ตอนที่ 9 ฉันไม่ใช่หมอ!!
“หืม?”หลินเสี่ยวถังมองกู้จวินที่กำลังจัดกระดูกให้หลี่เยี่ยรุ่ยจากด้านข้างเเล้วถามด้วยความสงสัย “คุณจะไม่ต่อแขนให้เขาเหรอ?”
“ต่อแขนของเขางั้นหรือ?” กู้จวินตอบหลินเสี่ยวถังอย่างจริงจังเเละอธิบายต่อว่า
“นี่เป็นเคสกระดูกหักแบบเปิด ดังนั้นไม่ควรที่จะพยายามต่อเเขนกลับเข้าไปใหม่โดยไม่สนใจ การบังคับให้กล้ามเนื้อและกระดูกที่เกือบจะหลุดออกจากกันเข้าที่เดิมโดยที่ไม่เตรียมการอะไร มันจะนำมาซึ่งปัญหาเเน่นอน สิ่งนี้เสี่ยงจะก่อความเสียหายต่อเส้นประสาทและหลอดเลือด ในขณะเดียวกันการทำเเบบนี้อาจจะทำให้เเผลนั้นมีอาการอักเสบรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งเเผลอาจจะเกิดการติดเชื้อไวรัสก็เป็นไปได้ นี่เป็นเพียงสามัญสำนึกทั่วไปในโลกการแพทย์”
คำตอบอย่างมืออาชีพเหมือนกับเเปะเทปปิดปากของหลินเสี่ยวถังทันที เธอกระพริบตาปริบๆหลายครั้งด้วยความรู้สึกลำบากใจ นี่เธอถามอะไรงี่เง่างั้นเหรอ? เธอจะรู้ได้ยังไง แล้วอีกอย่างเธอไม่ใช่หมอ
ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยอง คงจะบ้าไปเเล้วถ้าใครอยากจะดูภาพคนบาดเจ็บร้ายเเรงเเบบนี้? เเต่! เธออาจจะเป็นคนในไม่กี่คนที่ชอบอะไรเเปลกๆ อย่างเช่น การดูการผ่าตัดในระยะประชิด!
ในทางกลับกันอู่ต้งไม่กล้าแม้แต่จะมองภาพนี้เเม้เพียงสักครั้งเดียว ในระหว่างขั้นตอนการรักษา อู่ต้งนั้นเขาทำได้เพียงกอดเข่า ปิดใบหน้าและนั่งในที่นั่งของเขาอย่างสงบ หลังจากนั้นเขาก็เห็นหลินเสี่ยวถังที่กำลังเดินมาหาเขา เขาก็รีบหันหน้าที่ขาวซีดของเขาออกไปทางอื่น จากนั้นเขาก็บ่นพึมพำเบา ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ฉันเป็นโรคกลัวเลือด ฉันเป็นโรคกลัวน้ำ”
โชคดีที่ก่อนที่หลี่เยี่ยรุ่ยจะเจ็บหนักจนกระทั่งเสียชีวิตและกลายเป็นการเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตอีกคน ทว่า…กู้จวินก็มาช่วยเขาได้ทันเวลา เเละเขาก็ได้รับการรักษาเเบบฉุกเฉินเรียบร้อยแล้ว
“ทุกๆ 40 - 60 นาที ฉันจะต้องปล่อยสายรัดออกเป็นเวลา 2 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้แขนของคุณขาดเลือด ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายคุณต้องบอกฉันทันที”
“ครับ ผมเข้าใจ” สีเลือดอุ่นๆ ค่อยๆกลับมาบนผิวของหลี่เยี่ยรุ่ยอีกครั้ง การมัดเเละพยุงเเขนรอบๆ บาดแผลทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก
กู้จวินจัดการกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมืออาชีพ ความตั้งใจมุ่งมั่นเเละแน่วแน่ของเขาได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้เเก่เพื่อนร่วมทางอย่างมาก อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงหวาดกลัว พื้นผิวน้ำในระดับที่ปลอดภัยยังอยู่อีกห่างไกล โชคดีที่เรือดำน้ำลำนี้ไม่พบกับความปั่นป่วนอีกระรอก
“โทรศัพท์ของฉันอยู่ที่ไหน” ดวงตาของหลี่เยี่ยรุ่ยกวาดตาไปรอบ ๆ และมองผ่านทั้งเรือเพื่อหาโทรศัพท์ของเขา นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากได้รับการรักษา “ทุกคนช่วยฉันหามันที ฉันคิดว่าฉันจับภาพอะไรได้บางอย่าง…”
“อ๋อ อยู่ที่นี่” โทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่ที่เท้าของกู้จวิน รอยแตกขนาดใหญ่แผ่กระจายไปทั่วหน้าจอพร้อมกับปิดเครื่องไปเเล้ว เขากดปุ่มเปิดปิดค้างไว้ แต่มันไม่สว่างขึ้น
หลี่เยี่ยรุ่ยมองข้างๆ เขาอย่างประหม่า “โอ้ ส่งมาให้ฉันเลย” เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อจับภาพนั้นนะ เขาจะได้ดูว่านั่นมันภาพอะไรกันเเน่
“มาให้ฉันช่วย!” หลินเสี่ยวถังซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังกู้จวินยื่นมือออกไป เธอพยายามหยิบโทรศัพท์ที่เขาส่งมาเพื่อไม่ให้มันพังไปมากกว่านี้
“เมื่อกี้คุณเห็นอะไรไหม” กู้จวินถามหลี่เยี่ยรุ่ย เขายังจำยอดแหลมๆ อันนั้นได้
“ไม่นี่ครับ” หลี่เยี่ยรุ่ยถอนหายใจออกเเรงๆด้วยความตกใจ
“ผมถูกเหวี่ยงไปมาเเบบกะทันหัน เเล้วผมจะเอาเวลาที่ไหนไปจ้องดูยอดเเหลมๆอะไรนั่น!”
เนื่องจากโทรศัพท์เครื่องนี้ใช้พื้นที่หน่วยความจำภายใน จึงไม่มีการ์ด SD ติดตั้งอยู่ ดูเหมือนว่าเขาต้องหาโอกาสไปซ่อมแซมโทรศัพท์เสียก่อนถึงจะสามารถเห็นภาพในเครื่องได้
40 นาทีผ่านไปอย่างเงียบงัน กู้จวินก็ปล่อยสายรัดให้หลี่เยี่ยรุ่ยอีกครั้ง ระหว่างขั้นตอนนี้หลี่เยี่ยรุ่ยกรีดร้องราวกับว่าเขานั้นกำลังโดนมีดร้อน ๆ แทงลึกเข้าไปในแขน เขาอ้าปากค้างอย่างทรมาน มันเจ็บปวดราวกับว่าเขากำลังถูกฆ่าเหมือนหมูในโรงเชือด
เพราะความเจ็บนี้เกือบทำให้เขาอยากจะอาเจียนออกมาอยู่ตลอด กู้จวินนั้นกลัวว่าหลี่เยี่ยรุ่ยจะมีอาการช็อกจากเลือดออกมาเกินไปหรืออาเจียน โชคดีที่ทั้งสองอย่างนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเลย…
17 นาทีผ่านไป เเละหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที มหาสมุทรรอบๆ เรือดำน้ำของพวกเขาก็สว่างขึ้น มหาสมุทรสีฟ้าครามค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นน้ำทะเลสีอ่อน มันเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังเข้าใกล้ผิวน้ำ
ภายในเวลาไม่นาน หลังจากนั้นเสียงกระเซ็นของผิวน้ำดังขึ้นทำให้ความกังวลนั้นหายออกไปจากอกของพวกเขาทันที เรือดำน้ำได้ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำอีกครั้ง!
จากหน้าต่างพวกเขาสามารถมองเห็นเรือสำราญที่ตั้งตระหง่าน ท้องฟ้าสีฟ้าใส มีปุยเมฆสีขาวอ่อนละมุน ท้องฟ้าสงบโดยไม่มีวี่แววว่าจะมีพายุโหมกระหน่ำให้เห็นเหมือนใต้ทะเล ภาพท้องฟ้าที่งดงามเช่นนี้เหมือนกับว่าประสบการณ์ที่น่ากลัวของพวกเขาที่เคยพบมาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้ไม่มีอยู่จริง
“โฮๆ ฮือๆ !!!!” อู่ต้งร้องไห้ออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกดีใจที่จะรอดพ้นเงื้อมมือแห่งความตายมาได้ จากนั้นก็เขาก็ตะโกนจนขี้หูทุกคนในเรือเเทบสั่น
“รอดเเล้วโว้ย!!! พวกเรายังมีชีวิตอยู่ !!”
“หุบปากซะ!” หลินเสี่ยวถังตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว “เรายังไม่ทันปลอดภัย! อย่าท้าทายได้ไหม! อยากจะให้ทุกคนตายงั้นเรอะ!”
อันที่จริงความกลัวลึก ๆ ยังคงก้องอยู่ในใจของทุกคน ทันใดนั้นมือที่แข็งแกร่งของอู่ต้งก็รีบปิดปากของเขาเองด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับพวกเขา เรือดำน้ำค่อยๆ เคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ เเล้วไปอยู่ข้างๆ เรือสำราญอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักทีมแพทย์ก็เดินทางมาถึง เพราะทีมเเพทย์นั้นได้รับแจ้งเรื่องอุบัติเหตุตั้งแต่เนิ่นๆ พวกเขาดำเนินการเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว บุรุษพยาบาลหลายคนมาช่วยพยุงหลี่เยี่ยรุ่ยขึ้นไปยังเปลหาม เเละพวกเขาก็ยกเปลออกจากเรืออย่างระมัดระวัง
ตลอดการเคลื่อนย้าย กู้จวินเขายังคงพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับหลี่เยี่ยรุ่ยอยู่ตลอด เขากำลังจับตาดูสภาพจิตใจของหลี่เยี่ยรุ่ยอย่างรอบคอบ
จนกระทั่งหลี่เยี่ยรุ่ยถูกส่งมอบให้กับแพทย์ประจำเรือ หลังจากประเมินตรวจสอบคนไข้แล้ว หมอประจำเรือก็อุทานด้วยความเเปลกใจ จากนั้นเขาก็ชื่นชมกู้จวินอย่างจริงใจ
“คุณกู้ คุณจัดการได้ดีมาก! หากการบาดเจ็บนี้ไม่ได้รับการรักษาเบื้องต้นทันเวลา ฉันกลัวว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างเเรกหลังเจอเขาก็คือก็คือการประกาศว่าเขาตายเเละมอบใบมรณะบัตร!”
เพื่อรักษาเเขนที่หักของหลี่เยี่ยรุ่ย หลี่เยี่ยรุ่ยจึงต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ทางการแพทย์บนเรือสำราญมีจำนวน จำกัด ฝ่ายบริหารเรือสำราญจึงได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์และส่งตัวเขาไปยังโรงพยาบาลชายฝั่งเพื่อรับการรักษาทันที
หลินเสี่ยวถังเเละอู่ต้งก็ตามหลี่เยี่ยรุ่ยไปที่ดูเเลที่โรงพยาบาลด้วย ในเวลานี้ทั้งสามคนโบกมือลากู้จวินที่ดาดฟ้าด้านล่างของเรือสำราญ
“คุณหมอกู้ พวกเราต้องขอบคุณคุณมากสำหรับเรื่องในครั้งนี้” ความเย่อหยิ่งและความหยาบคายเมื่อเริ่มแรกนั้น เริ่มหายไปจากทัศนคติของอู่ต้ง ในขณะที่เขาจับมือของกู้จวินไว้อย่างแน่นหนา ดวงตาของเขาก็เอ่อล้นด้วยความขอบคุณ
“ไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าอารุ่ยจะเป็น…เมื่อเรากลับถึงบ้าน เราต้องพบกันอีกครั้ง! นี่คือสัญญา!”
“ขอบคุณมากครับ” หลี่เยี่ยรุ่ยที่นอนอยู่บนเปลหามเอ่ยอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขามองไปยังกู้จวินด้วยความซาบซึ้ง
“ เจอกันครั้งหน้า ขอโอกาสให้ผมได้ตอบแทนคุณเถอะ ขอบคุณจริงๆ ที่คุณช่วยชีวิตผม!”
“งั้นขอเเค่อาหารสักมื้อก็พอครับ” กู้จวินกล่าวประโยคนี้ด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้ช่วยเพราะต้องการคำขอบคุณที่หรูหราเเบบนี้ เขาแค่ทำหน้าที่ของเขาในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ใช่! ต้องเลี้ยงอาหารเขาให้ได้ ทุกเมนูที่เคยเอ่ยมานั่นเเหละ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นพวกเขาทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างโล่งใจทันที
พวกเขาแลกเปลี่ยนรายชื่อวีเเชทและหมายเลขโทรศัพท์กัน พวกเขาจะได้เอาไว้ติดต่อกัน เขาจะรู้ได้ทันทีว่าโทรศัพท์ที่เสียหายเครื่องนั้นได้บันทึกภาพที่น่าตื่นเต้นเอาไว้จริงหรือไม่
แม้รอบข้างจะเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สนุกสนาน หลินเสี่ยวถังก็ยืนอยู่ที่ด้านข้างเเล้วจ้องมองเขาโดยไม่พูดอะไรอีก ดวงตาของเธอกวาดไปทั่วร่างกายของกู้จวินอีกครั้ง ก่อนที่จะจากไปโดยมีนัยยะของการยั่วยุอยู่ในที
หา? จะว่าฉันว่าถ่ายภาพไม่ดีได้ยังไง พวกหน้าเกิดมาหน้าประจวดเอง? พวกเขาถ่ายรูปกับกู้จวิน จากนั้นเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็จากไป
ดิงดอง! “ภารกิจปกติเสร็จสมบูรณ์!”
ทันใดนั้นกู้จวินก็ได้ยินเสียงคล้ายคนร้องไห้ในหัวของเขา
“ความสามารถของมือเเห่งความชำนาญเพิ่มขึ้น ปัจจุบันระดับ 1 (1,000/5000 คะเเนน)”
“รางวัลจากภารกิจ: ยาที่รักษาเนื้องอกที่ก้านสมองของมนุษย์ 1 กล่อง ยาสามารถยืดอายุของโฮสต์ได้ 5 วัน”
ทันใดนั้นน้ำหนักก็จมลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตของเขา เขาเอื้อมมือเข้าไป เขารู้สึกได้ถึงกล่องเล็ก ๆ ในกระเป๋า
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาจึงจับมันออกมาและดู เขารู้สึกงุนงงทันทีที่เห็นกล่องนี้
ภาพบนกล่องคืออะไร? ทำไมไม่คุ้นเลย!