บทที่ 200 ซีเว่ยเปิดใช้งาน Talk No Jutsu
Talk No Jutsu = คาถามหารันจวญ
--------------------------
เทพอื่น ๆ ของวิหารล่องหนต่างพากันนิ่งเงียบและครุ่นคิด
ความจริงแม้ว่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ที่ชาญฉลาดอื่น ๆ ในดินแดนมรรตัยจะไม่รู้สึกถึงมัน แต่เหล่าเทพที่เฝ้ามองลงไปยังโลกเบื้องล่างนั้น ต่างก็สังเกตเห็นมันได้อย่างรวดเร็ว และตระหนักดีถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
หลายศตวรรษแห่งความปรองดองระหว่างอาณาจักรต่าง ๆ เริ่มวุ่นวาย เมื่อพวกเขาขัดแย้งกันในด้านผลกำไร โดยมีการล่มสลายของเทียร์ร่าเป็นจุดเริ่มต้น
ไข่ปีศาจที่หายสาบสูญไปนาน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกจำนวนมาก ล่อลวงมนุษย์ที่จิตใจอ่อนแอและเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นปีศาจ สร้างความโกลาหลไปทุกหนแห่งภายใต้แรงขับของความปรารถนา เหมือนเป็นการบอกใบ้ว่า อสูรนรกเหล่านั้นกำลังจะกลับมาอีกครั้ง และนั่นไม่ใช่อนาคตที่ดีสำหรับมนุษย์
แม้แต่ศาสนจักรต่าง ๆ ที่เดิมเคยเป็นพันธมิตรกัน ก็ยังกลายเป็นศัตรูกันเนื่องจากความขัดแย้งของเทพเจ้าที่พวกเขาศรัทธา
ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้น เทพเจ้าระดับล่างที่พึ่งเกิดขึ้นมาไม่นานเองก็ออกไปเสี่ยงเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นพระเจ้าระดับสูง
ทุกอย่างดูเหมือนจะก้าวไปสู่การทำลายล้างครั้งใหญ่ เหมือนเมื่อ 1,000 ปีก่อน สงครามเทพปีศาจที่เกือบจะทำลายล้างอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดดั่งวันสิ้นโลก!
นั่นเป็นสาเหตุที่อัสลานพยายามรวบรวมสมาชิกวิหารล่องหนอย่างไม่ลดละ สงครามเทพเจ้า 3 ครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นหายนะสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแม้แต่ตัวเทพเจ้าเอง
แต่อีกมุมหนึ่ง มันก็ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากเช่นกัน
“แค่คำพูดเปล่า ๆ อย่างเดียวมันไม่มีความหมายหรอกนะ เจ้าบอกมาสิว่าเราควรทำอะไร” กูลู่ เทพเจ้าแห่งการล่าถาม
ซีเว่ยกำลังรอคอยคำถามนั้นอยู่พอดี เขาใช้น้ำเสียงที่ชาญฉลาดและมีเหตุผลเพื่อเปิดเผยแผนการที่เขาเตรียมมา อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่น้ำเสียงเท่านั้น เนื่องจากเขาไม่มีใบหน้าและเขาก็ไม่สามารถแสดงอีโมติคอนได้โดยที่เอฟเฟกต์เรืองแสงของลูกบอลถูกปิดอยู่...
“มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมการล่วงหน้า เนื่องจากตอนนี้ยังเร็วไปและไม่ใช่เวลาของมัน แต่การจะหยุดการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยนั้นเป็นไปไม่ได้ และนั่นเป็นเพราะเราเป็นพระเจ้า เราจึงต้องตระหนักถึงขีดจำกัดของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งโดยรวมของเรา ก็ไม่ได้โดดเด่นท่ามกลางพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ”
“ดังนั้นข้าจึงขอแนะนำให้เรายกระดับความร่วมมือของวิหารล่องหนขึ้นไปอีกขั้น เราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สร้างความก้าวหน้าและผลประโยชน์ร่วมกัน และมุ่งมั่นเพื่อให้ผู้ศรัทธาของเราเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น และการจะทำมันให้สำเร็จ ทุกคนจะต้องมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เพื่อให้เหล่าผู้ศรัทธาของเรากระตือรือร้นขึ้น!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ถือว่าเลวร้ายมากนัก เราจึงควรอดกลั้นเอาไว้ก่อน เราจะรักษาระดับความมีตัวตนของเราให้น้อยลง จะได้ไม่ดึงดูดความสนใจของเทพเจ้าอื่น ๆ จนกว่าเราจะมีพลังเพียงพอที่จะต้านการรุกรานจากพวกเขา”
แม้ว่าจะฟังดูมีเหตุผล แต่คำพูดของซีเว่ยแต่ละคำล้วนว่างเปล่า
ทั้งหมดที่เขาพูดมา ถ้าจะพูดให้สั้น ๆ ก็คือ ‘เลิกให้พี่สิงโตแบกได้แล้ว ถึงเวลาทำงาน!’
อาจเป็นเพราะว่าเทพเจ้าในโลกนี้ไม่ใช่นักลงทุน เหล่าเทพเจ้าไม่เคยสัมผัสกับความน่าสะพรึงกลัวของการพรีเซ้น PowerPoint มาก่อน พวกเขาจึงถูกโน้มน้าวได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นนอกจากราชาสิงโตที่รู้สึกตะหงิด ๆ ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ กับคำพูดของซีเว่ยแล้ว เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกับซีเว่ยมากนักก็ไม่ได้รู้ถึงแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นของซีเว่ยเลย พวกเขารู้สึกว่าคำพูดของซีเว่ยฟังดูยิ่งใหญ่และน่าเชื่อถือ พวกเขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอย่างไรดี” กูลู่ถาม
“วิธีการของเจ้า ควรขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของเจ้า เจ้าต้องค้นหาเส้นทางการพัฒนาที่เหมาะสมกับหลักคำสอนของเจ้า คนนอกเช่นข้าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเจ้าโดยประมาท แต่เนื่องจากทุกคนอาจไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ข้าจะสรุปแผนของข้าให้ฟังคร่าว ๆ”
ซีเว่ยโยนอะไรบางอย่างออกไปบนโต๊ะ และส่องสปอตไลท์ลงไปที่มันเพื่อให้เทพเจ้าองค์อื่น ๆ หันมาสนใจ
เขากระแอมในลำคอก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าเรียกสิ่งนี้ว่าหินวิเศษ นี่คือวิธีที่ข้าใช้ขนส่งผู้ศรัทธาของข้าจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง แม้ว่ามันจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าในการเปิดใช้งานก็ตาม”
"วางมันไว้ใกล้โบสถ์ของเจ้า แล้วผู้ศรัทธาของข้าจะมาถึงในพริบตา หากผู้ศรัทธาของเจ้าต้องการความช่วยเหลือในอนาคต!”
เสียงพึมพำอย่างประหลาดใจของเทพเจ้าองค์อื่น ๆ เดือดขึ้นมาทันที ตอนนี้พวกเขาเริ่มนับถือซีเว่ยมาขึ้น แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะไม่ค่อนสนใจเทพเจ้าระดับ 3 อย่างซีเว่ยมากนัก เพราะอำนาจที่เกี่ยวข้องกับมิตินั้นหายากมาก
แตกต่างจากเทพเจ้าองค์อื่นที่หลงกล อัสลานกำลังมองซีเว่ยอย่างเงียบ ๆ
'คิดว่าข้าตาบอดเหรอ! ไม่ใช่ว่าหินที่เจ้าโยนมาเป็นโบสถ์ของเจ้ารึ!'
อันที่จริงหินวิเศษที่ซีเว่ยวางไว้บนโต๊ะนั้น แท้จริงแล้วคือไลฟ์สโตนในอัตราส่วน 1:10
“เราจะหาวัตถุที่น่าทึ่งแบบนี้ได้จากไหน” กูลู่ถาม
ซีเว่ยแทบจะไม่สามารถหยุดตัวเองจากการปรบมือให้กับเทพเจ้าแห่งการล่าสัตว์ได้ คำถามทุกประโยคของเขาช่างตรงจุดราวกับเป็นหน้าม้า...
"คำถามที่ดี! ข้าจะจัดการทุกอย่างตั้งแต่วัสดุไปจนถึงการก่อสร้าง เนื่องจากนี่เป็นเส้นทางที่ข้าเลือก ข้าจะให้ผู้ศรัทธาของข้าเดินทางไปเยี่ยมศาสนจักรของเทพทุกตนที่นี่อย่างแข็งขัน และสร้างความสัมพันธ์กับผู้ศรัทธาของพวกเจ้า และเมื่อเราตกลงเรื่องความร่วมมือกันได้แล้ว พวกเขาก็จะสร้างหินวิเศษนี้ขึ้น ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพของศาสนจักรเรา!”
ซีเว่ยพูดได้ลื่นไหลมาก “ข้าจะเรียกสิ่งนี้ว่า แผนเชื่อมสะพานสร้างถนน!”
กูลู่พยักหน้ายิ้ม ๆ ดูเหมือนเขาจะพอใจกับคำพูดของซีเว่ย
เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของซีเว่ยเช่นกัน ไม่มีเทพองค์ใดประท้วงเรื่องการวางพอร์ทัลไว้นอกโบสถ์พวกเขาเลย
แต่นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาโง่ ทุกคนตระหนักดีว่าซีเว่ยนั้นอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ในที่แห่งนี้ แม้แต่ ‘ลูน่า’ เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินที่อ่อนแอที่สุดรองจากซีเว่ย ก็สามารถระเบิดเขาให้หายไปได้อย่างง่ายดาย
และหากปราศจากการปกป้องจากเทพเจ้า มนุษย์ที่ก่อความวุ่นวายเพียงไม่กี่คน ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเลย!
อย่างไรก็ตาม ซีเว่ยดูเหมือนจะพอใจกับปฏิกิริยาของเทพเจ้าตนอื่น ๆ
เขาเข้าใจดีว่าทำไมเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ถึงยอมให้เขาวางไลฟ์สโตนไว้ที่ฐานของพวกเขาอย่างง่ายดาย โดยไม่กลัวว่าเขาจะหักหลัง
แต่นั่นคือสิ่งที่ซีเว่ยต้องการ!
แม้แต่อัสลานที่รู้จักซีเว่ยดีที่สุดก็ไม่รู้ว่า หลังจากที่เขาข้ามโลกมาเพียงแค่ 3 เดือน เขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเป็น 10 เท่า! และนั่นเป็นพลังที่เหลือหลังจากที่ซีเว่ยใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไปกับการปรับปรุงระบบให้สมบูรณ์ สร้างคลาส และแจกจ่ายไปยังผู้เล่น เพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้เติบโตไปพร้อมกับเขา!
แม้ว่าซีเว่ยจะยังคงอ่อนแออย่างแท้จริงในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะพูดว่าการเติบโตของเขา แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมดในปัจจุบัน!
และตอนนี้ซีเว่ยก็ได้รับโอกาสที่ดีที่สุดมาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดที่เทพเจ้าองค์อื่น ๆ จะไม่ฟังเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่แข็งแกร่งจนพวกเขาต้องระวัง
เฉพาะกรณีนี้เท่านั้นที่เทพเจ้าในวิหารล่องหน จะยินยอมให้เขาวางไลฟ์สโตนไว้ใกล้โบสถ์ของพวกเขาได้
ในขณะที่พวกเขาอาจไม่ได้สนใจว่าจะมีผู้ศรัทธาของซีเว่ยมาเป็นกำลังเสริมหรือไม่ แต่มีเพียงซีเว่ยเท่านั้นที่เข้าใจ ว่าการขยายแผนที่โลกและการเพิ่มพอร์ทัลจำนวนมาก มีความหมายต่อผู้เล่นอย่างไร!
ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อของสงครามเทพเจ้าครั้งที่ 4 ก็ไม่ใช่เรื่องตลก...
“บังเอิญตอนนี้มีผู้ศรัทธาของเจ้าหลายคนอยู่ในพื้นที่ของข้า” เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินยิ้ม “ข้าจะมอบวิวรณ์เพื่อให้ลูก ๆ ของข้าร่วมมือกับผู้ศรัทธาของเจ้า ถือเป็นการทดลองความร่วมมือของเรา”
“ขอบคุณมากเลดี้ลูน่า”
ซีเว่ยตอบแทนกิ่งมะกอกที่อีกฝ่ายยื่นมาด้วยความปรารถนาดี
☆
“เราจะต้องคลานเข้าไปข้างในนั้นรึ” เอ็ดเวิร์ดถามบรอม•เดย์สตาร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างมืดมน ขณะจ้องไปยังหลุมดำขนาดเล็กบนต้นไม้
เขารู้สึกว่าเอลฟ์ป่ากำลังเล่นตลกกับเขา
แต่เดิมอารมณ์ของบรอมก็ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว บรอมจึงเตะเอ็ดเวิร์ดลงหลุมทันที จากนั้นเสียงกรีดร้องของเอ็ดเวิร์ดก็ค่อย ๆ แผ่วลงตามระยะทางที่เขาร่วงลงไป
แรงเตะของบรอมทำให้ผู้เล่นคนอื่นเห็นตัวเลข -1 ที่ลอยขึ้นมาเหนือหัวเอ็ดเวิร์ดติดตา เมื่อเขาหันมามองผู้เล่นที่เหลือ โจก็ร้องขึ้นมาว่า
“อย่าเตะ ข้าไปเอง” โจคลานเข้าไปในโพรงต้นไม้ด้วยความกล้าหาญ
ด้วยการสาธิตของ 2 คนนั้น ทำให้เจสสิก้า โกวต้าน และเอลีน่าคลานตามกันเข้าไป
โกวต้านรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงร้องของนกอินทรีดังก้องอยู่ข้างหู เมื่อเขารู้สึกตัวอีกที เขาก็ร่วงลงมาพร้อมกับคนอื่น ๆ บนกองหญ้าแห้ง
“สุดยอด!” โจโผล่หัวขึ้นมาจากกองหญ้าแห้งและพูดอย่างมีความสุขว่า “ให้ข้าเล่นอีกครั้งได้ไหม”
“โปรดสำรวมด้วย ท่านเป็นแขกของราชินีเอลฟ์” ผู้พิทักษ์ดวงจันทร์กล่าวเตือน
“เดี๋ยวก่อน เอ็ดเวิร์ดอยู่ไหน”
เจสสิก้าที่ช่วยดึงเซฟาริมที่ยังมึน ๆ ขึ้นมา กล่าวถามเมื่อเธอมองไปรอบ ๆ แล้วไม่พบหัวหน้าปาร์ตี้
“ปริมาณ HP ของเขาปกติในหน้ารายละเอียดปาร์ตี้ยังปกติ และไม่ได้รับดีบัฟแปลก ๆ…” โกวต้านตอบอย่างรวดเร็ว
ทุกคนหันไปจ้องบรอม•เดย์สตาร์ทันทีเพราะเขาเป็นคนเตะเอ็ดเวิร์ดลงหลุม แต่ดูเหมือนว่าบรอมจะไม่สังเกตเห็นการจ้องมองของพวกเขา และกำลังเหม่อมองขึ้นไปบนฟ้า
บรรยากาศเริ่มอึมครึมขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา เอ็ดเวิร์ดก็หล่นลงมาจากฟ้าหน้าทิ่มลงกองหญ้าแห้ง
ด้วยความหงุดหงิด เขากระโจนออกจากกองหญ้าและชักดาบสั้นชี้ไปที่บรอม จริง ๆ แล้วสิ่งนี้ถูกเรียกว่ากริชเวท ซึ่งเป็นไอเทมพิเศษเฉพาะของนักเวทย์ที่ซีเว่ยเตรียมไว้เป็นพิเศษ ในกรณีที่มีคนตั้งใจจะเข้ามาโจมตีเมจในระยะประชิด
“ข้าร่วงลงมา…เป็นเวลา 10 นาทีเต็ม!” เอ็ดเวิร์ดคำรามใส่บรอม
“อุบัติเหตุประหลาดบางอย่าง มักจะเกิดขึ้นกับผู้ชาย 1 ใน 5 เป็นเรื่องปกติ…” บรอมยักไหล่
“ทำไมมีแค่ผู้ชายที่โดนล่ะ” โจสังเกตเห็นจุดบอดทันที
“เมื่อเทียบกับเรื่องนั้น…” ผู้พิทักษ์แห่งดวงจันทร์ขัดจังหวะการต่อล้อต่อเถียงอย่างไร้ความหมายของพวกเขา และพาพวกเขาออกจากโพรงเล็ก ๆ ก่อนจะหมุนตัวผายมือออกเป็นวงกว้าง และประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “ยินดีต้อนรับสู่ทริเนีย เมืองหลวงของเอลฟ์ป่า!”
เบื้องหลังเขาคือเมืองที่ยื่งใหญ่และงดงามกว่าอาณาจักรใด ๆ ของมนุษย์ ด้วยสีขาวบริสุทธิ์ที่ผสมกับสีเขียวมรกต
แฟรี่ดราก้อนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ขณะที่เหล่าแฟรี่ตัวน้อยกำลังบินอยู่รอบ ๆ ยูนิคอร์นกำลังเดินอย่างสบาย ๆ ไปตามถนน ฉากตรงหน้ามันสวยงามเหนือจินตนาการ
และที่ใจกลางเมือง ก็มีปราสาทสีขาวราวกับหิมะตั้งตระหง่านอยู่ มันดูเหมือนกับดอกไม้บางชนิด และมีความงดงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเอลฟ์
นั่นคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา ซึ่งเป็นที่ประทับของราชินีเอลฟ์ ‘ปราสาทลิลลี่’
-------------------------------------------------------------------------------------------