ตอนที่ 335 (ตอนฟรี) ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งจากสำนักสวนศาลาสมุนไพร
ตอนที่ 335 (ตอนฟรี) ชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งจากสำนักสวนศาลาสมุนไพร
.
พวกมันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดจนน่าขนลุก ซึ่งกลายพันธุ์มาจากสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป
จากภาพในแฟ้มมีมดตัวที่ใหญ่มาก หัวของมันมีขนาดเท่ากับเห็ดหอมขนาดใหญ่
อีกภาพนึงเป็นปลิงตัวสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ ในปากของมันนั้นมีเขี้ยวแหลมคมที่งองุ้มอยู่นับไม่ถ้วน
ภาพถัดไปเป็นหอยทากตัวสีขาว ที่มีตัวขนาดใหญ่เกือบเท่าลูกบาสเกตบอล ปากของมันนั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมและลำตัวของมันเต็มไปด้วยเมือกเหลวที่มีสีแดงคล้ายกับสีของเลือด
และภาพสุดท้ายนั้นเป็นยุงตัวขนาดใหญ่เท่ากับฝ่ามือของเด็กทารก ร่างกายของมันเป็นสีแดงเข้ม ปากดูดเลือดที่ด้านหน้าของมันนั้นมีขนาดเท่ากับเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ ใบหน้าของมันนั้นดุร้ายและกระหายเลือดเป็นอย่างมาก
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นสิ่งที่กลายพันธุ์มาจากสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วๆไป ซึ่งเมื่อพวกมันกลายพันธุ์มาแล้ว พวกมันดูน่ากลัวราวกับปีศาจร้ายเลยทีเดียว
นอกจากนั้นสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์เหล่านี้ยังมีขนาดลำตัวที่ใหญ่มากกว่าเดิมจนดูผิดปกติเป็นอย่างมาก
ในแฟ้มของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีคำบรรยายและข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับพวกมันอยู่ด้านล่างของภาพ
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดทั้งสี่ชนิดนี้สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากับผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับนักรบขั้นที่ 7 และขั้นที่ 8 เลยทีเดียว
และนอกจากนี้เมื่อถูกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้กัด คนผู้นั้นก็จะออกอาการคุ้มคลั่งควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ลักษณะทางกายภาพของพวกเขาจะเริ่มเปลี่ยนไป ลูกนัยน์ตาของพวกเขานั้นจะเป็นสีแดงน้ำลายจะเริ่มไหลออกมาจากปาก ฟันของพวกเขาจะเริ่มโค้งงอและแหลมคมขึ้น ลักษณะท่าทางการเดินจะเหมือนซากศพที่เดินได้และพวกเขาจะเริ่มไล่กัดคนอื่นๆคล้ายกับต้องการที่จะแพร่กระจายเชื้อไวรัสในตัวพวกเขาออกไปให้ได้มากที่สุด
และยังมีบันทึกเป็นตัวอักษรสีแดงลงกำกับไว้อีกว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ยังมีอยู่อย่างมากมายนับไม่ถ้วนภายในรัศมี 30 กิโลเมตรจากจุดต้นกำเนิดของพวกมัน
"ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเหล่าหมอเทวะที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆถึงได้รับคำสั่งให้รับภารกิจนี้!" หวังเสียน พูดออกมาในทันทีหลังจากที่เขาอ่านบันทึกในแฟ้มข้อมูลจบ
เนื่องจากมีเพียงผู้ฝึกตนที่เป็นนักรบระดับขั้นที่ 8 ขึ้นไปเพียงเท่านั้นที่จะสามารถมั่นใจในความปลอดภัยในสถานที่ดังกล่าวได้
เพราะหากผู้ที่เข้าไปสำรวจในครั้งนี้นั้นมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ คนผู้นั้นก็จะได้รับอันตรายถึงชีวิตอย่างแน่นอน และไม่เพียงจะเป็นอันตรายต่อตนเองแต่คนผู้นั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในทีมเป็นอย่างมากอีกด้วย เพราะเมื่อเขากลายพันธุ์แล้วเขาก็จะเข้าไปทำร้ายคนอื่นๆในทีมอย่างแน่นอน
นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลและหน่วยการทางทหารต้องป้องปรามและหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือจำกัดความเสียหายให้เหลือน้อยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
"จะมีคนมารับพวกเราในตอนเช้าวันพรุ่งนี้แล้วพวกเราก็จะออกไปพร้อมกัน!" ซุนหลิงซิ่วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงแจ่มใส
"โอเค!" หวังเสียนพยักหน้าและยิ้มให้กับเธอ
หลังจากที่เขาทานอาหารกลางวันกับซุนหลิงซิ่วแล้ว ในตอนบ่ายหวังเสียน ก็เข้าไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อเข้าเรียนคราสเรียนสองรายวิชา
เมื่อถึงตอนค่ำเขากลับจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับกวนชูชิงและเสี่ยวหยู
ส่วนหลานชิงเยว่ ในตอนนี้งานของเธอค่อนข้างจะยุ่งเป็นอย่างมาก เพราะบริษัทเครื่องประดับทะเลครามที่เธอเป็นประธานผู้บริหารบริษัทอยู่นั้นกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วด้วยความน่าอัศจรรย์
และยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้บริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจว ยังถูกขายให้กับบริษัทเครื่องประดับทะเลครามของเธอในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางการตลาดอยู่เล็กน้อย
เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์หลายๆอย่างเกี่ยวกับหวังเสียน ไม่ว่าจะเป็นการกวาดล้างตระกูลหลิว [จากตอนที่ 187-193] เหตุการณ์ที่ประเทศหินหยก [จากตอนที่ 214-221] และรวมถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มของหวังเสียนกล้าต่อต้านสำนักวังเปลวไฟโดยตรง [จากตอนที่ 244-252] สิ่งนี้ทำให้สำนักหลิงเยว่นั้นเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
พวกเขานั้นกลัวว่าหวังเสียน จะนำคนมากวาดล้างสำนักของพวกเขา
ฉะนั้นสำนักหยิงเยว่ จึงขายบริษัททั้งหมดของพวกเขาให้แก่บริษัทเครื่องประดับทะเลครามของหลานชิงเยว่ และเปลี่ยนมาจับธุรกิจส่งแร่อัญมณีให้แก่บริษัทเครื่องประดับทะเลครามแทน เพราะเขตภูเขาที่สำนักหลิงเยว่ครอบครองอยู่นั้นมีแหล่งของเหมืองแร่อยู่อย่างมากมาย พวกเขาจึงต้องการที่จะเป็นพันธมิตรโดยตรงกับหลานชิงเยว่ ซึ่งก็เหมือนได้เป็นพันธมิตรทางอ้อมกับหวังเสียนนั่นเอง
และด้วยเหตุนี้มูลค่าทางตลาดของบริษัทเครื่องประดับทะเลครามของหลานชิงเยว่จึงเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าด้วยเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในช่วงนี้หลานชิงเยว่ จึงยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องของบริษัทของเธอ
และเธอสามารถมีเวลาพักผ่อนได้เฉพาะในวันอาทิตย์วันเดียวเท่านั้น และส่วนมากเธอก็จะไปพักอยู่ที่วิลล่าริมชายหาดของหวังเสียน เพื่อเที่ยวเล่นสนุกกับพวกกวนชูชิงและสาวๆคนอื่นๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นรถจิ๊บทหารก็มาถึงหน้าประตูวิลล่าริมชายหาดของหวังเสียน
กลุ่มทหารที่สวมชุดธรรมดาทักทายซุนหลิงซิ่วด้วยท่าทางที่เคารพ
"ทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้วนะครับพวกเราจะได้ออกเดินทางกันในทันที!" นายทหารคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
หวังเสียน, ซุนหลิงซิ่วและหมอโลหิต ขึ้นรถจิ๊บด้วยท่าทางที่สงบ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงสนามบินของค่ายทหารในเมืองเจียงเฉิง
หลังจากนั้นไม่นานเฮลิคอปเตอร์ของทหารก็บินขึ้นฟ้าเพื่อพาทั้งสามคนไปยังเมืองหวงฉี
เมืองหวงฉีนั้นเป็นเมืองขนาดเล็กเป็นเมืองในระดับชั้น 3 ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับที่ราบลุ่มของแม่น้ำฮวงโห
จุดหมายปลายทางของพวกเขาถูกกำหนดไว้ที่อาณาเขตหนึ่งในภูมิภาคของแม่น้ำฮวงโหซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหวงฉีมากนัก
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนลานจอดชั่วคราวที่หน่วยทหารได้สร้างเอาไว้บนที่ราบของกองอำนวยการทหารที่มาสร้างเอาไว้อยู่ที่นี่ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์
เมื่อพวกเขาลงจากเฮลิคอปเตอร์แล้วกลุ่มของหวังเสียน ก็เห็นทหารจำนวนมากรวมตัวกันอยู่บริเวณโดยรอบค่ายทหารชั่วคราวแห่งนี้
ค่ายทหารชั่วคราวแห่งนี้ถูกปิดล้อมไปด้วยตาข่ายเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งเชื่อมต่อกับสายไฟแรงสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตได้กระจายตัวออกไปนอกขอบเขตที่พวกเขาได้กักกันเอาไว้
แต่วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ได้ไม่มากเท่าที่ควร
ตรงบริเวณเนินเขาที่อยู่ด้านหน้าของกลุ่มหวังเสียน เป็นสถานที่ตั้งกองอำนวยการของฝ่ายทหารชั่วคราว
ช่วงบริเวณนี้รายล้อมไปด้วยแท่งแบริเออร์รวมถึงป้อมปืนชนิดต่างๆ และยังมีเครื่องบินรบรวมถึงอาวุธสงครามนานาชนิดเหมือนอยู่ในสนามรบเลยทีเดียว
"ทางด้านนี้ครับดร.ซุน!" ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เดินนำทางพาซุนหลิงซิ่ว ไปที่เต็นท์ขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่อยู่ใจกลางกองอำนวยการ
เต็นท์หลังนี้น่าจะเป็นศูนย์บัญชาการทางทหารชั่วคราว มันมีขนาดที่ใหญ่มากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะมีคนจำนวนมากกว่าร้อยคนอยู่ด้านในก็คงจะไม่แออัด
และในความเป็นจริงด้านในเต็นท์ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็มีคนมากกว่าร้อยคนอยู่ข้างในจริงๆ
หวังเสียน ค่อยๆกวาดสายตามองไปยังบริเวณโดยรอบ
ในเต็นท์หลังนี้นั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณมากกว่าหนึ่งโหล ส่วนคนที่เหลือนั้นก็น่าจะเป็นหมอเทวะที่มีชื่อเสียงในโลกยุทธภพ
มีชายชราหัวโล้นมีหนวดเคราคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน และหวังเสียน ก็จำเขาได้ในทันที ชายคนนี้นั้นเป็นหมอเทวะในอันดับที่ 6 แห่งการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นหมอเทวะที่เป็นผู้บำเพ็ญพรตของศาสนาพุทธซึ่งส่วนมากจะเรียกว่าชีปะขาว
การมาถึงของพวกเขานั้นทำให้หลายคนนั้นหันมามองด้วยความสนใจ เช่นเดียวกันกับแสงจันทร์ในยามค่ำคืน ความสง่างามและโดดเด่นราวกับเทพธิดาของซุนหลิงซิ่วนั้นสามารถดึงดูดความสนใจของทุกคนได้เป็นอย่างดี
"เธอคือเทพธิดาแสงศักดิ์สิทธิ์ หมอเทวะซุนหลิงซิ่วแห่งศูนย์การแพทย์มังกรศักดิ์สิทธิ์!" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่คลั่งไคล้ ดวงตาของเขานั้นเป็นประกายออกมาทันที แม้แต่ชายวัยกลางคนที่อยู่รอบๆก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันมามองเธออยู่หลายครั้ง
"ดร.ซุน กรุณาเชิญทางนี้ครับ!" ชายวัยกลางคนในชุดทหารพูดเชื้อเชิญเธออย่างสุภาพ
"ตกลงค่ะ!" ซุนหลิงซิ่ว ตอบกลับด้วยความสุภาพเช่นเดียวกัน
ตรงใจกลางของที่ประชุมมีที่นั่งประมาณ 30 ที่นั่ง ส่วนใหญ่นั้นถูกนั่งจนเกือบเต็มแล้ว
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ส่วนมากนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ และหมอเทวะระดับสูง ที่อยู่ในอันดับต้นๆของการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพ
ในขณะที่ซุนหลิงซิ่วได้รับเชิญมา มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอมีคุณสมบัติพอที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ที่คนระดับสูงเหล่านี้นั่งอยู่
"โอว! ค่อนข้างจะแออัดจริงๆ มีพื้นที่เหลืออีกตั้งมากมายทำไมถึงจัดวางเก้าอี้ไว้เพียงเท่านี้ล่ะ!" หมอโลหิตพูดแซวออกมาอย่างขำๆ ก่อนที่เขาจะนั่งลงแล้วมองไปรอบๆด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
"พอดีโต๊ะประชุมวางเก้าอี้ได้จำกัด เราจึงจัดที่นั่งเอาไว้สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณ และหมอเทวะระดับต้นๆเพียงเท่านั้น!" ชายวัยกลางคนที่เป็นนายทหารคนหนึ่งพูดอธิบายออกมาด้วยรอยยิ้ม
หวังเสียน ก็นั่งลงอยู่ข้างๆกับซุนหลิงซิ่ว อย่างไม่ได้คิดอะไรมากนัก
แต่เมื่อเขานั่งลงแล้วเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองมา เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันกลับไปมอง
ชายสูงวัยคนหนึ่งมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม ชายคนนี้นั้นก็คือหมอพิษหยานที่เคยพบกันที่ประเทศหินหยก [จากตอนที่ 209-213]
เมื่อหมอพิษหยาน เห็นหวังเสียนมองกลับมาที่เขา เขาก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
"ผู้มีเกียรติจากสำนักสวนศาลาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เชิญทางนี้ครับ!" เสียงนายทหารคนเดิมตะโกนเรียกกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามา
หลังจากนั้นเหล่าชาวยุทธและหมอเทวะคนอื่นๆก็กล่าวคำทักทายคนจากสำนักศาลาสมุนไพรกันด้วยความเคารพ หลายคนก็หลีกทางให้กับพวกเขาได้เข้ามานั่งอย่างสะดวก
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก กลุ่มของพวกเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นของสมุนไพร ท่าทางของพวกเขาแต่ละคนนั้นหยิ่งผยองกันอย่างมากเลยทีเดียว
โดยเฉพาะชายหนุ่มคนนั้นเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับวางมาดเหมือนกับว่าตัวเองนั้นอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆโดยสิ้นเชิง
เขากวาดสายตามองไปยังทุกคนด้วยรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนกับกำลังเยาะเย้ยผู้คนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเอง
แต่เมื่อเขามองไปเห็น ซุนหลิงซิ่ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาในทันที
เขารีบเดินตรงเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหวังเสียนอย่างรวดเร็ว
"เฮ้! เด็กน้อยเจ้าช่วยย้ายไปนั่งที่หน่อยได้ไหม!" ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้พูดแต่ชายชราที่อยู่ข้างๆเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"สำนักสวนศาลาสมุนไพร! ทั้งสามคนนี้เป็นคนของสำนักสวนศาลาสมุนไพร สำนักที่มีความเชี่ยวชาญในด้านของการปรุงยา!" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดออกมา
"ข้ารู้จักผู้อาวุโสสองคนนั้น พวกเขาคือนักปรุงยาของสำนักสวนศาลาสมุนไพร และพวกเขายังมีความแข็งแกร่งในระดับก่อกำเนิดลมปราณอีกด้วย!" มีเสียงของคนผู้หนึ่งพูดเสริมออกมา
"แล้วชายหนุ่มคนนั้นล่ะเขาเป็นใครกัน?"
"ดูจากชุดของเขาแล้วเขาน่าจะเป็นลูกศิษย์หลักของสำนักสวนศาลาสมุนไพร และตราสัญลักษณ์ที่ปักอยู่บนชุดของเขานั้นก็น่าจะเป็นลูกหลานสายตรงของคนตระกูลเปี่ยนอย่างแน่นอน!" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งอธิบายออกมา
……….
จบบท