บทที่ 201 ราชินีเอลฟ์
ในฐานะมนุษย์กลุ่มแรก ที่เดินทางมายังเมืองทริเนียซึ่งเป็นเมืองหลวงของเอลฟ์ป่า ปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ดรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมาจากทุกสารทิศ ทันทีที่พวกเขาเข้ามาในเมือง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับที่ถูกมองเหมือนตัวประหลาดจากเอลฟ์ แต่เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากตอนนี้พวกเขาอยู่ในดินแดนของคนอื่น อย่างไรก็ตามในฐานะที่พวกเขาเป็นผู้เล่น พวกเขาก็ไม่สามารถทำร้ายผู้อื่นเพราะเหตุผลเล็กน้อยนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงติดตามผู้พิทักษ์ดวงจันทร์ไปยังปราสาทลิลลี่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองทริเนีย
ปราสาทลิลลี่แตกต่างจากปราสาทที่ได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาของมนุษย์ ที่นี่มีทหารเอลฟ์เพียงไม่กี่ตนเฝ้าอยู่
“ทำไมหทารเอลฟ์ถึงน้อยขนาดนี้ พวกเจ้าไม่ปกป้องปราสาทของราชินีเลยหรือ?” โจถามบรอมที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างสงสัย
"นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เรามีชีวิตยืนยาว เหตุใดเราจึงต้องทรมานกับความโง่เขลาที่ไม่อาจเข้าใจได้เช่นเดียวกับมนุษย์” บรอมพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
โกวต้านรู้สึกได้ถึงความขัดแย้งในคำพูดของบรอม และกระซิบบอกโจว่า “อย่าหลงกลหมอนั่น ปราสาทลิลลี่เป็นสิ่งมีชีวิต นั่นคือเหตุผลที่ไม่มีองครักษ์! หากมีผู้บุกรุกมาจริง ๆ มันจะกระโดดออกมาตบผู้บุกรุกให้ตาย!”
“เจ้ารู้ได้ยังไง? นี่เป็นพลังพิเศษของคลาสจังเกิลวอล์คเกอร์หรือ” โจสงสัย
“เจ้าไม่เห็นตัวอักษรขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือปราสาทรึ?” โกวต้านตอบอย่างปลง ๆ
โจมองขึ้นไปและเห็นข้อความสีเขียวลอยอยู่เหนือปราสาทลิลลี่จริง ๆ
“นั่นเป็นชื่อของอาคารไม่ใช่หรือ? มันไม่มีแถบ HP ด้วย…”
โกวต้านเม้มปาก "ไอ้โง่ เจ้าเคยเห็นชื่ออาคารในเมืองไร้ชื่อกับฐานที่มั่นลับในแลงคาสเตอร์รึไง เจ้าคิดสิทำไมปราสาทนี้ถึงมีชื่อ เหตุผลที่มันไม่มีแถบ HP ก็เพราะว่ามันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่เราสามารถฆ่าและรับไอเทมดรอปได้! หากมันมีแถบ HP ผู้เล่นคนไหนจะอดใจไหวไม่ลองจิ้มสัตว์ประหลาดตัวมหึมาแบบนี้?”
ฟังดูเข้าท่า
โจพยักหน้าเข้าใจทันทีเมื่อโกวต้านอธิบาย แม้จะไม่มีแถบ HP แต่โจก็พบว่าตัวเองอดไม่ได้ที่จะปล่อยศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ดาบผ่าปฐพีออกมา หลังจากพบว่าปราสาทเป็นสิ่งมีชีวิต
แน่นอนแม้ผู้เล่นจะเป็นพวกงี่เง่า แต่พวกเขาก็ยังสามารถชั่งน้ำหนักสถานการณ์ได้ ด้วยเหตุนี้โจจึงไม่ได้พยายามตีปราสาทเพื่อดูว่าแถบ HP จะโผล่ขึ้นมาหรือไม่...
ในทางกลับกัน แม้ว่าปกติแล้วบรอมจะไม่รู้ว่าผู้เล่นกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็รู้สึกเหยียดหยามเมื่อเห็นว่าโจและโกวต้านยังคงมองไปรอบ ๆ เหมือนเด็กบ้านนอกเข้ากรุง ขณะกระซิบกระซาบกันอยู่ตลอดเวลาหลังเข้ามาในตัวปราสาท
ไม่มีทางที่บรอมจะรู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้ตกตะลึงกับความงดงามอันยิ่งใหญ่ของปราสาทลิลลี่ แต่กลับกำลังพูดถึงหัวข้อที่ไม่เหมาะจะให้เอลฟ์ป่าได้ยิน
“มองจากมุมหนึ่ง ตอนนี้เรากำลังอยู่ในร่างกายของศัตรู แม้จะเป็นเดรคเราก็ยังสามารถทำลายการป้องกันของมันได้จากด้านใน”
“วิญญาณคู่หูของข้าไม่สามารถผ่านกำแพงภายในปราสาทเข้ามาได้ เนื่องจากที่นี่มีสนามพลังป้องกันวิญญาณ แต่ไม่เป็นไรข้าเรียกออกมาใหม่ในนี้ได้!”
“ข้าเปิดใช้งานทักษะค้นหาจุดอ่อนได้ คริสตัลที่คล้ายคบเพลิงตรงนั้นเป็นจุดอ่อน ถ้าเราโจมตีมัน เราสามารถสร้างความเสียหายได้มากยาย”
“ข้าสามารถสั่งวิญญาณคู่หูของข้าทำเครื่องหมายโจมตีได้เช่นกัน แม้ว่าชื่อของมันจะเป็นสีเขียว แต่มันก็ไม่ได้เป็นมิตรจริง ๆ…”
“มีคริสตัลอีกอันอยู่ที่นั่น? ข้าคิดว่า…มันต้องเป็นอะไรที่คล้ายกับสมองชีวภาพ ตามวิธีการจัดเรียงของคริสตัล มันควรมีแบบนี้อีกสี่ถึงห้าอันในปราสาท!”
“ข้าเข้าใจแล้ว ยืนยันกลยุทธ์! เราแค่ต้องเดินตามเส้นทางนี้ไป และระวังอย่าตกอยู่ภายใต้กับดักชีวภาพ ขณะทำลายคริสตัลทุกชิ้นระหว่างทาง!”
ดังนั้นก่อนที่พวกเขาจะไปถึงห้องโถงของปราสาท ทั้งคู่พูดคุยกัน 2-3 คำ กลยุทธ์จัดการสัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ได้รับการสรุปแล้ว
ทั้งผู้พิทักษ์ดวงจันทร์และบรอม•เดย์สตาร์ ไม่ได้สังเกตุเลยว่าทั้งสองกำลังวางแผยชั่วร้านทำลายปราสาทลิลลี่ แม้ว่าแผนนี้ไม่น่าจะทำได้จริงก็ตาม พวกเขายังคงพาเอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ เดินต่อไปยังห้องโถงอย่างซื่อสัตย์
ที่นี่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในปราสาทลิลลี่ และยังเป็นโถงว่าราชกาลของราชินีเอลฟ์
เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้อง ราชินีเอลฟ์ก็นั่งอยู่บนบัลลังก์ส่วนลึกในห้องโถง มองดูพวกเขาเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอคอย ฝ่าบาท นี่คือแขกของเราจากโลกภายนอก” ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์พูดพร้อมกับโค้งคำนับเล็กน้อย บรอมที่อยู่ข้าง ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
เอ็ดเวิร์ดเหลือบมองปาร์ตี้ของเขา และเห็นว่าโจดูกระตือรือร้นที่จะก้าวออกมาพูด ด้วยความตกใจ เขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับตามมารยาทแบบฉบับชนชั้นสูงของมนุษย์
นี่คือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากเจ้าหญิงลีอา เดิมเขาตั้งใจจะใช้มันกับขุนนางมนุษย์ เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้มันครั้งแรกในที่แห่งนี้
“ข้าขอถามให้แน่ใจก่อนว่า…กลุ่มของเจ้าเป็นผู้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมถูกต้องหรือไม่” ราชินีเอลฟ์ดูไม่แตกต่างจากเอลฟ์ป่าตนอื่น ๆ เธอดูเหมือนผู้หญิงในวัย 40 ที่งดงามเป็นพิเศษจากมุมมองด้านสุนทรียศาสตร์ของมนุษย์ แม้ว่าจะไม่โดดเด่นจากเอลฟ์สาวคนอื่น ๆ ที่เอ็ดเวิร์ดได้พบระหว่างทางมาที่นี่
ความจริงมันก็เหมือนกับที่คนเอเชียมองว่าคนผิวดำดูเหมือนกันไปหมด แม้พวกเขาจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน เมื่อผู้เล่นมองไปที่เอลฟ์ป่า ที่มีลักษณะใบหน้าอันละเอียดอ่อนและงดงามเหมือน ๆ กัน เขาก็ไม่เห็นถึงความแตกต่างระหว่างเอลฟ์แต่ละตน
และปกติแล้ว เอลฟ์ป่าจะสามารถจดจำผู้อื่นได้ผ่านความแตกต่างของออร่าเวทเฉพาะตัว และความแตกต่างเล็กน้อยในรูปลักษณ์ แต่วิธีการแยกแยะนี้ยากเกินไปสำหรับมนุษย์
"ถูกต้อง และทางเราต้องขออภัยที่ล่วงล้ำอาณาเขตของเอลฟ์ป่าและรบกวนพวกท่านด้วย” เอ็ดเวิร์ดตอบเสียงดังโดยไม่โอ้อวดหรือถ่อมตัวเกินไป
ราชินีเอลฟ์พยักหน้าและหันไปหาเจสสิก้าที่ดูค่อนข้างอึดอัด “เจ้าคือนักรบผู้กล้าที่ทำสัญญากับเซฟาริมใช่ไหม”
“นะ นั่น…” ทันทีที่ถูกเรียก เจสสิก้าก็สะดุ้งเหมือนนักเรียนที่ถูกคุณครูเรียกชื่อในชั้นเรียน เธอไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจขอโทษอย่างตรงไปตรงมา เพราะว่าเธอได้เอาสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอลฟ์ไป “ข้าขอโทษค่ะ!”
“เฮ้นีน่า เจ้าทำให้ผู้ใช้ตัวน้อยของข้ากลัว”
กลับกันเซราฟิมดูเหมือนจะมีความสุขด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากที่ยอมรับความจริงได้แล้ว
“ข้าทราบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วผ่านวิวรณ์ของเทพธิดา เนื่องจากเป็นการตัดสินใจของเซราฟิมเอง เจ้าไม่ผิดหรอก” เธอก็กล่าวอย่างอ่อนโยน
“โปรดยกโทษให้กับความไม่สุภาพของข้าด้วยฝ่าบาท เซฟาริมเป็นสมบัติที่เทพธิดาลูน่ามอบให้กับเผ่าพันธุ์ของเรา” บรอมอดไม่ได้ที่จะพูดแทรกขึ้นมา “ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะเอาไปใช้ได้ง่าย ๆ โปรดผูกมัดหญิงสาวเผ่ามนุษย์คนนี้ด้วยสัญญา เพื่อที่เธอจะไม่สามารถออกไปจากทริเนียได้ตลอดชีวิต!”
“แม้ว่าบรอมจะสุดโต่งไปหน่อย แต่สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล…” ราชินีเอลฟ์เปลี่ยนท่าทางอย่างกะทันหัน
เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ตื่นตัวขึ้นมาทันที
โกวต้านและโจจ้องไปที่คริสตัลด้านหลังราชินีเอลฟ์อย่างมุ่งร้าย
“แต่สบายใจได้ ข้าจะไม่กักขังเธอไว้ในทริเนีย” ราชินีเอลฟ์กล่าวเสริม “ชีวิตของมนุษย์ผ่านไปเพียงพริบตาสำหรับพวกเราเหล่าเอลฟ์ ดังนั้นข้าหวังว่าเจ้าจะให้สัญญากับข้า…เมื่อเจ้าอายุครบ 100 ปี โปรดส่งเซฟาริมกลับมายังทริเนีย”
--------------------------------------------
เพจ FC-Translate