ตอนที่ 8 ประโยชน์จากการครอบครอง (อ่านฟรี)
ตอนที่ 8 ประโยชน์จากการครอบครอง
“นี่มันบ้าไปแล้ว!! ผู้เล่น หยวน จะเคลียร์เกมได้อยู่แล้วนะ พวกเราเก็บสมุนไพรขายกันยังได้เงินไม่พอซื้ออาวุธเลย!”
“เกมไม่ได้ออกแบบมาให้จบได้ภายในสัปดาห์เดียวหรอก ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจจะเป็นปี”
“ก็ยังถือว่าเขานำหน้าผู้เล่นส่วนใหญ่ไปไกลโขอยู่ดี”
“ไอ้หมอนี่มีหวังมันจะปกครองพวกเราแหงๆ”
“ข้าว่ามันต้องโกงแน่ๆ ! ไม่มีทางที่จะได้ทุกอย่างเร็วขนาดนี้.แม้ผู้เล่นอันดับต้นๆยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้!”
“ถูกต้อง! โกงชัดๆ ผู้ดูแลระบบหายหัวไปไหน แบบนี้ต้องโดนลงโทษ”
เกมนี้กลายเป็นเกมยอดนิยมของโลกไปแล้วจึงทำให้ข่าวนี้กระจายไปอย่างรวดเร็ว. นอกจากนี้ค่าปรับในข้อหาโกงเกมจะเป็นการฟ้องร้องซึ่งต้องจ่ายค่าเสียหายจำนวนมาก ยิ่งกว่าการผ่อนบ้านสิบปีเสียอีก แถมบางครั้งหากโทษที่ได้รับหนักถึงขั้นจำคุกเลยก็มี
อย่างไรก็ตามพวกบีตเตอร์มืออาชีพ จะโกงอย่างเนียนๆ พวกเขาไม่ประกาศตนเช่นหยวน
“โกงชัดๆ เจ้าคิดว่าไง ไวท์โลตัส เจ้าเชื่อไว้ไอ้หมอนี่มันโกงไหม?” ชายหน้าตาหล่อเหลาในชุดคลุมสีม่วงพูด ขณะกำลังเตะไปที่หัวของหมาป่า ในมือถือดาบสีดำ พร้อมงูสายฟ้าพันอยู่บริเวณด้ามจับ เลือดสดๆกำลังหยดบริเวณคมดาบ
ข้างๆเขามีผู้เล่นหญิงสาวรูปงามยืนประกบอยู่สองคน เธอมองขึ้นฟ้าเพื่ออ่านประกาศ “ไม่ว่าเขาจะโกงหรือไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน” เธอหันมอง แมวดำขนาดใหญ่. “ฉันสนใจแค่ว่าภูตรับใช้ระดับพระเจ้าจะหน้าตาเป็นแบบไหนกัน”
แมวดำสองหาง เป็นมอนสเตอร์ธรรมดาไม่มีเกรด แต่มีความว่องไวสูงและพลังโจมตีที่ทรงพลัง หากเทียบกับพวกคัลติเวเตอร์แล้วจะเท่ากับผู้ฝึกฝนวิญญาณฝึกหัดอันดับที่ 4
“ภูตรับใช้ระดับเทพ…… ด้วยสิ่งนี้เขาคงจะกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อทั้งโลกจริงและโลกเสมือนเป็นแน่”
“นี่มันอะไรกัน? ไลท์นิ่งเอมเพอเรอร์ เขาอยู่อันดับสาม ตอนนี้คงรู้สึกกดดันไม่น้อย” สาวสวยอีกคนหัวเราะอย่างมีเลศนัย
“แล้วเธอหล่ะไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ เฟย์รี่ควีน?” ไลท์นิ่งเอ็มเพอเรอร์หันไปมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง
“นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ลืมเรื่องฉันเถอะ เฟ่ยคนนี้คงทำให้การจัดอันดับเลกาซี่นั้นปั่นป่วนน่าดู”
“ฉันคงโกหกถ้าบอกว่าไม่ได้สนใจเขา แต่การพูดว่าอันดับเลกาซี่ปั่นป่วนนั้นดูจะเกือนจริงไปหน่อย เขาอาจเป็นแค่พวกชีตเตอร์ก็ได้”
“แล้วถ้าเขาทำทั้งหมดด้วยทักษะของเขาเองหล่ะ คุณจะทำยังไง”
ใบหน้าของเฟย์รี่ควีนเปลี่ยนจะทะเล้นเป็นใบหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และเธอก็เริ่มจะตอบคำถาม “ถ้าแบบนั้นฉันจะรับสมัครเขามาเป็นพวกทันที”
“ฮ่า! เธอคิดว่าคิดว่าเธอเป็นคนเดียวงั้นหรอที่จะทำแบบนั้น อย่าลืมว่ายังมีเฟงแฟมิลี่ที่เป็นอันดับ 1 อยู่ ทุกแฟมิลี่ที่อยู่ในการจัดอันดับเลกาซี่นั้นต่างกำลังหาตัวเขาอยู่แน่ขระที่เรามัวแต่พูดคุยกัน”
“ชิ! ฉันรู้อยู่แล้วหรอกน่า ตราบใดที่พวกนั้นยังไม่พบตัวเขา โอกาสก็ยังเป็นของฉันอยู่”
ไลท์นิ่งเอมเพอเรอร์ถอนหายใจ “การคุยกับเธอเป็นเรื่องเสียเวลาเสียจริง”
“เรามาถึงแล้ว……สุสานโครงกระดูก” ไลท์นิ่งเอมเพอเรอร์และพรรคพวกได้รับข้อความแจ้งเตือน
ด้านหน้าของพวกเขาเป็นสุสานขนาดใหญ่มีโครงกระดูกจำนวนมากกำลังเดินไปมาอย่างเชื่องช้า ไร้การตอบสนองต่อสิ่งเร้า
“รีบๆจัดการให้เสร็จเถอะฉันรู้สึกกระอักกระอ้วนที่เห็นหน้านาย”
“เธอสมัครใจตามเรามาเอง…”
“นั่นเพราะเราได้รับภาระกิจเดียวกันก็เท่านั้น”
“ชิ ลุยกันเถอะพวกมันสังเกตเห็นเราแล้ว”
เฟย์รี่ควีน ดึงอาวุธออกมาเป็นแซ่ยาว ส่วนไวท์โลตัสกำลังถือดาบซึ่งดูธรรมดาๆ
ถึงพวกเขาเป็นระดับท็อปเพลเยอร์(ผู้เล่นอันดับต้นๆ) แต่ทั้งคู่ยังไม่มีโอกาสได้รับอาวุธระดับสูง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องทนใช้อาวุธธรรมดาไปก่อน
“ธาตุสายฟ้า” ไลท์นิ่งเอมเพอเรอร์(จักพรรดิสายฟ้า) จับดาบของเขาร่ายเวทย์เรียกงูสายฟ้าออกมาขดรอบตัวดาบ
“การเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย! ความเร็ว” ร่างกายของเฟย์รี่ควีน(ราชินีเพลิง) ที่ดูบอบบางเปร่งแสงสีฟ้ารอบตัวและร่างกายของเธอก็ลดน้ำหนักลงให้เบาราวขนนก
“ซูเฮย” ไวทืโลตัส(ดอกบัวสีขาว)เปร่งเสียงเบาๆ และแมวสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเธอ
“ลุยเข้าไป!!” จักรพรรดิสายฟ้า เตะเท้าของเขา บินเข้าหาโครงกระดูกด้วยความเร็ว
“อย่ามาทำเป็นสั่งฉัน!” ราชินีเพลิงพุ่งไปข้างหน้า ดอกบัวขาวและภูติรับใช้ตามมาติดๆ
………
“เสี่ยวฮัว… เธอ…” หยวนตกใจเมื่อเห็นสถานะตัวละครของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ธรรมดา
“การมีเพื่อนร่วมทางที่ทรงพลังขนาดนี้ตั้งแต่เริ่มเกม…นี่มันโกงกันชัดๆ” หยวนตระหนักถึงความได้เปรียบของตัวเองในตอนนี้เขาเหนือกว่าผู้เล่นทุกคน เขาเข้ามาเล่นเกมนี้ไม่ได้เพื่อแข่งขันเลยไม่ได้เตรียมตัวสำหรับ
สถาณการณ์เช่นนี้
“บอกพี่หน่อยเสี่ยวฮัว เทียบกับพวกผู้ฝึกฝนระดับวิญญาณฝึกหัดแล้ว ราชาวิญญาณอย่างเธอนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน?” เขาถามเพื่อให้รู้สถานะของตัวเอง
“…” เสี่ยวฮัวมองเขาด้วยสายตา ประหลาดใจ “หนึ่งพัน……หรื่อหมื่นคนกันนะ? เทียบกันไม่ได้พี่หยวนเพราะความต่างที่มีมันมากเกินไป”
“กว้างเกินไปหรอ?”
“ฮืมม…… เห็นภุเขาลูกนั้นไหม เสี่ยวฮัวสามารถทำให้มันหายไปได้โดยการโจมตีครั้งเดียว” เธอชี้ไปที่ภูเขาลูกใหญ่ที่ขอบฟ้า
“หายไปด้วยการโจมตีครั้งเดียว!!” ดวงตาของหยวนเบิกโพง ถ้าที่เธอพูดเป็นความจริงนั่นไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียร์เดินได้ ขนาดแค่ครั้งเดียว แล้ว ถ้าการโจมตีต่อเนื่องหล่ะ การมีอยู่ของเธอมันสมดุลแล้วหรอ
หยวนอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้สร้างเกมคิดอะไรอยู่ที่ให้เด็กหญิงตัวเล็กแต่กลับมีพลังทำลายร้างขนาดนั้นเพื่ออะไร
“เสี่ยวฮัวอย่าใช้พลังของเธอหากไม่ได้ไตร่ตรองพี่ไม่อยากเห็นเธอทำลายบ้านเมือง” ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่ามีรอยแยกตอนแรกที่เขาลืมตาขึ้น
“ส……สส…เสียว..หัว นี่ฝีมือเธอหรอ” เขาถาม
“อื้อ” เสี่ยวฮัวพยักหน้า ดูเหมือนเธอจะไม่ได้กังวลกับสิ่งนี้
“เห้อออ” หยวนถอนหายใจเสียงดัง “จะเป็นยังไงหากบังเอิญโดนใครเข้า ต่อไปห้ามใช้พลังหากพี่ไม่ได้อนุญาต!”
“อื้อ” เธอตกลงอย่างง่ายดาย
“ดี” หยวนมองไปที่รอยแยกอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มสุดแห้ง “ไปกันเถอะเสี่ยวฮัวคงแย่แน่ถ้ามีใครมาเห็นเข้า”
จากนั้นทั้งสองจึงเริ่มออกเดินทาง
“เสี่ยวฮัวเธอจะทำอะไรหลังจากนี้ในฐานะภูตรับใช้” หยวนถามให้แน่ใจว่าภูตรับใช้นั้นมีหน้าที่อะไรในเกมนี้
“เสี่ยวฮัวจะตามพี่หยวนไปทุกที่” เธอตอบอย่างรวดเร็ว “และจะนำทางพี่ไปสู่ดินแดนต่อไป”
“หือ? ดินแดนต่อไป”
“อื้อ”
“แล้วครอบครัวของเธอหล่ะจะเป็นอย่างไรหากเธอตัดสินใจมาเดินทางตามพี่”
“พี่หยวนเป็นครอบครัวของเสี่ยวฮัว เรื่องนั้นจึงไม่ใช่ปัญหา” เธอหรี่ตามองเขา
“พี่ไม่คิดว่าตรรกะนี้จะใช้ได้นะ…” เขาส่ายหัวด้วยความไม่แน่ใจว่าจะทำไงกับเธอดี แต่คิดไปคิดมาเธอเป็น NPC จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องนี้
“เอาหล่ะทำตามใจเธอแล้วกัน เสี่ยวฮัว” เขาตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย