บทที่ 26 พันธมิตรในอาชญากรรม
“แล้ว…จะเป็นใครกันละ?”
พ่อของฉันจิบกาแฟของเขาวางลงบนโต๊ะไม้ทรงกลมที่เราทุกคนนั่งอยู่รอบ ๆ
ตอนนี้เราเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จกับสมาชิกทวินฮอนซึ่งกลุ่มนี้ได้เลือกโรงแรมที่ค่อนข้างเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยคนพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ขณะที่พวกเขาสนทนากันขณะรับประทานอาหารเช้า แม่ของฉันกำลังยุ่งอยู่กับการเช็ดเศษอาหารที่เหลืออยู่รอบๆปากของน้องสาวของฉันออก
“คยู!”
ซิลวีกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะโดยชูศีรษะของเธอสูง แม้จะไม่มีการพูดออกมา แต่ทุกคนก็สามารถเข้าใจได้ว่า
‘ฉันคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะปกป้องป๊า!’
ทุกคนรู้ได้ว่านั่นคือสิ่งที่เธอคิด
“ซิลวี! มานี่หน่อย ~!”
น้องสาวของฉันกระดิกชิ้นเนื้อต่อหน้าซิลวีเพื่อล่อลวงมังกรในตำนานของฉันซึ่งเธอเริ่มน้ำลายไหลทันทีเหมือนลูกสุนัขที่หิวโหยก่อนที่เธอจะกระโจนเข้าอ้อมกอดน้องสาวของฉัน
เมื่อฉันเห็นสิ่งนี้ฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ เมื่อคิดว่าซิลวีจะกระดิกหางใส่โจรที่ฉลาดพอที่จะล่อเธอด้วยเศษเนื้อ
เห็นได้ชัดว่าอดีตสมาชิกปาร์ตี้ของพ่อของฉันเพิ่งสำรวจดันเจี้ยนกับปาร์ตี้อื่นๆเสร็จ พวกเขาจึงมีเวลาว่างก่อนที่จะทำภารกิจต่อไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าพวกเขาจะมีเวลา แต่สำคัญที่มีสักคนอยากจะช่วยจริงๆ
อดัมซึ่งถูกพูดขึ้นก่อนขณะขัดปลายหอกเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
“การเลี้ยงเด็กไม่เข้ากับสไตล์ของฉันจริงๆฉันขอผ่าน นอกจากนี้ฉันรู้สึกว่าด้วยบุคลิกของฉันอาเธอร์อาจลอบฆ่าฉันตอนที่ฉันนอนหลับสักวันหนึ่ง”
แม้จะเป็นเรื่องตลก แต่พ่อของฉันก็ตอบด้วยการพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขารู้ว่าอดัมมีนิสัยใจคอแบบไหนและในทางกลับกันก็รู้ว่าพวกเขาไม่น่าจะเข้ากันได้
“ฉันหวังว่าเดอร์เดนหรือเฮเลนจะไปกับอาเธอร์มากกว่า พูดตามตรงถึงแม้ว่าฉันจะเสนออะไรไม่ได้มาก แต่อลิซกับฉันเต็มใจที่จะชดเชยให้พวกนายไม่ว่าจะในทางใดก็ตามหากนายช่วยเป็นพี่เลี้ยงอาเธอร์”
“อย่าพูดแบบนั้นเรย์เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันเองก็อยากที่จะอยู่กับเขาและเฝ้าดูเขาเติบโต”
ยักษ์ผู้อ่อนโยนตอบดวงตาที่แคบของเขาเล็กลงขณะที่เขายิ้ม
“เดอร์เดนพูดถูก พวกนายทุกคนควรรู้ว่าเราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อเงิน นอกจากนี้เรายังได้รับสมบัติมาเล็กน้อยจากการบุกดันเจี้ยนครั้งล่าสุดของเรา”
เฮเลนพูดพลางส่ายหัว
ทันใดนั้นมือที่เงียบก็ชูขึ้นทำให้ทุกคนที่โต๊ะหันไปมอง
“ฉันอาสาสมัครเอง”
“จ..จัสมิน? เธออยากจะไปกับอาเธอร์หรือ?”
แองเจล่ากระอักกระอ่วนและมองเพื่อนตัวแสบของเธอด้วยความตกใจ
แองเจลาถามอีกครั้งอย่างชัดเจนเพราะว่าเธอเองก็อยากที่จะมากับฉันเช่นกัน แต่ฉันกลับรู้สึกว่าการมีแองเจลาจะเป็นแหล่งที่มาของอันตรายมากกว่าภัยคุกคามใดๆ ของนักผจญภัย
ฉันพยายามบอกใบ้เบาๆ ว่าเธออาจจะไม่เหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังแปลกใจที่จัสมินคิดจะไปกับฉัน
“อืม…พูดอย่างมีเหตุผลจัสมินเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในการปกป้องอาเธอร์ เดอร์เดนเชี่ยวชาญเฉพาะเวทย์โจมตีเป็นวงกว้างเท่านั้น ถึงแม้ว่าฉันจะอยากไปกับอาเธอร์เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกว่าบางทีฉันอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุดเพราะการปกป้องใครสักคนไม่ใช่จุดแข็งของฉันจริงๆ”
เฮเลนเกาหัว
“จัสมินคุณโอเคไหมที่จะไปกับอาเธอร์?”
แม่ถามด้วยความกังวล
จัสมินมองแม่ด้วยสายตามุ่งมั่นขณะที่เธอพยักหน้าตอบรับอย่างแน่วแน่
“หึ! เธอบอกว่าเธออยากไปก็ปล่อยเธอไป เธอเป็นออกเมนเตอร์คนเดียวในหมู่พวกเราที่ใช้ความสัมพันธ์เชิงองค์ประกอบของธาตุได้! มานาคอร์ของเธอเข้าสู่ช่วงสีเหลืองเข้มเมื่อปีที่แล้วและเมื่อรวมกับคุณสมบัติของลมแล้วฉันคิดว่าเธอเหมาะที่สุด”
อดัมพูดหลังจากหัวเราะเบาๆ ขณะที่เขาเอนหลังพิงเก้าอี้
“อืม…เพื่อความปลอดภัยของอาเธอร์ฉันเดาว่าฉันคงต้องขอถอนตัวจากการเป็นพี่เลี้ยงมันน่าเสียดาย”
เดอร์เดนเพียงก็เกาหัวของเขาด้วยความผิดหวังอย่างชัดเจน
“ขอโทษนะเดอร์เดนฉันรู้ว่านายห่วงใยอาเธอร์มากแค่ไหน”
พ่อของฉันวางแขนบนไหล่ของนักเวทย์ตัวใหญ่คนนี้
“บางทีผมอาจจะได้เข้าร่วมกับทวินฮอนในการบุกดันเจี้ยนในอนาคต!”
ฉันอุทาน เดอร์เดนยิ้มให้ฉันพยักหน้าขณะที่เขาขยุ้มผม ส่วนสมาชิกทวินฮอนที่เหลือก็หัวเราะเบาๆ อย่างสนุกสนานเมื่อเราจบการสนทนา
มีการตัดสินใจแล้วว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ฉันจะไปกับจัสมินที่กิลด์ของนักผจญภัยและลงทะเบียนด้วยตัวเอง ฉันจะเริ่มต้นในฐานะนักผจญภัยคลาส E โดยอัตโนมัติหลังจากผ่านการทดสอบง่ายๆและภารกิจที่ฉันทำ ระดับชั้นของฉันก็จะค่อยๆขึ้นตามนั้น
เมื่อกลับถึงบ้านฉันเห็นลิเลียที่ชั้นล่างกำลัง - ทำสมาธิ - ขณะที่สาวใช้คนหนึ่งวางถ้วยน้ำไว้ข้างๆเธออย่างเบามือ
“อื้อ…ลิลลี่ไม่ยุติธรรม! ฝึกโดยไม่มีหนู!”
น้องสาวของฉันรีบวิ่งผ่านฉันและย่อตัวลงในท่านั่งที่สบายเพื่อเริ่มการฝึกในการจัดการมานาของเธอเช่นกัน
เท่าที่ฉันสามารถบอกได้มันต้องใช้เวลาอีกสองสามปีในการสร้างมานาคอร์ แต่ในจังหวะที่ลิเลียกำลังทำมันเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการว่าเธอจะตื่นในช่วงเวลาเฉลี่ยของเด็กส่วนใหญ่จะทำได้
ในทางกลับกันเอลลีไม่มีความอดทนในการฝึกและเริ่มเบื่อหลังจากผ่านไปหนึ่งหรือสองชั่วโมงดังนั้นเธอจึงต้องใช้เวลานานขึ้น แต่ฉันไม่อยากให้เธอกลายเป็นนักเวทย์เร็วจนเกินไป เธอจะดึงดูดความสนใจที่ไม่ต้องการมากเกินไป ฉันจะภูมิใจมากถ้าหากเธอสามารถสร้างแกนมานาได้เมื่ออายุเก้าหรือสิบขวบ
ฉันถอดเสื้อแจ็คเก็ตออกแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับพ่อที่กำลังเดินขึ้นบันได
“พ่อครับเราไปที่โรงประมูลอีกครั้งได้ไหม? ผมต้องการจะเลือกดาบ เราไม่มีโอกาสหลังเหตุการณ์ก่อนหน้าและผมอยากจะเริ่มฝึกซ้อม”
“ได้สิพ่อมีบางสิ่งที่จะต้องบอกกับทีมของพ่อที่นั่นอยู่พอดี เราจะขอให้คนขับรถม้าอยู่ต่ออีกสักหน่อยดังนั้นไปอาบน้ำรอเลย”
________________________
ทั้งพ่อและแม่ของลิเลียรอเราอยู่ที่บ้านประมูลของพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นพวกเขาทั้งสองคนหลังจากเหตุการณ์นั้นดังนั้นฉันจึงต้องเผชิญกับคำถามยาวๆ จากทั้งสองคนเกี่ยวกับสุขภาพของฉัน หลังจากเกลี้ยกล่อมและทำให้มั่นใจว่าฉันสบายดีในที่สุดเราก็เข้าไปข้างใน
ฉันบอกได้เลยว่าวินเซนต์รู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าตอนที่ได้เห็นการปฏิบัติของพระราชาเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้แต่ ณ จุดนี้ต่อให้กษัตริย์รู้สึกอย่างไรกับฉันฉันแค่รู้สึกเฉยๆต่อชายคนนั้นเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับฉันเลยนอกจากมองฉันเป็นเด็กน้อยที่ไม่มีนัยสำคัญซึ่งมันเหมาะกับฉันในตอนนี้
ตัวแทนของพระราชาบอกเราในคืนนั้นว่าทั้งออกเมนเตอร์ที่ทำร้ายฉันและเซบาสเตียนถูกปลดออกจากตำแหน่งขุนนาง วินเซนต์เพียงแค่เย้ยหยันเมื่อพ่อบอกเรื่องนี้กับเขา
เจ้าของบ้านประมูลไม่อยากจะเชื่อว่าการพิจารณาคดีของพวกเขาไม่ใช่อะไรนอกจากคำโกหกที่ทำให้สบายใจ
“ห๊ะ! พวกคนแบบนั้น…ทันทีที่พวกเขาได้รับการปลดตำแหน่งพวกเขาก็แค่หยุดพักผ่อนสักระยะหนึงก่อนที่พวกเขาจะได้ตำแหน่งกลับคืนมา”
ฉันสังเกตเห็นพ่อของฉันกำหมัดแน่น แต่การเมืองแบบนี้มันเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกับฉันมากๆ
พ่อออกไปกับวินเซนต์เพื่อไปพบกับทหารยามในขณะที่ทาบิธาพารถม้าของเรากลับไปดูแลลิเลียและทิ้งฉันไว้กับซิลวีที่กำลังหาดาบ
ซิลวีกระโดดขึ้นบนหัวฉันและมองไปรอบๆ ห้องเก็บของที่รกรุงรังด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกลื่อนไปด้วยลังและชั้นวางสินค้าเบ็ดเตล็ด
วินเซนต์เคยบอกฉันว่าบ้านประมูลเฮลสเตอาเก็บสินค้าไว้มากมาย ส่วนใหญ่มาจากพ่อค้าและนักผจญภัยที่อยู่คนละทวีป บ้างก็เป็นไอเทมจากสถานที่ห่างไกลรวมถึงอาณาจักรคนแคระด้วย
เขาแทบจะไม่มีการทำธุรกรรมทางธุรกิจกับเอลฟ์เลยนับตั้งแต่สงครามแย่งชิงดินแดนที่เป็นกลาง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ได้รับการกล่าวขานว่าดีขึ้นจนถึงขั้นมีการจัดทัวร์นาเมนต์กระชับมิตร มันเป็นกระบวนการที่ช้าในการพูกมิตรอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเนื่องจากอาวุธของเอลฟ์ซึ่งค่อนข้างเบาบางกว่าจะเหมาะกับคนที่มีร่างกายแบบฉัน
สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ในขณะที่อยู่กับครอบครัวเอราลิธในเอเลนนัวร์ก็คือทั้งอาวุธและชุดเกราะที่คนแคระสร้างถือเป็นชั้นสูงยอดเนื่องจากความเชี่ยวชาญโดยกำเนิดของเผ่าพันธุ์ พวกเอลฟ์มีความเชี่ยวชาญในการสร้างธนูเช่นเดียวกับคทาสำหรับคอนเจอะเรอร์และไม้กายสิทธิ์
อาวุธที่น่าหลงใหลส่วนใหญ่ถูกประมูลในงานเมื่อวานดังนั้นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คืออาวุธปกติที่จะขายในแผงขายของซึ่งมันก็ดีพอสำหรับฉัน ฉันไม่ได้มองหาอะไรที่พิเศษเพียงแค่หาอาวุธที่พอพึ่งพาได้
เมื่อมองผ่านไปที่ชั้นวางของที่ไม่มีที่สิ้นสุดฉันก็ได้เลือกอาวุธมาสองสามชิ้นเพื่อทดสอบ ฉันใช้เวลาไม่นานก่อนที่ฉันจะยัดมันกลับขึ้นไปที่ชั้นเพราะมันทำมาได้ไม่ดี ความสมดุลระหว่างใบมีดและด้ามจับนั้นแย่มากแถมยังมีรูปร่างที่เรียบง่ายโดยไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใดๆ สำหรับการใช้งานจากการเหวี่ยงหรือแรงผลักของดาบ
ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนเลือกมากจนเกินไป แต่หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงในห้องเก็บของฉันก็เห็นได้ชัดว่ารสนิยมในการใช้ดาบของฉันมีความพิเศษเกินไป
ซิลวีเริ่มเบื่อกับการกระทำซ้ำๆ ของการเอาดาบแกว่งมันสองสามครั้งและวางมันกลับเข้าที่เดิม เธอไม่มีความสุขและกระโดดออกจากหัวของฉัน เธอเริ่มการผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ด้วยตัวของเธอเอง
ฉันเดินลึกเข้าไปในห้องเก็บของขนาดใหญ่ผ่านชั้นวางของที่มีดาบที่ดูน่าดึงดูดกว่าดาบที่ถูกแสดง จากนั้นฉันก็เดินมาถึงส่วนของห้องที่มีดาบหุ้มกองอยู่ในถัง
สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตเห็นเกี่ยวกับดาบในโลกนี้ก็คือพวกมันแบ่งออกเป็นสองประเภท:
มีดาบขนาดใหญ่ทั้งดาบหนักกว้างหรือเคลย์มอร์ยาว นักรบและออกเมนเตอร์สายโจมตีหลายคนชอบดาบยักษ์เหล่านี้เนื่องจากพลังดิบของมันที่สามารถสร้างขึ้นได้จากการแกว่งเพียงครั้งเดียว แต่คนอื่นๆ มองว่าอาวุธนั้นป่าเถื่อนและไม่มีความปราณีต
ดาบที่สมดุลมากขึ้นซึ่งอัศวินและนักผจญภัยมักใช้กันมากที่สุดคือดาบแบนกว้าง โดยทั่วไปแล้วดาบพวกนี้จะใช้มือข้างเดียวควบคู่ไปกับโล่ในอีกข้างหนึ่งแต่ก็มีประเภทที่ต้องใช้สองมือ ดาบเหล่านี้มีความสมดุลและใช้งานได้หลากหลายแบบ มันเป็นดาบมาตรฐานสำหรับคนที่เริ่มเรียนรู้วิชาดาบ
ประเภทสุดท้ายของดาบคือดาบที่เบาและบางกว่า อาวุธเช่นกระบี่ ดาบคมโค้งซึ่งโลกของฉันเรียกว่าคาตานะ - เรเปียร์และมีดสั้นล้วนตกอยู่ในประเภทนี้เช่นกัน กระบี่ คาตานะและเรเปียร์เน้นไปที่ความเร็วและความแม่นยำในขณะที่มีดสั้นมักถูกใช้เป็นอาวุธลับหรือถืออาวุธคู่เพื่อให้มีรูปแบบการต่อสู้ที่หลากหลายและผาดโผนมากขึ้น
แม้ว่าอาวุธที่นี่จะเป็นเกรดระดับสอง แต่ความเป็นนักดาบในตัวฉันก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามความตื่นเต้นนั้นใช้เวลาไม่นาน ฉันถอนหายใจที่พ่ายแพ้จากการค้นหาดาบของฉัน ฉันเหวี่ยงดาบสั้นธรรมดาๆที่ฉันหยิบออกมาก่อนหน้านี้โดยไม่ตั้งใจและแทบจะไม่ถือว่ามันเป็นที่ยอมรับได้ ฉันจำเป็นจะต้องใช้ดาบเล่มนี้ถ้าฉันไม่พบสิ่งอื่นใด
ฉันยอมแพ้ในการค้นหาดาบที่ดีกว่าและเดินเข้าไปในส่วนเบ็ดเตล็ดที่พวกเขาถืออาวุธประเภทอื่น ฉันสามารถเห็นอาวุธที่ไม่เหมือนใครแม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพและดูเหมือนว่าพวกมันได้รับการออกแบบโดยเด็ก
เมื่อเดินไปตามทางเดินฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อฉันเจอสิ่งที่คล้ายกับที่โลกของฉันเรียกว่า นันชัค มีแม้กระทั่งกระบองดาวประกายที่มีน้ำหนักมากจนแม้ว่าฉันจะเพิ่มมานาของตัวเองแล้วฉันก็พยายามยกมันขึ้นจากพื้นได้
“เหอ! ดูเหมือนเรามาถึงทางตันแล้วนะซิล”
ฉันนั่งลงบนพื้นและพิงโล่ขนาดใหญ่ขณะที่ซิลวี่ยังคงวิ่งเหยาะๆ
ทันใดนั้นซิลวีก็ส่งเสียงร้องอย่างกระตือรือร้น
ฉันเดินไปหาซิลวีและฉันเห็นซิลวีกำลังขุดกองอาวุธ ไม่นานกลุ่มฝุ่นก็เข้ามาปกคลุมเราขณะที่ซิลวียังคงค้นหาบางสิ่งบางอย่าง
เธอใช้อุ้งเท้าหน้าชี้ไปที่แท่งสีดำที่ดูไม่ธรรมดา
มีความยาวไม่ถึงหนึ่งเมตรและดูเหมือนจะเป็นไม้เท้าชนิดหนึ่ง
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันกำลังมองหานะซิลวี”
ฉันถอนหายใจ แต่เธอก็กระโดดเข้ามาหาฉันแล้วผลักฉันเข้าหาแท่งไม้สีดำ
ด้วยความเต็มใจฉันเดินไปหยิบมันขึ้นมาแต่ด้วยความประหลาดใจกับน้ำหนักของแท่งไม้ที่ดูเบาบางเมือมันอยู่ในมือฉัน
แม้ว่ามันจะทำจากไม้ขัดมัน แต่ก็มีน้ำหนักมากกว่าไม้เท้าธรรมดา ๆ
ฉันจับมันขึ้นมาดูใกล้ๆ ตรวจสอบก้านอย่างระมัดระวังมากขึ้น
แท่งไม้มีการเคลือบสีด้านและไม่สะท้อนแสงใดๆ เลยในขณะที่แท่งทั้งแท่งเรียบเนียนเมื่อสัมผัส
แม้จะสังเกตไม่ได้ในตอนแรกฉันเห็นการออกแบบที่ซับซ้อนทั่วทั้งขั้วของมัน แต่นอกเหนือจากนั้นฉันไม่พบอะไรที่พิเศษเกี่ยวกับมันเลย
ซิลวียังคงจ้องที่ไม้เท้าในมือของฉัน ดวงตาสีทองของเธอเป็นประกายราวกับว่าเธอพบสมบัติของชาติ
ฉันไม่พบอะไรที่น่าทึ่งเกี่ยวกับมันและฉันลองแกว่งมันดู
มันรู้สึกดี
น้ำหนักถูกกระจายไปในลักษณะที่สมดุลเหมือนกับดาบสั้นที่ฉันหยิบออกมาเป็นตัวสำรอง การแกว่งอีกครั้งทำให้ฉันมั่นใจว่าจุดประสงค์ของแท่นไม้นี้มีจุดมุ่งหมายอื่นมากกว่าที่จะใช้เป็นไม้คล้ำหรือไม้เท้า
ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นในตัวฉันอีกครั้ง ฉันเสริมมานาไปในตาของฉัน ฉันหวังว่าจะสังเกตเห็นบางสิ่งด้วยการมองเห็นที่ดีขึ้นและความหวังของฉันก็สว่างขึ้นทันที
รายละเอียดนั้นจางมากๆจนฉันสังเกตเห็นมันหลังจากเสริมมานาไปในดวงตาของฉันเท่านั้น หลังจากนั้นฉันก็เจอมันได้หลังจากที่ฉันพยายามมองหามัน
มันจางยิ่งกว่ารอยเยื้องบนปลายแท่น มันเป็นเส้นเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะแยกไม้สองส่วนออกจากกัน
“…”
นี่คือดาบ!
ฉันพยายามงัดดาบออกจากฝักทันที แต่มันก็ไม่ขยับ แม้ร่างกายของฉันจะเสริมไปด้วยมานา แต่ฉันก็ไม่สามารถรวบรวมพละกำลังที่จะดึงมันออกมาได้
อย่าบอกนะว่านี่เป็นดาบเอกซ์แคลิเบอร์ที่ฉันต้องคู่ควรก่อนที่จะดึงมันออก...
แม้ว่าจะผลักมันออกด้วยความคิดโง่ๆ ฉันเสริมมานาคุณสมบัติธาตุไฟเข้าไปในดาบ แต่ก็ยังไม่มีประโยชน์
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปฉันตระหนักดีว่ามานาคุณสมบัติของธาตุไม่ใช่คำตอบ
…ไม่มีทาง…จะเป็นอย่างไรถ้า…
ฉันเปิดใช้งานเจตจํานงแห่งมังกรแต่ฉันไม่ได้ใช้พลังของมัน แต่เพียงแค่ใส่เจตจำนงเข้าไปในดาบการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์เพื่องัดดาบออกมาก่อนหน้านี้ เปลียนเป็นการลากดาบเบาๆ เพื่อให้ดาบถูกชักออกจากฝัก