บทที่ 205 วันพักผ่อนของผู้เล่น [5]
ไม่เหมือนปาร์ตี้ของซอนหยานที่กำลังเปิดแผนที่ใหม่อย่างช้า ๆ ในทวีปตะวันตก ซึ่งความพยายามทุกอย่างจะสูญเปล่าหากพวกเขาเสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ผู้เล่นหลายคนกำลังรวมตัวกันที่เมืองทริเนีย พร้อมที่จะแสดงความสามารถของพวกเขาในงานเลี้ยง
อาหารหลักของเอลฟ์ป่าคือผักและผลไม้ป่า ยิ่งไปกว่านั้นในฐานะเผ่าพันธุ์ที่ ‘เปโกร่า’ เทพธิดาแห่งธรรมชาติโปรดปราน เอลฟ์ป่าไม่จำเป็นต้องกินอาหารเลย พวกเขาสามารถเติมพลังงานให้กับร่างกายได้ด้วยการสังเคราะห์แสง
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก เมื่อผู้เล่นมารวมตัวกันที่จัตุรัสและเตรียมจัดงานเลี้ยงอย่างร่าเริง
พวกเขารู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าผู้เล่นนำเนื้อเสียบไม้ที่หมักเรียบร้อยแล้วเข้ามาในทริเนีย
แม้ว่าราชินีเอลฟ์จะอธิบายว่าลูน่าเทพธิดาจันทร์สีเงินได้ส่งวิวรณ์ให้พวกเขาเป็นมิตรกับผู้เล่น แต่มีเพียงหนึ่งในสามของประชากรเอลฟ์ทั้งหมดแห่งทริเนียที่ศรัทธาในลูน่า อีกสองที่สามเป็นผู้ศรัทธาของทั้งเปโกร่าและลูน่าครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นผู้ศรัทธาของเปโกร่าและเทพเจ้าอื่น ๆ
ดังนั้นแม้ว่าผู้ศรัทธาของลูน่าจะลดอคติแม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบมนุษย์ แต่เอลฟ์ตนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ศรัทธาในลูน่า ก็แสดงความเป็นศัตรูแแกมาอย่างชัดเจน
แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่สนใจเลย
หลังจากที่พวกเขาศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกม มุมมองต่อโลกของพวกเขาก็ง่ายขึ้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติอย่างไร ชื่อสีเขียวคือพันธมิตร ชื่อสีเหลืองเป็นกลาง และชื่อแดงเป็นศัตรู
เมื่อลูน่าอนุญาตให้ผู้เล่นวางไลฟ์สโตรไว้ในทริเนีย ซีเว่ยก็ถือเป็นหนี้เธอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรักเอลฟ์ป่าที่ลูน่าโปรดปราน และรักษาชื่อของเอลฟ์ไว้เป็นสีเขียวแม้ว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกเป็นศัตรู มันไม่มีปัญหาหากพวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่ล้ำเส้น
แต่ถ้าพวกเอลฟ์เป็นฝ่ายริเริ่มโจมตีผู้ศรัทธาที่น่ารักของเขาก่อน ขอโทษด้วย พวกเขาจะเปลี่ยนเป็นชื่อแดงทันที!
“ผู้กล้า เจ้าช่วยพูดกับสหายของเจ้าเพื่อที่พวกเขาจะไม่กินซากสัตว์ขณะอยู่ในทริเนียได้หรือไหม”
แม้ว่าราชินีเอลฟ์จะเป็นมืออาชีพ แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจกับเนื้อเสียบไม้หน้าตาดิบเถื่อน ซึ่งผู้เล่นที่เพิ่งเรียนรู้ทักษะบุชเชอร์ได้หั่นบาง ๆ และถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศต่าง ๆ จากผู้เล่นที่เรียนรู้ทักษะการทำอาหาร
“พวกท่านไม่กินศพ? อ๋อข้าเข้าใจแล้ว” เอ็ดเวิร์ดกล่าวและส่งคำเตือนของราชินีไปยังผู้เล่นคนอื่น ๆ
ทุกคนตอบว่า "รับทราบ" หรือ "เข้าใจแล้ว" ก่อนที่จะออกจากทริเนียไปและกลับมาพร้อมกับแพะภูเขาที่ยังมีชีวิต หมูป่าที่กำลังดิ้น ปลาทะเลที่มีฟองผุดออกจากปาก
ราชินีเอลฟ์รู้สึกปวดหัวเมื่อเอ็ดเวิร์ดส่งยิ้มให้เธออย่างภูมิใจว่า 'เป็นไง? เราเข้าใจดีเลยใช่ไหมล่ะ' จนเธอมีแรงกระตุ้นอยากจะตบหัวเขาสักป้าบ
เจ้าเข้าใจอะไร เดรัจฉานน้อย!
โชคดีที่ราชินีเอลฟ์เข้าใจว่าการเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นนั้นเป็นวิวรณ์จากเทพเจ้า ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจทำราวกับว่าเธอไม่เห็นอะไร และออกจากพื้นที่ไปพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ ปล่อยให้ผู้เล่นวุ่นวายกันอยู่ในจัตุรัส
ผู้เล่นไม่รับรู้ใด ๆ พวกเขาเริ่มเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงภายใต้คำสั่งของเจ้าหญิงลีอา
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่ไม่ถูกจำกัดของพวกเขาก็ได้ดึงดูดความสนใจของเอลฟ์ส่วนใหญ่
มาร์นี่ที่ถือถังเบียร์เดินผ่านมุมกำแพง พบหัวทุ่ย ๆ ของเอลฟ์หนุ่มโผล่ออกมาสังเกตผู้เล่นอย่างระมัดระวัง ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปทักทายเอลฟ์หนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
“ไงเด็กน้อย เจ้าอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงของเราด้วยหรือ?”
เอลฟ์หนุ่มตกใจและต้องการหลบหลีทันที แต่เขาก็ชะงักเมื่อเห็นมาร์นี่ยิ้มให้เขาพร้อมกับทักทายโดยไม่มีท่าทีเป็นศัตรู และเริ่มกล้าเข้าหาผู้เล่น
“เจ้ากำลังทำอะไรกัน” เขาถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“งานเลี้ยงไง! พวกเจ้าเอลฟ์ป่าไม่มีงานเลี้ยงหรือ?” มาร์นี่ตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
เอลฟ์หนุ่มเริ่มสับสน “งานเลี้ยง? นั่นไม่ใช่งานชุมนุมที่เราสวดอ้อนวอนต่อรูปปั้นเทพธิดาจันทร์สีเงินและเทพธิดาแห่งธรรมชาติ เสนอสมุนไพรล้ำค่าที่เรารวบรวมมาจากป่า และแบ่งปันความฝันล่าสุดของเราเพื่อทำนายเหตุการณ์ในอนาคตหรือ?”
“นั่นควรจะเป็นประเพณีทางศาสนา…” มาร์นี่พูดไม่ออก “งานเลี้ยงจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”
“แล้วงานเลี้ยงควรจะเช่นไร” เอลฟ์หนุ่มกระพริบตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ช่วงเวลาแห่งความสุข กินดื่มและเล่นได้ตามใจ ปลดปล่อยความกดดันทั้งหมดและทำตัวรื่นเริงไปกับงานเฉลิมฉลองในวันนี้…นั่นคืองานเลี้ยงของศาสนจักรแห่งเกม!” มาร์นี่ยิ้มและยกนิ้วโป้งให้เอลฟ์หนุ่ม “งานเลี้ยงจะเริ่มในตอนเย็น หากเจ้าสนใจก็มาร่วมงานกับเราสิ!”
เอลฟ์หนุ่มไม่ได้พูดอะไร แต่เขามองมาร์นี่อยู่นานก่อนที่จะหันหลังวิ่งหนีไป
“นี่ข้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า” มาร์นี่เกาหัวอย่างงง ๆ
“ฮ่าฮ่า! ท่านมันเถื่อนเกินไปเจ้านาย เอลฟ์ที่บอบบางคงรับคนหน้าอย่างท่านได้ยาก” อีวานหัวหน้าผู้คุ้มกันของมาร์นี่ ที่กำลังช่วยเคลื่อนย้ายถังเหล้ารัมหัวเราะเสียงดัง
"หุบปากเจ้าซะ คนที่ไม่ได้พบมนุษย์มานานจนผู้คนคิดว่าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างเจ้าน่ะ ไม่มีสิทธิพูดคำนั้น!” มาร์นี่โต้กลับอย่างไม่พอใจ
“ไม่ใช่สัตว์ประหลาดสักหน่อย พวกเขาแค่คิดว่าข้าเป็นหมูป่า!”
“นั่นไม่แย่กว่าเหรอ!”
“พูดถึงมนุษย์สัตว์แล้ว ถ้าข้าจำไม่ผิดมีหนึ่งคนในหมู่ผู้เล่นใช่ไหม? คนที่รับสมัครลูกเรือ…”
“โอ้เจ้ามือดำนั่นน่ะเหรอ? ทำไมเราไม่เห็นเขาในงานเลี้ยง? จริง ๆ แล้วข้าไม่เห็นเขาในทริเนียเลย”
“เพื่อนคนนั้นไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่เหมือนเรา ท่านชอบมีส่วนร่วมกับงานเลี้ยงและข้าชอบกินอาหารในงานเลี้ยง”
“ข้าชอบเรือเหล็กลำใหญ่ของเขามาก เมื่อใดหนอเทพเจ้าแห่งเกมจะปล่อยเรือยิ่งใหญ่เช่นนั้นให้ข้าได้เป็นเจ้าของบ้าง…ถ้าเป็นเช่นนั้นเส้นทางทะเลจะต้องถูกเปิดออกแน่นอน”
“ท่านหลงใหลในการค้าจริง ๆ ท่านมาร์นี่”
“มีหลายสิ่งที่ข้าสนใจ หนึ่งในนั้นคือการเฝ้าดูความมั่งคั่งของข้าค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น ไม่รู้ว่าเอลฟ์ป่าจะมีของที่ระลึกอะไรที่สามารถขายในแลงคาสเตอร์ได้บ้าง”
ทั้งสองคนคุยกับไปเรื่อย ๆ ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังจัตุรัสที่จัดงานเลี้ยง เสียงของพวกเขาค่อย ๆ เงียบหายไป
ตอนนั้นเองในมุมกำแพง หัวเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมาพร้อมดวงตาเขียวมรกตเปล่งประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น
-------------------------------------------
เพจ FC-Translate