HO บทที่ 54 เครื่องหมายโซ่ทองคำ
เอลฟ์รับแผนที่จากมือซินหยาพลางเผยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเขา
เขาได้กางแผนที่จะโบกมือพร้อมกับพูดว่า “คืนสภาพ”
แสงสีฟ้าจาง ๆ ได้ปรากฏบนแผนที่ นี่แสดงให้เห็นการฟื้นฟูได้ทำสำเร็จแล้ว
เอลฟ์ได้มองลงไปในแผนที่พร้อมกับชักสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีออกมา เขาส่งคืนแผนที่ให้ซินหยาอย่างไม่เต็มใจ
“แผนที่ได้รับการกู้คืนแล้ว รีบ ๆ จ่ายเงินมาให้ฉันซะ”
ซินหยายื่นเหรียญเงิน 10เหรียญ ให้กับเอลฟ์และเดินออกไปพร้อมกับเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร เขาคงไม่ทันสังเกตว่าเอลฟ์ได้กำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด ถ้าหากซินหยาไม่ทำสัญญา เอลฟ์คงไม่ปล่อยแผนที่ไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน…
จากนั้นซินหยาได้พาเว่ยไปตั้งแคมป์อยู่นอกเมือง ซึ่งทั้งสองไม่ได้รู้ตัวว่ามีใครบางคนกำลังตามพวกเขามา
ซินหยานั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพร้อมกับเว่ย เขาได้กางแผนที่ออกมาและดูประหลาดใจขึ้นมาทันที
เว่ยที่เห็นการแสดงออกบนในหน้าของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ มันไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเหรอ” เว่ยถามอย่างกังวล
ซินหยาส่ายหัวลพูดว่า “มันไม่ได้แย่แต่มันเป็นแผนที่ระดับหนึ่ง”
“ไม่เลว! บ้าไปแล้ว!! พวกเราถูกหลอก” เว่ยพูดราวกับจะร้องไห้เพราะราคาเหรียญที่จ่ายถือว่าสูงมาก
“ใจเย็น ๆ ให้ฉันพูดให้เสร็จก่อน” ซินหยาพูดขัด “จริงอยู่ว่ามันเป็นแผนที่ระดับหนึ่งแต่มันไม่ใช่แผนที่ระดับหนึ่งธรรมดาหรอกนะเพราะมันมีมีเครื่องหมายโซ่ทองคำ”
เว่ยฟังอย่างงง ๆ แม้เธอจะไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่จากที่ฟังเสียงที่ตื่นเต้นของซินหยา ทำให้เธอคิดว่ามันจะต้องเป็นเรื่องดี
“เครื่องหมายโซ่ทองคำ มันคืออะไรเหรอ?”
ซินหยาลืมไปว่า มันยังไม่มีข้อมูลนี้อยู่บนฟอรั่มในปัจจุบัน หลังจากนี้ เขาต้องระมัดระวังเรื่องการพูดเกี่ยวกับสิ่งที่รู้ในอนาคตให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นเว่ยคงจะคาดคั้นเขามากกว่านี้แน่นอน ดังนั้นต้องหาข้ออ้างกลบเกลื่อนเรื่องนี้ไปก่อน “กะก็เครื่องหมายโซ่ทองคำบนที่อยู่แผนที่ มันบ่งบอกว่าตัวแผนที่นั้นเชื่อมกับแผนที่อื่น”
“มันหมายความว่ายังไงเหรอ?” เว่ยถาม
“หมายความว่า เมื่อพวกเราสามารถเครียร์ดันเจี้ยนระดับหนึ่งได้สำเร็จ ในตอนที่พวกเขาเปิดหีบสมบัติ เราจะได้แผนที่ไปยังดันเจี้ยนระดับสองซึ่งฉันไม่อยู่ว่าโซ๋นี้จำนำพาเราไปถึงไหน มันอาจจะพาเราไปยังดันเจี้ยนระดับสามก็ได้” ซินหยาตอบ
เว่ยอ้าปากค้างอย่างตกใจ “จริงเหรอ!!! นายไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”
“ก็...ตอนที่ฉันอยู่ในป่าเพื่อรวบรวมไอเทม ตอนนั้นมีกลุ่มของ NPC นักล่าสมบัติตั้งแคมป์อยู่ ฉันเลยได้ยินข้อมูลพวกนี้จากพวกเขา” ซินหยาพยายามโกหกด้วยใบหน้าที่นิ่ง
เว่ยพยักหน้ารับอย่างไม่สงสัย “งั้นนายจะเก็บแผนที่ไว้หรือจะเอามันไปขายล่ะ”
“ฉันจะไม่ขายแต่จะออกไปล่าสมบัติกับเพื่อนนักล่าสมบัติของฉัน แล้ว...เธอต้องการไปล่าสมบัติกับฉันมั้ย?” ซินยหาถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไปแน่นอน!! ฉันไปด้วย” เว่ยตอบอย่างมีความสุข
ซินหยายิ้มและกล่าวว่า “งั้นก่อนอื่น...”
“กรี๊ดดดดดดดดด!”
ยังไม่ยังที่ซินหยาจะพูดจบประโยค พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นมา พวกเขาได้หันไปมองต้นเสียงและได้เห็นหญิงสาวชุดขาวกำลังวิ่งออกจากป่าที่อยู่ไม่ไกลจากแคมป์ของพวกเขา
เธอกำลังถูกเฟสฟลายเออร์ไล่ล่า
ซินหยารู้สึกไม่ชอบมาพากลกับสถานการณ์นี้ เขาได้เก็บแผนที่เข้าไปในคลังเก็บของ จากนั้นเขามองดูหญิงสาวที่กำลังหนีตายอย่างเงียบ ๆ
“เราต้องช่วยเธอนะ” เว่ยกล่าว
ซินหยาหันไปมองเว่ยและพูดว่า “ทำไมต้องช่วยล่ะ?”
“นายพูดอะไรออกมา ถ้าเราไม่ช่วยเธอ เธอก็จะตายนะ” เว่ยมองซินหยาราวกับเขาเป็นคนบ้า
“แล้วยังไง นี่คือเกมนะ แม้ว่าเธอจะตายไป เธอก็แค่เสียค่าประสบการณ์กับอเทมนิดหน่อยเท่านั้น ทำไมเราต้องช่วยเธอด้วย” ซินหยาตอบขณะมองผู้หญิงที่พยายามจะต่อสู้กับเฟสฟลายเออร์
เว่ยพอจะเข้าใจสิ่งที่ซินหยาจะสื่อแต่เธอพอจะรู้ที่เขาพูดแบบนั้นเพราะไม่สนใจใยดีผู้หญิงมากกว่า นอกจากเธอและแม่ของเธอ ซินหยาหากได้แคร์ผู้หญิงคนอื่นไม่
ถึงเธอจะรู้อย่างนั้นแต่เธอไม่สามารถทนดูผู้เล่นอื่นตายได้ เธอรู้ดีว่าการได้รับค่าประสบการณ์มันยากเย็นเพียงใด ดังนั้นเธอจึงอยากช่วยหญิงสาวคนนั้น
“ถ้านายไม่ทำ งั้นฉันทำเอง!!” เว่ยพูดพลางควงปืนวิ่งตรงไปหาหญิงสาวเพื่อช่วยเหลือเธอ
ซินหยาหยักไหล่และเผ้าดูอย่างเงียบ ๆ เขาคิดว่าแค่เฟชฟลายเออร์ มอนเตอร์ เลเลว 11 เว่ยสามารถรับมือมันได้สบาย ๆ
เขาได้หันมาเพ่งความสนใจไปที่หญิงสาวคนนั้น เขาพบว่าชุดกับอาวุธของเธอนั้นเป็นของที่มีราคาแพงมากและต้องมีเลเวล 20 ขึ้นไปถึงจะสวมใส่มันได้
นั่นทำให้ซินหยาสงสัยว่าทำไมผู้เล่นที่มีเลเวล 20 ขึ้นไป ถึงได้แสร้งทำเป็นกลัวมอนเตอร์ที่เลเวลแค่ 11 เท่านั้น
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งมาทางเขา นั่นทำให้เขาแสดงท่าทางที่รังเกียจเธอออกมา ดวงตาที่เธอจ้องมองมาที่เขานั้นมันเหมือนกับแม่เลี้ยงของเขาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอยากอันไร้จุดสิ้นสุด
เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรแต่เขาไม่มีทางยอมให้เธอแตะตัวเขาอย่างเด็ดขาด