บทที่ 202 รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่
ผู้เล่นแสดงท่าทางแปลก ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ราชินีเอลฟ์พูด
แม้ว่าตอนแรกเอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่าอายุขัยของพวกเขาเปลี่ยนไปหรือไม่หลังจากที่กลายเป็นผู้เล่น แต่ผู้เล่นที่รอบคอบบางคนก็ได้สำรวจความสามารถของระบบ หลังจากที่พวกเขากลายเป็นผู้เล่น และได้รู้ว่าเมื่อผู้ศรัทธากลายเป็นผู้เล่น ร่างกายของพวกเขาจะยังคงเติบโตและถูกจำกัดด้วยอายุขัยเช่นเดิม แต่เนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคภัยไข้เจ็บ หากไม่มีสถานการณ์พิเศษใด ๆ เกิดขึ้น ผู้เล่นส่วนใหญ่จะมีชีวิตเกิน 50 ปีตามอายุขัยเฉลี่ยของผู้คนบนโลกใบนี้ และในกรณีที่ดูแลตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม พวกเขาก็อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 200 ปี!
ยิ่งไปกว่านั้นซีเว่ยยังได้สร้างชุดเควส ‘ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่’ หากพวกเขาสามารถบรรลุเควสเหล่านั้นได้ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้นานกว่า 100 ปีได้ง่าย ๆ
กลับกันแม้ว่าพวกเอลฟ์จะมีอายุยืนยาว และว่ากันว่าเอลฟ์มีอายุขัยมาก 3,000 ปี แต่ปัจจุบันในเผ่าก็มีเอลฟ์โบราณเพียงไม่กี่ตน และเอลฟ์ที่อายุมากที่สุดก็มีอายุเพียงพันกว่าปีเท่านั้น พวกเขาคือเอลฟ์ที่รอดชีวิตมาจากสงครามเทพปีศาจเมื่อพันปีก่อน ส่วนเอลฟ์ที่เหลือเป็นเพียงคนหนุ่มสาวที่เพิ่งเกิดมาในยุคสมัยปัจจุบัน
ดังนั้นตราบใดที่เจสสิก้ามีอายุยืนถึง 200 ปี (ที่ไม่ได้สั้นเลยสำหรับเอลฟ์) ซึ่งต่างจากสิ่งที่เอลฟ์ป่าคาดเดาว่าเธอจะมีอายุประมาณ 50 ปี เซฟาริมก็จะยังคงอยู่ในความครอบครองของเธอ
“อะแฮ่ม เมื่อฝ่าบาทกล่าวเช่นนั้น เราก็ต้องเห็นด้วยเป็นธรรมดา” เอ็ดเวิร์ดตอบราชินีเอลฟ์อย่างเคร่งขรึม ขณะใบ้ให้เพื่อน ๆ อย่าทำตัวมีพิรุธให้พวกเอลฟ์รู้
แม้ว่าบรอมที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาจะรู้สึกตะหงิดใจที่มนุษย์เหล่านี้ทำตัวแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากและยังคงดูถูกมนุษย์ แถมเขายังเริ่มไม่พอใจคนพวกนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“เมื่อเรื่องนี้ได้ข้อยุติแล้ว เรามาคุยเรื่องต่อไปกันเถอะ” ราชินีเอลฟ์ละสายตาออกจากเซฟาริมและเจสสิก้า ก่อนจะมองไปที่เอ็ดเวิร์ดที่เป็นผู้นำกลุ่ม “ข้าเพิ่งได้รับวิวรณ์จากเทพธิดาจันทร์สีเงิน…ดูเหมือนเลดี้ลูน่าได้ตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับเทพเจ้าของเจ้าแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป เอลฟ์ป่าผู้ศรัทธาในเทพธิดาจันทร์สีเงินจะเป็นพันธมิตรของเจ้า”
“เอ๊ะ? โอ้…” เอ็ดเวิร์ดผงะสองครั้งซ้อนก่อนจะพยักหน้าอย่างงุนงง
เรื่องพันธมิตรนี่เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก
ก่อนหน้านี้ระบบได้ระบุว่าวิหารแห่งความยุติธรรมเป็นพันธมิตรของพวกเขา
ตอนนั้นผู้เล่นหลายคนรู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขาต้องการค้นหาพันธมิตร เพื่อทำงานร่วมกันและบังคับใช้ความยุติธรรมในนามของสวรรค์
ผลก็คือ จนถึงตอนนี้ผู้เล่นได้โค่นยักษ์แห้งแล้ง สังหารเดรคหนองน้ำ ในขณะที่เจสสิก้าเองระเบิดเดรคดินด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปกติแล้วสัตว์ประหลาดเหล่านี้เป็นสัตว์ประหลาดทรงพลังที่มนุษย์ธรรมดาไม่เคยพานเลยตลอดชีวิต แต่พวกมันกลับถูกผู้เล่นพบเจอและทุบตายทีละตัว ถึงอย่างนั้นแล้วพวกเขาก็ยังไม่พบวิหารแห่งความยุติธรรม!
'ความยุติธรรมของโลกนี้ถูกซ่อนไว้ลึกมาก!'
“แม้ว่ามันอาจจะสายไปหน่อยที่ข้าจะพูดเช่นนี้ แต่ข้ารู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกเจ้ามาก ที่ได้ช่วยการสังหารเดรคดินซึ่งเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อความปลอดภัยของทริเนียมาช้านาน” จากนั้นราชินีเอลฟ์ก็กล่าวเสริมว่า “ตามที่คาดไว้สำหรับผู้ที่เทพเจ้าแห่งเกมส่งมาสานสัมพันธไมตรีกับเรา”
เอ็ดเวิร์ดส่งยิ้มแห้ง ๆ แต่สุภาพออกไป
‘ไม่ เรามาที่นี่เพื่อเก็บสมุนไพรป่ากลับไปส่งเควส...’
“ในฐานะพันธมิตร ให้ข้าได้ตอบแทนเจ้าเถอะ…บอกมาสิว่าเจ้าต้องการอะไร”
ราชินีเอลฟ์ยิ้ม “แม้ว่าข้าจะไม่สามารถจ่ายสิ่งที่เกินอำนาจของข้าได้ แต่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถตอบสนองความปรารถนาส่วนใหญ่ของเจ้าได้”
เอ็ดเวิร์ดกำลังใช้ความคิด แต่ขณะนั้นโจก็พูดออกมาว่า “เราควรรับรางวัลเควสก่อนดีไหม”
คนอื่น ๆ คิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี พวกเขาแต่ละคนจึงเปิดระบบของตนต่อหน้าราชินีเอลฟ์ พวกเขากดรับรางวัลเควสและดูก่อนว่าระบบมอบเควสต่อเนื่องอะไรให้กับพวกเขา จากนั้นก็ค่อยตัดสินใจว่าจะขออะไรจากราชินีเอลฟ์
แต่จากมุมมองของราชินีเอลฟ์ มันเหมือนกับว่ากลุ่มของเอ็ดเวิร์ดกำลังเหม่อมองออกไปยังอากาศบาง ๆ ด้วยสีหน้าว่างเปล่า และสายตาของพวกเขาก็ไม่จดจ่อกับสิ่งใด
'ปฏิกิริยานั่นมันอะไร? ข้าเข้าใจหากเจ้าจะรวมหัวกันเพื่อปรึกษา…แต่เจ้ากำลังพยายามทำอะไรโดยไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ และทำราวกับว่าวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปซะอย่างนั้น?'
ถ้าจะให้อธิบายสถานการณ์ตอนนี้ มันก็เหมือนกับที่นายจ้างถามพนักงานว่าต้องการโบนัสเท่าไหร่ และพนักงานทุกคนก็ก้มหัวลงเล่นโทรศัพท์พร้อมกันหลังจากบ่นพึมพำอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้…
น่าฉงนแค่ไหน
ดังนั้นความประทับใจแรกที่ราชินีเอลฟ์มีต่อผู้เล่นจาก 'กล้าหาญ จริงใจ และมีความสามารถ' จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เอ็ดเวิร์ดก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดอย่างขึงขังว่า “รางวัลไม่สำคัญสำหรับเราหรอกขอรับ ข้าแค่อยากสร้างบางสิ่งเพื่อเป็นที่ระลึกต่อมิตรภาพของพวกเราทั้งสองฝ่าย!”
ผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็พยักหน้าเห็นด้วย
เหตุผลนั้นง่ายมาก หลังจากรับรางวัลเควสล้ว พวกเขาได้รับเควสต่อเนื่องเควสสุดท้าย
มันเป็นงานง่าย ๆ อย่างการโน้มน้าวราชินีเอลฟ์และวางไลฟ์สโตนในทริเนีย
ราชินีเอลฟ์พยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ในวิวรร์ของ ‘ลูน่า’ เทพธิดาจันทร์สีเงินได้กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน เธออนุญาตให้ผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมสร้างสิ่งที่เรียกว่า ‘หินวิเศษ’ ในทริเนียได้
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ข้ายอมรับคำขอของเจ้าในนามของเลดี้ลูน่า อย่างไรก็ตามมีเพียงหนึ่งในสามของประชากรของทริเนียเท่านั้นที่ศรัทธาในเทพธิดาจันทร์สีเงิน อีกหนึ่งในสามเป็นผู้ศรัทธาของเทพธิดาแห่งธรรมชาติ ในขณะที่เอลฟ์ที่เหลือเป็นผู้ศรัทธาของเทพธิดาทั้ง 2 องค์หรือเทพเจ้าอื่น ๆ ดังนั้นเจ้าสามารถสร้างได้ในพื้นที่ของผู้ศรัทธาเลดี้ลูน่าท่านั้น”
"เรื่องนั้นไม่มีปัญหาขอรับ" เอ็ดเวิร์ดเห็นด้วยราวกับว่าเขากำลังกล่าวคำสาบาน
"ดีมาก แล้วเจ้าจะสร้างเสร็จเมื่อใดรึ" ราชินีเอลฟ์ถาม
“ก็ วันนี้” เอ็ดเวิร์ดตอบอย่างไม่ลังเล
“…วันนี้?”
"ขอรับ"
แค่มีพิมพ์เขียวตราซีเว่ย ผู้เล่นจะสร้างอาคารที่ไหนเมื่อไหรก็ได้ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างอีกต่อไป!
ดังนั้นเอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ จึงวางไอเทมเควสไว้ในจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในอาณาเขตของผู้ศรัทธาเทพธิดาจันทร์สีเงิน
จากนั้นเหล่าเอลฟ์ก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจที่เห็นไลฟ์สโตนเริ่มก่อตัวขึ้นมาเอง
ต้องบกว่าไลฟ์สโตนคือสิ่งก่อสร้างที่สวยงามที่สุดในพิมพ์เขียวของซีเว่ย ที่แม้แต่เอลฟ์ก็ยังพอใจกับการมีหินผลึกกึ่งโปร่งใสที่ลอยอยู่ในอากาศก้อนนี้อยู่ในพื้นที่ของตน
“ที่นี่…” เมื่อราชินีเอลฟ์มาถึงจัตุรัส เธอก็พูด 2-3 ประโยคเพื่อกระตุ้นให้เอลฟ์ทำงานร่วมกับพันธมิตรใหม่ เนื่องจากเอลฟ์ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถยอมรับมนุษย์ได้ แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น ไลฟ์สโตนก็ได้พ่นผู้เล่นออกมาจำนวนมากเหมือนมีอาการท้องร่วง
นั่นเพราะโกวต้านได้อัพเดทการเดินทางท่องเที่ยวเมืองหลวงของเอลฟ์ลงในฟอรัม และผู้เล่นหลายคนก็แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้
เมื่อไลฟ์สโตนถูกสร้างขึ้น พวกเขาก็จัดกลุ่มมามาเยี่ยมชมทันที
“นี่คือเมืองหลวงของเอลฟ์รึ มันดูยิ่งใหหญ่มาก!”
“ทำไมอาคารที่นี่ถึงเป็นสีขาวทั้งหมด? ตาของพวกเขาจะไม่พร่ามัวหรือ?”
“คนเหล่านี้ต้องเป็นเอลฟ์ป่าแน่…พวกเขาสวยจริง ๆ”
“โอ้ลุงมาร์นี่ ลุงก็มาเหรอ ลุงเอา AWM ของข้ามาด้วยรึเปล่า”
"ข้าเอามา เงินมาของไป”
“เอามาก่อน หรือลุงกลัวข้าจะไม่จ่าย!?”
“คนสุดท้ายที่พูดแบบนั้นกับข้า หลอกเอาเงินข้าไปนับหมื่นริออนและวิ่งหนีไปพร้อมกับภรรยา”
“…”
“จัตุรัสแห่งนี้ใหญ่มาก ข้าตั้งแผงขายของที่นี่ได้ไหม? ขายเกราะกระดูกไอเทมสีน้ำเงิน 50 เหรียญเกม รับประกันคุณภาพ หากไม่พอใจเรายินดีคืนเงิน”
"ไอ้ขี้โกง! เอาเงินของข้าคืนมา!”
เมื่อมองไปยังจัตุรัสอันสงบสุขที่จู่ ๆ ก็พลันยุ่งเหยิงขึ้นมา ราชินีเอลฟ์ก็รู้สึกราวกับว่าความดันโลหิตของเธอพุ่งสูงทะลุปรอท ถ้าเธอไม่ได้รับการฝึกฝนความอดทนด้านจิตใจมาอย่างดีเป็นระยะเวลายาวนาน เธออาจจะเป่าคนเหล่านี้ให้หายจากทริเนียแล้ว
'วีรบุรุษผู้กล้ารึ?! คนเหล่านี้จากศาสนจักรแห่งเกมล้วนแต่เป็นคนบ้า!'
แม้ว่าราชินีเอลฟ์จะล่วงรู้ท่าแท้ของผู้เล่นเข้าโดยบังเอิญ แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเธอเองได้แหวกม่านให้เหล่าผู้เล่นก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างช้า ๆ
------------------------------------------------