ตอนที่ 17: เต้าหู้เหม็น (ส่วนที่2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนแรกนั้นชิยูตกใจที่เห็นลู่หยาน. เพราะเธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่. ลู่หยานนั้นเป็นหนึ่งในตัวละครหญิงหลัก. นางเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้ ยกเว้นก็แต่เรื่องหลินฟ่านล่ะนะ.
“เธอเป็นใคร?” ลู่หยานจ้องเข้าไปในตาของชิยู.
น่าตกใจมาก พอชิยูมองไปที่ดวงตาสีน้ำตาลของลู่หยานเธอก็เริ่มรู้สึกมึนๆไม่มีแรง. โชคดีที่มีความรู้สึกเย็นๆวูบขึ้นมาจากท้องของเธอ. ความรู้สึกมึนๆนั้นก็ค่อยๆจางหายไป.
นี่มันสะกดจิตนี่! ลู่หยานพยายามจะสะกดจิตเธอ!
ชิยูไม่พอใจมากๆ. เธอไม่ได้คิดร้ายต่อหลินฟ่านเลย แต่ลู่หยานกลับมาสะกดจิตเธอซะนี่!
“เธอมีความลับอยู่จริงๆด้วย” ลู่หยานพูด.
ชิยูมองเธออย่างเยือกเย็น “ทุกๆคนก็มีความลับทั้งนั้นแหละ. คุณหนูลู่เองก็เหมือนกันนี่? นางมีสายเลือดของเทพและการกระทำของเธอก็มีผลต่อชะตากรรมของทั้งตระกูลลู่”
“แต่เธอก็ดันมาอยู่นี่ เสียเวลากับหลินฟ่านแทนที่จะห่วงเรื่องชะตากรรมของตระกูลลู่. ชั้นเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงมีคนจากตระกูลลู่มาพาตัวเธอกลับไปแน่. เธอกังวลว่าหลินฟ่านจะถูกผู้หญิงคนอื่นยั่วงั้นหรอ?”
ตาของลู่ยานเย็นชาลงหน่อยๆ.
“เธอคิดว่าชั้นจะลักพาตัวเธอไปที่จวนตระกูลลู่รึไง?”
“ก็ลองสิ! อย่างน้อยชั้นก็รู้ว่าหลินฟ่านไม่ชอบผู้หญิงที่โหดร้ายและเจ้าเล่ห์. ชั้นไม่สนหรอกว่าเธอมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้” ชิยูไม่เกรงกลัวเลย.
นี่คือความผิดของเออ กู. ในนิยายของเขานั้นลู่หยานเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ แต่พอเป็นเรื่องพระเอกหลินฟ่าน เธอก็ซื่อบื้อทันที. แถมยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่เป็นแบบเธอด้วย.
จะพูดก็ได้ว่าโลกนี้แบ่งได้สองอย่าง: 1 ผู้หญิงทุกคนที่หลงสเน่ห์พระเอกของนิยายเออกู หลินฟ่านแล้วก็ตกหลุมรักกับเขา.
อย่างที่2 ที่หอมอ้วนเขียนไว้ก็จะเป็น: ผู้ชายทุกคนที่หลงสเน่ห์นางเอกจะตกหลุมรักเธอหมด.
ชิยูกำลังตั้งตารอวันที่พระเอกของนิยายเออกูกับนางเอกของนิยายหอมอ้วนได้มาเจอกัน. พวกเขาจะตกหลุมรักกันเองรึป่าวนะ? ถ้าเป็นงั้นมันก็คงจะตลกมากเพราะหลินฟ่านมีเมียเป็นกระบุงส่วนนางเอกของหอมอ้วนนั้นก็มีซิ้มเป็นเบือ.
ชิยูนึกภาพพวกเมียน้อยกับพวกผู้ของตัวเอกทะเลาะกันได้เลย.
สีหน้าน่ากลัวของลู่หยานลดลงเล็กน้อย “ชั้นจะปล่อยเธอไปก็ได้ แต่กลับกันเธอต้องไปที่เมืองตี๋โต่ว. เธอห้ามอยู่กับหลินฟ่าน”
ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพระเอกกับผู้หญิงอยู่ด้วยกัน?
“เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก. อีก3เดือนกว่างานประลองสำนักตระกูลหลินจะเริ่ม. ชั้นขอเวลาแค่เดือนเดียวเพื่อเปิดร้านใหม่. พอชั้นจัดการทุกอย่างลงตัวแล้วชั้นจะไป” หนึ่งเดือนนั้นดูเหมือนจะยาวสำหรับชิยูจริงๆ เธอทนรอไปที่เมืองตี๋โต่วไม่ไหวแล้ว.
“ถ้าเธอรักษาคำพูดล่ะก็ชั้นจะสั่งให้คนมาดูแลครอบครัวเธอแล้วกัน” ลู่หยานกล่าว.
ลู่หยานไม่ได้มีเจตนาอื่นใดในคำพูดของเธอเลย. เธอไม่ได้ขู่แต่เธอแค่อยากช่วย.
ชิยูไม่คิดเลยว่าลู่หยานคนนี้จะห่วงคนอื่นก็เป็น. ถ้าหลินฟ่านไปหาเธอพร้อมกับเมียนับสิบเธอจะโกรธเลือดขึ้นหน้ารึป่าวนะ?
แต่ก็ช่างมันเหอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหนิ.
“เธอมาเพื่อแค่นี้ใช่มั้ย?” ชิยูถาม.
“ใช่แล้ว” พอพูดจบลู่หยานก็จากไป.
ชิยูถอนหายใจแล้วคิด คนเรานี่มันตัดสินที่ภายนอกไม่ได้จริงๆ. จากนิยายของเออ กู ลู่หยานเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวานและมีคุณธรรมแต่ตอนนี้เธอดูจะหวงก้างผู้ชายเธอมากเกิน.
เอาจริงๆ ชิยูคงเข้าใจผิดไปแหละ. ตอนนี้ลู่หยานก็ถึงวัยที่สนใจผู้ชายแล้ว.
เธอกับหลินฟ่านรักกันแต่ก็ยังไม่ได้ร่วมรักกันหรือแต่งกัน. ดังนั้นในใจของลู่หยานคิดว่าหลินฟ่านยังไม่ได้เป็นของเธอ. เธอกันท่าผู้หญิงคนอื่นๆที่เข้ามาใกล้หลินฟ่านหมดและคิดว่าพวกหล่อนจะเข้ามายั่วและแย่งหลินฟ่านไปจากนาง.
หลายวันมานี้หลินฟ่านให้ความสนใจกับชิยูบ่อยมากๆ. ลู่หยานจึงรู้สึกไม่ดี.
นางเลยมาหาชิยูเพื่อสะสางเรื่องซะ.
ในหัวของลู่หยานนั้นชิยูคือคนไม่ดีที่พยายามจะมายั่วหลินฟ่าน.
ใครจะอยากมีศัตรูหัวใจกันล่ะ?
ลู่หยานทนไม่ได้หรอก. เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวคนโตของตระกูลลู่ที่โด่งดัง.
ทันทีที่ลู่หยานจากไป ชิยูก็ปิดประตูทันทีแล้วโดดขึ้นเตียง. เธอเข้าไปในมิติส่วนตัวนั้นอีกครั้ง. มันเต็มไปด้วยหมอกไปหมด.
โชคดีที่เธอเคยอ่านนิยายมาและรู้ว่ามิตินี้สามารถใช้ปลูกผักและเก็บของได้. มันสามารถใช้หนีเวลาโดนคนไล่ได้ด้วย.
เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะฝึกวิชาได้มั้ย. พอเธอนึกถึงความลำบากตอนที่ปรุงเนื้อสัตว์ปราณนั่นเธอก็ปวดหัวขึ้นมาเลย. ไฟยังทำอะไรมันไม่ได้ ถ้าในอนาคตเธอได้เนื้อสัตว์ปราณมาอีกเธอก็ปรุงมันไม่ได้. บ้าบอสิ้นดี.
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู๋นั้น หนังสือที่อยู่บนโต๊ะก็เปิดออกเอง. ชิยูมองเข้าไปแล้วก็มีตัวหนังสือหนึ่งบรรทัดโผล่ขึ้นมา.
“เมล็ดอัคคีระดับทั่วไป, หากชำนาญแล้วสามารถใช้แทนพลังปราณธาตุได้”
คนส่วนใหญ่ในโลกนี้ไม่สามารถฝึกวิชาได้. การฝึกวิชานั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของคนคนนั้นว่ามีปราณธาตุหรือเปล่า. ถ้าไม่มีปราณธาตุพวกเขาก็เป็นแค่คนธรรมดา.
แต่ตอนนี้หนังสือกลับบอกว่ามีหนทางที่จะแทนพลังปราณธาตุได้. ถ้าคนอื่นล่วงรู้ล่ะก็ คงจะสร้างหายนะและความปั่นป่วนแน่ๆ.
วันต่อมาชิยูก็ไปถามหลินฟ่าน “นายรู้มั้ยว่าเมล็ดอัคคีคืออะไร?”
“เมล็ดอัคคีหรอ?” หลินฟ่านงง “ชั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
“เมล็ดอัคคีรึ? ชั้นเคยได้ยินมาอยู่นะ” คนที่พูดนั้นเป็นทาสชรามากคนหนึ่งของตระกูลหลิน เขากำลังถูพื้นอยู่ใกล้ๆ.
“ในห้องสมุดนั้นมีบันทึกไว้ว่าสวรรค์และปฐพีให้กำเนิดสิ่งต่างๆนับพัน. เมล็ดอัคคีคือหนึ่งในนั้น. แต่ของชิ้นนี้ไม่มีค่าอะไรยกเว้นสำหรับพวกที่มีปราณธาตุไฟ. ต่อให้ใช้มันได้อย่างชำนาญแล้วมันก็ไม่สามารถเอาไปสร้างเครื่องรางหรือยาดีๆได้เลย. มันเอาไว้ใช้ได้แค่จุดเทียนเท่านั้น”
“.....” ชิยูตะลึง “ถ้ามันเป็นของที่ไม่มีใครต้องการ ก็แสดงว่ามันหาได้ง่ายใช่มั้ยคะ?”
“ถึงมันจะไม่มีค่าแต่มันก็เป็นของที่สวรรค์และปฐพีสร้างมานะ! เธอคิดรึว่ามันเหมือนกับผักกาดที่จะโตได้ทุกที่รอวันที่เธอมาเก็บน่ะ?” ทาสชรากลอกตา.
หลินฟ่านได้ยินดังนั้นก็มองมาทางชิยูด้วยความตะลึง “เธออยากได้เมล็ดอัคคีหรอ?”
“ใช่” ชิยูไม่ปิดบังเลย. ต่อให้พระเอกมีฮาเร็มเยอะขนาดนี้ นิสัยเขาก็ไม่ได้แย่.
“งั้นชั้นจะช่วยหาให้เธอนะ”
“ขอบใจนะ.
ไม่กี่วันต่อมา ชิยูก็เริ่มงานยุ่งเตรียมเปิดร้าน. ตามสัญญาแล้วตระกูลหลินได้หาซื้อร้านอาหารที่อยู่ใจกลางถนนของเมืองชิงฉานได้สำเร็จ. จากนั้นพวกเขาก็ให้ช่างมาต่อเติมร้านใหม่แล้วยกให้ชิยู.
เป้าหมายของเธอคือทำให้ร้านนี้เป็นร้านที่เยี่ยมที่สุดในเมืองชิงฉาน เพื่อให้ร้านนี้ทำเงินได้มากพอให้ตระกูลหลินภูมิใจกับสัญญาที่ทำไว้และช่วยปกป้องครอบครัวเธอ.
ถ้าเป็นแต่ก่อนล่ะก็ ชิยูมีความมั่นใจเหลือล้นมาก. แต่พอเธอได้รู้ว่าวิชาทำอาหารของเธอยังด้อยกว่าพ่อครัวที่เมืองตี๋โต่ว เธอจึงไม่อยากเสี่ยงมากนัก. ใครจะรู้ว่าในเมืองชิงฉานอาจจะมีเทพนักทำอาหารซ่อนอยู่ล่ะ? ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจะค่อยๆเป็นค่อยๆไปเอา.