้าอารยธรรมที่เข้มแข็งเหล่านี้
ถ้าคุณล้มลงคุณจะแพ้ หากมนุษย์ไม่ได้ขอความคุ้มครองจากเผ่าพันธุ์จิตวิญญาณที่มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ มนุษยชาติก็คงจะถูกทำลายล้างในสงครามไปแล้ว
หลังจากเรียนรู้จากความเจ็บปวด ในที่สุดมนุษย์ก็เข้าใจถึงศักยภาพของสิ่งมีชีวิต จักรวาลเต็มไปด้วยพลังทางจิตวิญญาณ มันมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ แต่สามารถรับรู้ได้ด้วยร่างกายและจิตใจ ในช่วงเวลานั้นโลกเรียกพลังนี้ว่า ‘พลังงานมืด’
การดูดซับพลังวิญญาณจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับมนุษย์และวิวัฒนาการของชีวิต มันกลายเป็นโครงการที่สำคัญที่สุดสำหรับสหพันธ์มนุษย์และได้ถูกบันทึกไว้ในหลักสูตร
ดังนั้นศิลปะการต่อสู้จึงแพร่หลาย คนหนุ่มสาวที่มีความสามารถล้วนต้องการเป็นนักรบ และได้รับพลังที่แข็งแกร่ง อิสรภาพ และแม้กระทั่งชีวิตนิรันดร์
ลู่เจ๋อในอดีตก็เป็นเช่นนั้น
เขาเสียชีวิตเนื่องจากเขาใจร้อนเกินไป วันสอบกำลังใกล้เข้ามา แต่ระดับพลังของเขายังไม่ถึงเกณฑ์มาตราฐานการรับสมัครของมหาวิทยาลัยสหพันธ์ เขาจึงได้ฝึกฝนตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งทั้งกลางวันและกลางคืน สิ่งนี้ทำให้เขาเกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรกและเสียชีวิต
เขาไม่ใช่คนไร้ค่า และก็ไม่ได้ถูกแฟนสาวบอกเลิกอย่างรุนแรง แต่เขาเป็นคนบ้าศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและพื้นฐานครอบครัวที่ดี รวมถึงความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ระดับกลางของเขา ก็ไม่แปลกที่จะมีผู้หญิงมากมายแอบชอบเขา
อย่างไรก็ตาม ภรรยาคนเดียวของเขาคือศิลปะการต่อสู้
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ไปรุกรานผู้ยิ่งใหญ่คนไหน เขาไม่ได้โง่ ในยุคนี้การรักษาความปลอดภัยในเมืองดีกว่าสมัยก่อนมาก ทำไมผู้ยิ่งใหญ่ถึงต้องมาเสียเวลากำจัดเด็กเกรียนตัวเล็ก ๆ อย่างเขาด้วย?
เขายิ่งไม่มีความบาดหมางกับครอบครัว และไม่ต้องการแก้แค้น
สรุปแล้ว เขาเป็นเพียงสมาชิกของสังคมธรรมดาสามัญ เขามีพ่อแม่ที่ดี ครอบครัวที่ดี และน้องสาวที่น่ารัก...
ฮ่า…ฉันข้ามมาแล้ว ช่างเถอะ พ่อแม่และน้องสาวนายฉันจะดูแลให้อย่างดี
แค่ก ไม่ใช่ทุกคนที่จะกลายเป็นนักรบที่ทรงพลังได้ แม้เจ้าของร่างเดิมจะมีความปรารถนาสูง แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีพรสวรรค์ที่ตรงกันสำหรับสิ่งนั้น
ความจริงมักจะตบหน้าคุณอย่างแรง
หากคุณทำงานหนักและสามารถประสบความสำเร็จได้ จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ไปทำไม?
ลู่เจ๋อไม่เข้าใจเจ้าของร่างเดิมเลย เขาหล่อ มีครอบครัวที่สวยงาม และน้องสาวที่น่ารัก ชีวิตแบบนี้ไม่เลวเลยใช่ไหม?
เดิมเขาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ และตอนนี้เขาสามารถมีชีวิตอีกครั้งได้ มีอะไรให้ไม่พอใจ
สำหรับเรื่องที่เขาจะกลายเป็นนักรบที่ทรงพลังได้หรือไม่...ถ้าเป็นได้ก็ถือว่าโชคดี ถ้าไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ลู่เจ๋อจะไม่หมกหมุ่น
ยังไงซะดาวเคราะห์หลานเจียงที่เขาอยู่นั้นก็อยู่ในพื้นที่ชั้นในของสหพันธ์ มันปลอดภัยมาก แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นนักรบทรงพลังที่สามารถบินข้ามจักรวาลได้ เขาก็จะไม่ตกอยู่ในอันตราย
นี่เป็นสิ่งที่ดี ลู่เจ๋อค่อนข้างมีความสุขกับการเตรียมการของเทพเจ้าข้ามมิติ
ถ้าเขาตายอีกครั้ง เขาจะดูว่าเขาสามารถให้คะแนนรีวิว 5 ดาวได้หรือไม่
“นอนดีกว่า…”
หลังจากจัดระเบียบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ความเหนื่อยล้าก็เข้าครอบง่ำ ลู่เจ๋อหาว
การข้ามโลกอย่างกะทันหันนี้ทำให้เขาตกใจไม่น้อย หลังจากย่อยความทรงจำแล้วจิตใจของเขาก็เหนื่อยล้า เรื่องอื่น ๆ ไว้ค่อยคิดในวันพรุ่งนี้
ลู่เจ๋อหลับตาลง ทุกอย่างตกสู่ความมืดอย่างรวดเร็วในขณะที่สติของเขาหลุดลอยไป
…
เมื่อลู่เจ๋อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็เห็นท้องฟ้าไร้เมฆและมีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องลงมาบนใบหน้าของเขาอย่างอบอุ่น จนเขาอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงอย่างสบายตัว
สายลมเบา ๆ พัดผ่านมา ได้กลิ่นหอมของใบหญ้าจาง ๆ มันทำให้จิตใจของเขารู้สึกผ่อนคลาย
อากาศบริสุทธิ์ทำให้รู้สึกดีจริง ๆ ลู่เจ๋อยิ้มบาง
จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็แข็งทื่อ
เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขานอนอยู่บนพื้น และมองขึ้นไปเห็นท้องฟ้า!
นี่ฉันไม่ได้นอนบนเตียงเหรอ!?
ลู่เจ๋อรีบลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ อย่างงุนงง
เขานอนอยู่ในทุ่งหญ้า หญ้าสดยังคงมีน้ำค้างเกาะอยู่ เมื่อลมพัดมา ทุ่งหญ้าก็พริ้วไหวเหมือนคลื่น
วิวดี แต่ทำไมฉันถึงมานอนอยู่ตรงนี้?
ลู่เจ๋องง เขาข้ามโลกอีกแล้วเหรอ?
เทพเจ้าข้ามมิติต้องทำงานหนัก เมื่อเห็นว่าเขาทำงานหนักมากแค่ไหน ฉันจะให้เขารีวิว 0 ดาว
ความฝันที่จะมีบ้านและน้องสาว จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นการเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร
คำถามคือ…เขาควรกินหญ้าเป็นอาหารเช้าหรือไม่?
ลู่เจ๋อมองไปที่ใบหญ้าและคิดอย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่หิว แต่ก็ดีที่จะคิดล่วงหน้า อย่างน้อยเขาก็ต้องคิดให้ออกว่าเขาจะกินอะไรเป็นมื้อเช้า
เดี๋ยว!
ทันใดนั้นดวงตาของลู่เจ๋อก็สว่างขึ้น เขายิ้มอย่างมั่นใจ
เขาต้องฝัน!
ด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ เขาหยิกขาตัวเองอย่างแรง
“…”
รอยยิ้มของลู่เจ๋อเริ่มบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดทำให้ปากของเขากระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ และแอบเกลียดตัวเองเมื่อ 10 วินาทีที่แล้ว
เขาใช้แรงมากเกินไป!
ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทำไมเขาถึงทำตัวเท่?
แถมส่วนที่น่าอับอายที่สุดคือเขาเก๊กทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นล้มเหลว โชคดีที่รอบ ๆ ตัวเขาไม่มีใคร
เขาข้ามอีกแล้วเหรอ?
ฉันจะให้รีวิว 0 ดาว!
ทันใดนั้นจู่ ๆ ลู่เจ๋อก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังมาจากด้านหลัง เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ ลู่เจ๋อมีอาการขนลุกที่หลังหัว เขารีบหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
“เชี่ย!” ลู่เจ๋อหลุดคำหยาบและถอดหญ้าออกมากำหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
เขาพบอะไร?
กระต่ายขาว!
อย่างไรก็ตามกระต่ายสีขาวตัวนี้ค่อนข้างแปลก เพราะขนาดของมันไม่ใช่กระต่ายขาว 'ตัวน้อย' อีกต่อไป
มีใครเคยเห็นกระต่ายขาวสูงเกือบ 1 เมตรบ้าง!
เมื่อมองไปที่กระต่ายขาวตัวใหญ่ ลู่เจ๋อก็อดคิดไม่ได้ มันน่าจะกินได้ถ้าเขาเอาหัวออกใช่ไหม?
ไม่ไม่ไม่ เขาคิดแบบนั้นได้ยังไง!
ลู่เจ๋อหยุดความคิดที่โหดร้ายนี้
หัวกระต่ายอร่อยมาก! เขาต้องไม่ทิ้งมัน!
-----------------------------------------------------------------