42 การช่วยชีวิต 3
42 การช่วยชีวิต 3
ใบอ้ายเย่เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่ธรรมดาที่สุด แต่ก็มีหยางบริสุทธิ์ที่สุดอยู่ด้วย 'ความสามารถในการฟื้นฟูพลัง, ล้างเส้นลมปราณทั้งสิบสอง, ควบคุมหยิน, จัดการชี่และเลือดในร่างกายรวมไปถึงป้องกันโรคหวัดที่เป็นสาเหตุของโรคสำคัญอื่นๆ '
...
ในใจของเขาทุกคำในบทความที่เขาได้อ่านปรากฏขึ้นภายในใจในขณะที่จับแท่งอ้ายเย่มือของเอี้ยนลี่เฉียงก็เป็นเหมือนคีมคู่หนึ่ง
เขาจ้องมองไปที่แท่งอ้ายเย่และสะดือของเด็กพร้อมกับการแสดงออกที่มุ่งมั่นอย่างเต็มที่บนใบหน้าของเขา ทำให้เขาดูสง่างามเล็กน้อยในเวลานี้
ในบางครั้งมืออีกข้างของเอี้ยนลี่เฉียงจะขยับเพียงเล็กน้อย เขาทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้ขี้เถ้าที่หลุดออกจากแท่งอ้ายเย่ตกลงบนร่างของเด็ก
เอี้ยนลี่เฉียงใช้มือข้างที่ว่างจับขี้เถ้าและทิ้งลงบนถาดด้านข้างอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน
บางครั้งเมื่อเขาสลัดขี้เถ้าออกมาไฟสีแดงของอ้ายเย่ที่ลุกไหม้ก็จะหลุดออกไปพร้อมกันทำให้มือของเขาถูกลวกราวกับว่าเขาเอามือจุ่มลงไปในน้ำมันร้อน
อย่างไรก็ตามเอี้ยนลี่เฉียงยังคงพยายามจับมันด้วยมือของเขาต่อไป เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะทิ้งขี้เถ้าลงในถาดข้างๆเขา
ถ้าเขาย้ายถาดไปด้านบนและย้ายแท่งอ้ายเย่ออกไป มันจะขัดขวางกระบวนการรมควันชั่วขณะ ดังนั้นเอี้ยนลี่เฉียงจึงจำเป็นต้องจับขี้เถ้าด้วยมือของตัวเอง
ในขณะที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ขี้เถ้าตกลงไปสัมผัสกับร่างกายของเด็ก เอี้ยนลี่เฉียงก็เฝ้าติดตามอุณหภูมิของผิวหนังรอบๆสะดือของเด็กอย่างใกล้ชิด
เขาทำโดยการเอานิ้วแตะบริเวณสะดือท้องเป็นระยะๆ เพื่อให้รู้สึกถึงอุณหภูมิของผิวหนังบริเวณนั้น
เขาไม่ต้องการให้แท่งอ้ายเย่ทิ้งรอยไหม้ไว้ที่เด็ก เขารู้ว่าพ่อแม่เจ็บปวดอย่างยิ่งที่ต้องเห็นการตายของลูก ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นร่างของลูกที่ล่วงลับไปแล้วถูกคนอื่นกระทำอย่างมักง่ายจนได้รับความเสียหาย
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรายละเอียดที่เล็กที่สุดที่คนส่วนใหญ่อาจละเลยไป แต่สำหรับเอี้ยนลี่เฉียงประสบการณ์ของเขาจากชีวิตก่อนหน้านี้ได้สอนเขาว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆเช่นนี้จะต้องไม่ถูกละเลย
สิ่งเหล่านี้เป็นองค์ประกอบที่ทำให้บุคคลที่ร่ำรวยจากชีวิตก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จ
ตราบเท่าที่เขาให้ความสนใจกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ตระกูลลู่จะไม่คิดว่าเขาเป็นคนหลอกลวงแม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการชุบชีวิตเด็กคนนี้ก็ตาม
พ่อของเด็กเฝ้าดูการกระทำของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างใกล้ชิดในตอนแรก แต่ในที่สุดเมื่อเขาได้เห็นเอี้ยนลี่เฉียงพยายามอย่างเต็มที่และทำงานอย่างจริงจังใบหน้าของเขาก็ค่อยๆอ่อนลงและถอนหายใจออกมาในที่สุด
เมื่อขี้เถ้าของแท่งอ้ายเย่กำลังจะหลุดออกไปก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาไม่ให้ตกลงไปในมือของเอี้ยนลี่เฉียง “ให้ข้าทำเอง…” เสียงแหบทุ้มเอ่ยข้างหูของเขา
ก่อนที่แท่งอ้ายเย่แท่งแรกจะเผาไหม้จนหมด เอี้ยนลี่เฉียงก็ได้จุดอีกแท่งขึ้นมาใหม่แล้ว
...
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆห้องทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของแท่งอ้ายเย่ที่แผดเผา ภายในช่วงเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม เอี้ยนลี่เฉียงได้ใช้ไม้อ้ายเย่ไปแล้วสองแท่ง จนตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่ยามค่ำคืน
ตอนนี้เอี้ยนลี่เฉียงกำลังมุ่งมั่นอยู่กับอ้ายเย่แท่งที่ 3 และครึ่งหนึ่งของมันถูกเผาไหม้ไปแล้ว
ในระหว่างนี้อุณหภูมิของห้องถูกรักษาไว้อย่างเหมาะสม
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงคิดว่าวิธีนี้อาจไม่สามารถช่วยเด็กได้นิ้วของเขาที่สัมผัสกับสะดือของเด็กก็รู้สึกได้ถึงลำไส้ที่ชักกระตุกอยู่ด้านใน ...
ก่อนที่เอี้ยนลี่เฉียงจะทันได้ตอบสนอง ...
จู่ๆเด็กที่นอนอยู่ก็สำลักขึ้นจากนั้นหันศีรษะไปด้านข้างและอาเจียนน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก
เด็กคนนั้นลืมตาขึ้นช้าๆ ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นมาเขาก็ได้พบกับดวงตาที่แดงก่ำจากพ่อของเขา
“วาาา!…” เด็กคนนั้นเริ่มร้องไห้เสียงดังทันที
เอี้ยนลี่เฉียงวางแท่งอ้ายเย่ที่เผาไปแล้วครึ่งหนึ่งลงบนถาดข้างๆ จากนั้นเขาก็ยืนอยู่ที่ด้านหนึ่งพร้อมกับจ้องมองไปที่เด็กชายคนนั้นซึ่งกำลังร้องไห้อย่างหนัก
เสียงในใจของเขาตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่า 'ข้าทำเสร็จแล้วข้าทำได้แล้ว!! '
...
ไม่ใช่แค่เด็กคนนั้นที่ร้องไห้แม้แต่เอี้ยนลี่เฉียงก็มีน้ำตาไหลซึมออกมา
...
เสียงร้องของเด็กคนนั้นดังขึ้นในห้องมันเป็นเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง ในพริบตาเอี้ยนลี่เฉียงก็รู้สึกได้ว่าประตูด้านนอกถูกผลักเปิดออกอย่างรุนแรงตามด้วยเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลั่งไหลไหลเข้ามา
"หลินเอ๋อ " หญิงงามคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบปีพุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเด็กคนนั้นตื่นขึ้นมานางก็กรีดร้องด้วยความดีใจจากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเด็กคนนั้นไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างตื้นตันใจ
เมื่อเห็นฉากนี้เด็กสาวสองสามคนที่อยู่ข้างๆก็เริ่มร้องไห้ตามมาติดๆ
นายผู้เฒ่าลู่ซึ่งอายุมากแล้วตอนนี้ก็มีสีหน้าแดงก่ำแม้แต่มือของเขาก็ยังสั่นเล็กน้อย
“คนที่ตายแล้วชัดๆแต่กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง…. นี่ต้องเป็นสวรรค์เมตตาตระกูลลู่ของข้า…”
ในขณะนี้สายตาทุกคู่ในห้องมันก็จับจ้องมาที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงด้วยความฉงนใจ