ตอนที่19 ยุทธการที่ยูทิก้า (Battle of Utica) (2)
ยุทธการที่ยูทิก้า
Battle of Utica (2)
ปัจจุบัน
ที่ราบทุ่งหญ้าฝั่งทิศตะวันตกเฉียงเหนือจากยูทิก้า
' บัดซบ! ตอนแรกว่าจะหาข้อมูล แต่ทำไมต้องลงเอยมาเป็นทหารด้วยเนี่ย '
”
อยากจะพูดออกมาเสียงดัง แต่กระเพาะลำไส้นั้นไม่ค่อยเต็มใจเสียเท่าไร ถ้าเกิดลาสพูดแล้วล่ะก็ อาจจะได้อ้วกออกมา เพราะตรงหน้านั้นคือชิ้นส่วนร่างกายและเลือดสด ๆ ที่ยังคงเต็มไปทั่วสนามรบ ซึ่งเกิดจากลูกปืนใหญ่จากแนวหลังสุดถึงแม้มันจะไม่มีความแม่นยำ แต่มันยังคงสร้างมาเพื่อข่มขวัญข้าศึกเสียอยู่ดี
ปีกขวาของกองกำลังผสมลีโอเนีย คือเหล่ากองกำลังอาสาจากบอสตัน นำโดย ร้อยตรี ดักลาส แมริแลนด์ บัดนี้กำลังสู้ศึกอย่างหนักหน่วงเอาเป็นเอาตาย พวกเขายังคงยิงปืนสังหารข้าศึกไม่หยุดไม่หย่อน ปีกขวาที่กองกำลังของลาสพบเจอนั้น ไม่ได้เยอะหรือน่ากลัวเท่าฝั่งซ้ายหรือกลางมากเสียมากนัก ต้องขอบคุณสวรรค์และโชคที่ยังคงเข้าข้างพวกของเขา เพราะถ้าหากเจอนักรบตัวใหญ่ถูกยิงแล้วยังวิ่งต่อได้มากกว่านี้ ขวัญกําลังใจของพวกเขาคงได้แตกกระเจิง แตกทัพจากแถวจนพังลงเป็นแน่
ในคราวแรกพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่า เหล่านักรบชนเผ่าจะสู้กันอย่างบ้าเลือดไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแบบนี้ พวกเขาคิดว่าคงจะเป็นการรบแบบค่อยๆตี กลับกลายเป็นว่าเหล่าพันธมิตรชนเผ่าต่างกรูกันเข้ามา ไม่มีแบบแผนและไม่กลัวความตาย เรียกได้ว่าผิดคาดจนน่ากลัวไปอย่างมาก ใครมันจะบ้าส่งทหารไปตายจนกว่าจะได้ชัยชนะแบบนี้กัน! พวกเขาไม่กลัวตายจริง ๆ งั้นหรือ?
เหล่าม้าเร็วต่างวิ่งไปมาระหว่างแนวหลังและแนวหน้า คอยส่งคำสั่งจากพันโท แดเนีย การสื่อสารและความเร็วถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการที่จะเอาชนะในศึกครั้งนี้ พวกเขาจะพลาดแม้แต่นิดไม่ได้!
อย่างไรก็ตาม กองกำลังอาสานั้นยังคงมีข้อผิดพลาดสำคัญอย่าง เวลาฝึกที่ไม่พอมันอาจจะทำให้ไม่สามารถที่จะดึงความสามารถของเหล่าทหารชาวบ้านพวกนี้ได้
ลาสเกรงว่าหากมีผู้ใดผู้หนึ่งเกิดขวัญหายวิ่งแตกแถวหนีหัวซุกหัวซุน คงถึงจุดจบของปีกขวาและตัวเขาอย่างแน่นอน ขนาดตั้งแถวยังดูไม่มีระเบียบแบบนี้จะอยู่ได้นานแค่ในเชียว
ลาสจ้องมองเหล่านักรบชนเผ่าที่วิ่งโถมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไม่นานนักเขาก็เปลี่ยนจากดาบมือเดียวเป็นปืนคาบศิลาก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง
“แถวหน้าเล็งเป้า!” เฮ้!!
”
“ยิง!!”
”
ปัง! ปัง! ๆๆ
สุดเสียงคำสั่ง เหล่าควันเขม่าปืนก็ได้ถูกปล่อยออกมาจนบัดบังสายตาเกือบหมด พร้อมกันนั้นเหล่าลูกปืนสังหารก็ทะยานแหวกอากาศไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนคาบศิลานั้นแทบจะไม่มีความแม่นยำ ด้วยระยะที่ห่างไกล จำนวนเหล่านักรบชนเผ่าจึงไม่ได้ลดมากนัก
“กองกำลัง!! บรรจุ! บรรจุกระสุน!!”
”
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่แทบไม่มีผล ชายหนุ่มหน้าหวานก็ตื่นตัวสั่งเหล่าทหารบรรจุกระสุนอีกครั้งโดนเร็ว
คำสั่งถูกส่งไปเป็นทอด ๆ ไม่หยุดไม่หย่อนมันได้สูบฉีดเลือดในตัว ทำให้เหล่าทหารเร่งความเร็วอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ไม่นานนั้นก็ได้มีม้าเร็ว วิ่งมาตะโกนเรียกลาส
“ร้อยโทคำสั่งจากพันโท แดเนีย ‘ปฏิบัติการ ลงทัณฑ์เหล่าผู้เขลา' เริ่มแล้ว กองกำลังส่วนซ้ายเริ่มถอยร่นไปแล้ว ให้เริ่มปฎิบัติการทันที! ขอจักรพรรดิคุ้มครอง..” สิ้นเสียงคำสั่งจากแนวหลัง ลาสก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะกัดฟันเสียงดัง เหล่าผู้หมวดที่เห็นลาสทำสีหน้าไม่ดีก็รู้สึกแย่ตาม
”
“เพื่อที่มีจะมีชีวิต เราต้องรอด..” เสียงพึมพําออกมาเบา ๆ ไม่นานสายตาก็เปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่นและจ้องไปข้างหน้าอีกครั้ง
”
ตรงหน้ายังคงเป็นทุ่งสังหารและยังคงมีข้าศึกที่วิ่งเข้ามาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ช้าพวกเขาคงมาประจันหน้ากันได้เสียแล้ว เหล่ากองกำลังอาสายังคงยิงอย่างขยันขันแข็งไม่สนว่าเจ้าตัวจะเสียงกระสุนปืนไปเท่าไร ขอเพียงฆ่าเพื่อให้ศึกบ้าๆนี้จบโดยเร็ว สายตาที่ยังคงสั่นกลัว ไม่เหมือนมืออาชีพ อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านที่อาสามาสู้ศึกเพราะไม่มีอะไรจะเสีย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยากจะไปตายเสียหน่อย..
ลาสรับรู้ถึงความอยาก อยากมีจะมีชีวิตต่อไป ทำไมน่ะหรอ ก็เพราะตัวเขาเองก็อยากจะมีชีวิตรอดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตัวของเขาจำเป็นต้องทำให้ศึกนี้เป็นฝ่ายพวกเขาที่ต้องชนะให้ได้ ต่อให้มันจะขัดกับสิ่งที่เขาเกลียดนักเกลียดหนาก็ตาม
คิดได้เช่นนั้นลาสก็เดินไปด้านซ้ายสุดของแถวก่อนจะตะโกนออกเสียงดังอย่างตะเบ็ง
“เหล่าผู้กล้าแห่งอาริกาเซีย จงฟัง!” ลาสชู่ปืนขึ้นพร้อมกล่าวต่อ
”
“หากพวกเจ้าแพ้ พวกมันจะไม่หยุดเพียงแค่ชุมชนแห่งนี้ แต่พวกมันจะบุกยาวถึงบอสตัน สังหารทุกสิ่งที่ไม่ใช่พวกเดียวกับมัน! เมืองของเจ้า บ้านของเจ้า ครอบครัวของเจ้า ลูกหลานของเจ้า ล้วนจะถูกมันสังหารหมดสิ้น” ลาสชะงัก “เพื่อที่จะปกป้องสิ่งที่เป็นของพวกเจ้า สิ่งที่พวกเจ้ารัก จงสู้! พวกเจ้ามิใช่ขี้ขลาดตาขาวเหมือนที่ช้าวลีโอกล่าวหา บัดนี้พวกเจ้าคือนักรบ นักรบกลุ่มแรกที่ถูกจดจำว่าเป็นวีรบุรุษไปจนวันตาย!”
”
เสียงคำกล่าวของลาสได้ไปกระตุ้นจิตใจที่ลังเล ของเหล่าทหารอาสา พวกเขาไม่ได้อาสามาเพื่อความอยู่ท้อง ความคิดที่จะปกป้อง ของของตนเองนั้นได้เข้ามาแทนที่ ความคิดที่โง่เขลาของพวกเขา หากพวกเขาไม่ชนะ แล้วใครจะมาช่วยครอบครัวของพวกเขากัน? พวกลีโอหรือ กว่าพวกมันจะมาก็คงส่ายไปเสียแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เป็นเหมือนมนุษย์นั้นมีจิตใจเป็นของตัวเอง แต่หากจิตใจนั้นกลัวต่อบ้างสิ่ง มันก็สามารถเปลี่ยนความกลัวไปเป็นความโกรธได้อย่างง่ายดาย
นั้นคือจิตวิทยาที่เล่นกับกระบวนการความคิดและจิตใจของผู้คน มันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ผู้คนเปลี่ยนจากผนักบุญผู้รักสงบให้กลายเป็น
ปีศาจในคราบมนุษย์ที่แยกแยะไม่เป็น
และผู้ที่ใช้มันเพื่อผลประโยชน์ก็มีมากเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ ความคิด พวกมันสามารถถูกชักจูงได้ง่าย อย่างเช่นการพูดของลาสในตอนนี้ และตัวเขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเองเด็ดขาด ตอนนี้เขาได้ใช้วิธีอันป่าเถื่อนสร้างความเกลียดชังไปเสียแล้ว การเหยียดหยามถือเป็นเรื่องที่เขาเกลียดเหนือยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ทุกสิ่งล้วนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว เช่นนั้นก็จงอย่าได้มองว่ามันไร้ค่า จงมองหาคุณค่าที่แท้จริงของมันเสีย
“จัดแถวตอนลึกสาวแถวยาว! หยิบอาวุธป้องกันตัวขึ้นมา ใครมีดาบปลายปืนจงติดมันซะ! เสร็จแล้วรอฟังคำสั่ง! เตรียมเดินหน้า!!!” เหล่ากองกำลังอาสาบอสตันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากเสียงดังที่ได้ยินจากปากของชายผู้เป็นผู้นำของพวกเขา ความเร็วในการจัดแถวนั้นเร็วกว่าปกติอย่างน่าเหลือเชื่อ อาวุธประจำกายถูกยกหยิบมาประจำตำแหน่งเคลื่อนทัพตามแบบยุทวิธี
”
ไม่นานนักเสียงกลองก็ถูกตีขึ้นเป็นจังหวะ
ตึง! ตึง! ตึงตึงตึง! ตึง! ตึง! ตึงตึงตึง!
ตึง! ตึง! ตึงตึงตึง! ตึง! ตึง! ตึงตึงตึง!
พร้อมเสียงย่ําเท้าไปข้างหน้าดังก้องไปทั่วสนามหญ้าพร้อมเสียงกลองอันดุดัง
เหล่าทหารนั้นไร้สีหน้ากลัวอย่างเช่นอดีต ตรงหน้าของพวกเขายังคงเป็นนักรบชนเผ่าต่างๆ ซึ่งใกล้เข้ามาเร็วกว่าเป็นเพราะพวกนักรบชนเผ่าไม่ได้วิ่งเข้ามาหาพวกเขา แต่เป็นเพราะพวกเขาได้เดินหน้าเข้าไปหาแทน
เมื่อเข้าระยะยิงหวังผล ลาสก็สั่งแถวหยุดอีกคราว ก่อนจะออกคำสั่งอย่างดุดังไม่เหมือนเดิม
“หยุดเดิน! แถวหน้านั่งลง!” กองกำลังอาสาที่ใกล้ระยะยิงระลอกแรกก็ได้หยุดลง ก่อนที่แถวหน้ากระดานแรกจะนั่งลงเปิดให้เห็นแถวสอง และแถวสามที่สามารถเล็งอาวุธของตนได้
”
“เล็งอาวุธ!” สิ้นเสียงปืนในมือก็ถูกเล็งไปข้างหน้ารอฟังคำสั่งต่อมา
”
“ยิง!” ปัง! ปังๆๆๆ! เสียงปืนชุดแรกจากแถวหน้าสุดปลดปล่อยเสียงความเกรี้ยวกราดออกมาพร้อมจิตสังหารจากผู้ใช้ ผู้โชคร้ายที่ถูกยิงนั้นไม่ทันได้สู้เลยด้วยซํ่า ไม่ทันตั้งตัวเสียงคำสั่งอีกรอบก็ออกมาจากปากของลาส
”
“แถวสอง ยิง!” ปังปังๆๆ! เหล่าทหารอาสาผลัดดันเหล่านักรบโดยการระดมยิงเป็นชุดสามแถว เมื่อครบแล้วก็ทำวนไปอีกรอบ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เหล่านักรบชนเผ่าต้องเจอความเร็วของการยิงที่เร็วกว่าอย่างมาก แม้ว่าจะเคยเห็นการโจมตีแบบสามแถวมาก่อนแต่ก็ไม่ได้เร็วเท่ากับกองกำลังตรงหน้า แน่นอนว่าเมื่อเจอแบบนี้ความเร็วในการรุกของเหล่านักรบเริ่มตกลงอย่างเห็นได้ชัด
”
ทหารอาสายังคงยิงอย่างต่อเนื่องสังหารเหล่าพันธมิตรชนเผ่าต้องตกตายเป็นใบไม้ร่วง แต่เมื่อการยิงรอบสามเสร็จ พันธมิตรชนเผ่าก็เข้าถึงระยะต่อสู้
“อยู่เป็นอิสระหรือตาย!” ย๊าา!! ลาสเผลอส่งเสียงคำกล่าวแปลกๆไปตามอารมณ์ที่แปรปรวนของเขา พร้อมปืนที่ฟาดไปที่หน้าของนักรบที่พุ่งเข้ามาหาลาส ไม่นานทุกคนก็ตะโกนเสียงดังตามแบบของตน ไม่ว่าจะเป็นเสียงด่าทอ หรือคำในใจนั้นล้วนถูกเปล่งออกมาหมด
”
ไม่นานเสียงสิงหนาทของเหล่าชนเผ่าและทหารอาสาก็ได้ประสานเข้าด้วยกัน ศึกแลกชีวิตระหว่างทหารอาสาและพันธมิตรชนเผ่าก็ได้เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง อาวุธปืนที่ติดดาบปลายปืนถูกแทงไปข้างหน้าหวังจะปลิดชีพคนตรงหน้า แต่ขวานศึกก็ถูกคว้างมาเสียบร่างกายแทน มีดพกที่แทงไปที่คอหอยของศัตรู ปืนคาบศิลาที่ยิงทะลุร่างกายของผู้โชคร้าย การต่อสู้รบราฆ่าฟันนั้นชุลมุนกว่าที่ลาสคิดไว้มาก ขณะที่ลาสกำลังใช้ด้ามปืนฟาดป้องกันตัวเอง เขาก็ไม่ได้ลดความระแวงตัวเขานั้นตั้งสติเพิ่มความระมัดระวังอย่างสุดความสามารถ จักหวะที่กำลังใช้ปืนพกยิงสังหารนักรบคนหนึ่ง ลาสก็พบสิ่งผิดปกติได้
“น่ะ…นั้นมันตัวบ้าอะไรกัน” ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อและความกลัวถูกแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
”
สิ่งที่เห็นคือสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นไม้เดินได้ อย่างกับหนังเรื่องใดสักเรื่อง ตัวมันสูง 9 ถึง 10 เมตร มีสองขาเป็นรากไม้ขนาดใหญ่ ทั้งตัวก็คือต้นไม้เดินได้ดีๆนี่เอง มันค่อยเดินเข้ามา ลาสตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จู่ๆมันก็โผล่ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ แถมมันยังตำใหญ่อีกเสียด้วย เป็นใครก็คงกลัวเป็นธรรมดาลาสก็เช่นเดียวกัน
อ๊ากกก เสียงเหล่าทหารอาสา ถูกมันปัดมือขนาดใหญ่ของมันลอยกระเด็นไปราวสี่ห้าคน ช่างโชคร้ายเสียจริง ร่างกายของพวกเขานั้นแม้จะไม่ตายแต่ดูแล้วข้างในคงเละไปหมด
ปังปังๆๆ ปุก เสียงปืนคาบศิลายิงกระทบกับลำตัวของต้นไม้เดินได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่ามันสร้างความหวาดกลัวให้แก่ฝั่งลาสอย่างมาก โดยเฉพาะมือขนาดใหญ่ที่พร้อมจะบดขยี้พวกเขาให้กลายเป็นเพียงเศษกองเนื้อ
“ร้อยตรี!! อาวุธปืนทำอะไรมันไม่ได้เลย!” ผู้หมวดที่สอง เบลิซาอุสตะโกนถามลาสด้วยความร้อนรน หาพวกเขาไม่รีบกำจัดมันมีหวังแนวรบได้พังทลายเป็นแน่ เนื่องจากหมวดที่สองนั้นต้องปะทะกับมันตรง ๆ ขณะที่ลาสกำลังตัวไม่ถูกเพราะความกลัวก็มีเสียงเรียกไม่ใกล้ไม่ไกล
”
“คุณลาสครับ! พวกมันคือทรีแอ๊น (Treants) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พวกยุคเก่า เจ้าตัวนี้เป็นเพียงภาชนะของเหล่าหมอผีครับ!” บูลล์กล่าวเสร็จก็หันไปหันไปแทงศัตรูด้านข้าง และยังคงเข้าปะทะกับนักรบชนเผ่าต่อไปอย่างสิ้นหวัง
”
ลาสที่ได้สติอีกครั้งก็คิดหาหนทางพิชิตเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ชื่อทรีแอ๊นตนนี้ให้ไว ลาสใช้สายตามองไปทั่วสนามรบ ใช้สมองทุกส่วนในการคิดหาทางอย่างเร่งรีบ เขาจ้องมองไปที่ตัวของ ทรีแอ๊น ตรงหน้าก่อนจะนึกสิ่งๆหนึ่งได้ขึ้นมา
หากต้นไม้นั้นตาย ถ้าไม่ตัดมาใช้ก็จงเผามันให้เป็นถ่านไม้แทน
คิดได้เช่นนั้นลาสก็รีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปหาผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่ง “ผู้หมวด อีวาน เหลือขวดเหล้าสักขวดสองขวดไหม?”
“ขออภัยที่ไถ่ถาม เหตุใดถึงอยากดื่มเวลารบกัน?” อีวานหันไปถามขณะคุ้มหมวดของตน ด้วยสีหน้าที่แปลกใจอย่างมาก
”
“เราจะทำอาวุธพิชิตเจ้ายักษ์แห่งพงไพรนั้น!” ได้ยินเช่นนั้น อีวานก็ยื่นกระเป๋าสะพายของตนให้ลาส ข้างในนั้นเป็นขวดเหล้าหลายขวด ซึ่งลาสก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าตัวจะพกมาด้วยจริง ๆ แถมยังเยอะอีกด้วย แต่พอจะถามเจ้าตัวดันพูดออกมาก่อน “รีบทำส่วนของท่านเถิด ร้อยตรี”
”
“อ่าเข้าใจแล้ว”
”
เมื่อได้ขวดเหล้ามาแล้วลาสก็รีบถอดผ้าขาดเอวของตนก่อนจะฉีกมันอย่างไม่ไยดี เขาทำมันด้วยความรวดเร็วเหมือนกับว่าเคยทำมาก่อนในครั้งอดีต เศษผ้าถูกยัดลงฝาขวดเข้าไปจนถึงนํ้าด้านล่าง ซึ่งลาสก็ทำมันทุกขวดในกระเป๋าของอีวาน ไม้ขีดไฟที่เคยใช้จุดยาสูปถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะที่จะนำมันจุดใส่เศษผ้าขวดแรก จนมันติดไฟขึ้นมา เมื่อเสร็จทุกอย่างลาสก็ตะโกนเรียกหมวดสองที่กำลังวิ่งหลบการโจมตีของทรีแอ๊น
“หมวดที่สองถอยแล้วไปรวมกลุ่มใหม่!” ลาสตะโกนเรียก
”
ไม่นานเหล่าทหารอาสาหมวดที่สองก็วิ่งถอยหนีจากแนวปะทะกับเจ้าทรีแอ๊นกันจนจ้าละหวั่น เมื่อเห็นว่าข้าศึกกำลังวิ่งหนี เจ้าทรีแอ๊นก็เร่งเท้าอันใหญ่เดินมาทางลาสทันที ลาสจ้องมองทรีแอ๊นด้วยความแกร่งกลัว ตั้งแต่เขาได้มาอยู่ที่แห่งนี้ เขาก็ยังไม่เจอความปลอดภัยเลยแม่แต่น้อย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ คงได้ตายก่อนแล้วกระมัง กำลังอาสานั้นกำลังชนะแนวรบฝั่งขวา เหล่านักรบชนเผ่าต่างถอยกลับทิ้งเหลือไว้ไม่ถึง 20 คน และทรีแอ๊นอีกหนึ่งตน แผนต่อไปของพวกเขาคือการตีทัพตรงกลาง แม้ว่าจะสูญเสียไปมากไม่ตํ่า 40 คนที่ต้องปลิดชีพกับการปะทะกับกองกำลังชนเผ่าปีกขวา อย่างน้อยพวกเขาก็สังหารข้าศึกไปมากกว่า 200
ตึง! ตึง! รากไม้อันเป็นขาใหญ่ของทรีแอ๊นค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาลาส แต่ที่น่าแปลกตัวเขาดันสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายที่เผยแพร่ออกมาจากต้นไม้ยักย์ต้นนี้ แต่ช่างน่าเศร้าหากมันมีความรู้มากกว่านี้ ก็คงไม่ประมาณเดินยํ่าเท้าโดยไม่สนอะไรแบบนี้หรอก
“ก็เพราะระเบิดเพลิงเป็นของโอท็อปชื่อดังเชียวนะ…”
”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
{Battle Plan on Utica Settlement}