ตอนที่ 6 เรื่องเลวร้ายกำลังจะมา
กู้จวินหายใจเข้าลึกเเล้วพยายามสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถ จากก็ค่อยๆวิเคราะห์อย่างตั้งใจ “อ๋อ ยังงี้นี่เอง โดยปกติแล้วถ้าทำภารกิจเสร็จสิ้น ระบบจะให้รางวัลแก่ฉัน เช่น ยาบางชนิด หรืออุปกรณ์บางอย่าง เเละด้วยรางวัลเหล่านี้ฉันก็สามารถรักษาเนื้องอกที่ก้านสมองและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง นอกจากนี้ฉันยังสามารถยกระดับความสามารถของตัวเองและแตกแขนงไปสู่ทักษะอื่น ๆ ได้ด้วย”
เมื่อความคิดแล่นผ่านจิตใจของเขา กู้จวินก็กระโดดสุดเเรงด้วยความตื่นเต้น ในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เขาไม่เคยสัมผัสกับอะดรีนาลีนผ่านเส้นเลือดของเขาขนาดนี้มาก่อนเลย
ฉันยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ! ฉันยังต้องเปิดเผยความจริง! ดูเหมือนว่าฉันมีทางเลือกเพียง 1 ทางเท่านั้นคือ ทำภารกิจให้สำเร็จและช่วยชีวิตตัวเอง!
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็พุ่งไปที่ภารกิจทั้งสามระดับที่ถูกนำเสนอต่อหน้าเขา ภารกิจระดับปกติ คือการช่วยชีวิตผู้ป่วยในสถานการณ์ฉุกเฉินให้สำเร็จภายในวันนี้ ถ้าเขาเคยทำงานในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็คงไม่เป็นปัญหามากนัก แต่….
ภารกิจที่ระดับยาก คือการผ่าศพมนุษย์สามคนให้หมดภายในสามวัน ขอบเขตของความยากจะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของเวลาและเกณฑ์ของการผ่าตัด นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เขาเอาศพที่ไหนมาผ่า!? ขโมยศพรึ!?
ที่แปลกที่สุดคือภารกิจระดับนรก คือการผ่าซอมบี้ภายในหนึ่งสัปดาห์ ... ซอมบี้? ซอมบี้บ้านเเกดิ!!?? เขาจะไปหาซอมบี้ได้จากโลกใบไหน!?
ในขณะนั้นเองสติของเขาค่อยๆไหลกลับเข้าสู่ร่างกาย หมอกควันหนาทึบที่ปกคลุมจิตใจของเขาก็ค่อยๆหายไปและในที่สุดเขาก็สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมได้อย่างช้าๆ เเละนี่เป็นอีกครั้งที่เสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งเสียดแทงแก้วหูของเขาอย่างไร้ความปราณี
ปง!!!! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ ทำให้กู้จวินกลับมาสู่ความเป็นจริง ทำให้เขากลับมามีสติอีกครั้ง เขาตระหนักได้ทันทีว่าเรือดำน้ำกำลังหมุนวนออกจากการควบคุม!? ราวกับว่าพวกมันติดอยู่ในวังวนใต้น้ำ
ท่ามกลางความปั่นป่วน มีคนผู้หนึ่งที่ร่างกายถูกกระแทกไปรอบ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ชายคนนั้นคือหลี่เยี่ยรุ่ย ก่อนหน้านี้เขาได้ปลดเข็มขัดนิรภัยซึ่งเป็นเซฟตี้อันเดียวของเขา และตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ทุกครั้งที่เกิดการชนเสียงร้องโหยหวนดังก้องอยู่ในพื้นที่ปิดล้อม
พายุทอร์นาโดใต้น้ำขนาดมหึมาได้พุ่งเข้ามาจากมหาสมุทรอันลี้ลับ มันกลืนกินเรือดำน้ำที่พวกเขาโดยสารมาจมมิดทั้งลำ
เสียงดังก้องกังวานดังขึ้นรอบๆตัวพวกเขา ซึ่งบัดนี้พวกเขาไม่อาจเเยกได้ระหว่างเสียงร้องที่เจ็บปวดของหลี่เยี่ยรุ่ยหรือเสียงกรีดร้องของพายุภายนอก เสียงที่น่าสะพรึงขนาดนี้ยากที่ใครจะแยะได้ว่ามันเป็นเสียงของคลื่นกระแทกเรือ หรือเสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดของปีศาจใต้มหาสมุทร
“อา…” หลินเสี่ยวถังอ้าปากค้างอย่างมึนงง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทุกคนล้วนเห็นฉากที่น่ากลัวผ่านกระจกเรือดำน้ำอย่างชัดเจน ฝูงปลาในทะเลลึกมีพฤติกรรมที่เเปลกไป มันไม่รวมกลุ่มล้อมรอบดวงไฟเรือดำน้ำอย่างเคย พวกมันกระดิกครีบรุนเเรงอย่างบ้าคลั่งและกระวนกระวายจนเกิดโกลาหลราวกับว่า..พวกมันกำลังหลบหนีจากอันตรายที่พวกเขายังมองไม่เห็น
พวกเขาตระหนักได้ทันทีว่าการต่อสู้ของพวกเขาไร้ผลและพวกเขาไม่มีที่ให้หนีเเล้ว ปลาทั้งหมดเหล่านี้อาศัยอยู่ในร่องลึกใต้ทะเลและคุ้นเคยกับความมืดมายาวนาน ดังนั้นการดำรงอยู่ของสัตว์มหึมาน่าสะพรึงกลัวประเภทใด ที่สามารถทำให้พวกมันเเตกตื่นหนีตายจนเกิดความโกลาหลได้ขนาดนี้
“พระเจ้า…มันเป็นเรื่องจริง…ข่าวลือเป็นเรื่องจริง…” เสียงพึมพำที่ตื่นตระหนกหลุดรอดจากริมฝีปากของอู่ต้ง ชายร่างใหญ่ที่แข็งแรงเเละกล้าหาญคนนี้นอนขดตัวด้วยความหวาดกลัวอยู่บนเบาะจนตัวสั่น เขาร้องไห้สะอื้นเพราะความน่ากลัวของเรื่องเเปลกประหลาดนี้ทำให้หัวใจของเขาเเทบหยุดเต้น “ฉันไม่ควรมา ไม่ควรมาที่นี่เลย….”
สีหน้าของลูกเรือตลอดจนกัปตันก็ไม่ต่างกับอู่ต้ง พวกเขาหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือด ไร้ร่องรอยของเม็ดสีเลือด ตลอดชีวิตของการเดินเรือมายาวนาน เหตุการณ์ที่น่ากลัวขนาดนี้พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย
ปง! ความปั่นป่วนเกิดขึ้นอีกครั้ง เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ในทันใดนั้นเอง เเรงสั่นสะเทือนทำหลี่เยี่ยรุ่ยพุ่งไปข้างหลังเรือและพุ่งตรงไปที่เพดานอย่างเเรง ด้วยสัญชาตญาณ..หลี่เยี่ยรุ่ยใช้แขนขวาของเขาเอื้อมออกไปเพื่อรองรับแรงกระแทก จากนั้น…เสียงกรีดร้องที่ชวนขนหัวลุกก็ดังทะลุผ่านบรรยากาศที่ตึงเครียด แขนของหลี่เยี่ยรุ่ยหักเกือบสะบั้น กระดูกเคลื่อนออกจากเบ้าเพราะเเรงกระเเทกที่รุนเเรง เลือดสีเเดงสดปรากฎขึ้นในความมืดมิดพุ่งกระฉุดไปทั่วเพดาน
“บันทึก…ฉัน…บันทึกของ…” หลี่เยี่ยรุ่ยเจ็บจนแทบจะไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้ น้ำเสียงที่เคยสดใสเต็มไปด้วยความเป็นมิตรเหลือเพียงเสียงสะอื้นที่ดังก้อง
“ทุกคนห้ามถอดเข็มขัดนิรภัยออกเด็ดขาด!” ในขณะนั้นกัปตันยังคงสงบสติอารมณ์ไว้ได้ เขาตะโกนเสียงก้อง นั่นเพราะเขามีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำเดินเรือมาเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นเขาจึงมีสติมากที่สุด “นั่งอยู่กับที่! อย่าไปไหนเด็ดขาด”