บทที่ 199 วิหารล่องหน [2]
ในแง่หนึ่ง วิหารล่องหนก็ถือได้ว่าเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของเหล่าทวยเทพ แต่นอกจากอัสลานแล้ว สมาชิกผู้ก่อตั้งทั้งหมดก็ได้เกษียณในสงครามแห่งเทพเจ้าและปีศาจไปแล้ว
แม้ซีเว่ยจะรู้ว่าตอนนี้วิหารล่องหนมีสมาชิกอยู่ 7 ตนในขณะนี้ แต่นอกเหนือจากตัวเขาเองและสิงโตผู้ยิ่งใหญ่อัสลาน สตอฟฟ์เทพเจ้าแห่งงานฝีมือและไวน์ชั้นดี กับลูน่าเทพธิดาแห่งจันทร์สีเงิน เขาก็ยังไม่รู้ว่าเทพเจ้าอีก 3 องค์คือใคร
และตอนนี้เทพธิดาอีกองค์ก็ได้มาถึงแล้ว เธอแต่งกายด้วยชุดสีขาวทั้งตัว สวมมงกุฏดอกไม้และถือคทาสีเงิน ที่ปลายคทามีลูกบอลแสงหมุนวนซึ่งดูไม่ต่างอะไรจากซีเว่ยเลย
เธอก้าวผ่านอุปสรรคของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้าง และลงจอดอย่างสง่างาม ขณะที่ยิ้ม สายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่ซีเว่ย
จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาว่า
“ทำไมที่นี่ถึงมีปลาหมึก”
ซีเว่ย: …
'ฉันเป็นแค่ลูกบอลที่มีหนวดไม่กี่เส้นเอง! ปลาหมึกบ้านXXXหน้าตาแบบนี้เหรอ?!'
ขณะเดียวกันสตอฟฟ์ก็ถอนมือที่กำลังเขย่าหนวดซีเว่ยออกอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไปแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ขณะที่เอามือกุ้มท้องแล้วทรุดลงไปนอนทุบพื้น
เขาดูเหมือนคนอ้วนหนัก 200 ปอนด์ที่กินเหล้าปลอม
ซีเว่ย: …
‘นี่เอ็งเป็นเทพจริง ๆ เหรอ? ความเชื่อของผู้ศรัทธาเอ็งจะไม่พังทลายทันทีที่เห็นสารรูปนี้ของเอ็งเร๊อะ?’
"พอ รูปร่างหน้าตาของซีเว่ยเป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง อย่าทำให้เขาอับอายเพราะค่านิยมความงามของเรา”
อัสลานที่เป็นคนกลางทำสีหน้าจริงจัง
แต่ซีเว่ยกลับรู้สึกว่าเขากำลังดูถูกสุนทรียภาพของเขาอย่างจริงจัง
“ลูน่า สการ์เล็ตล่ะ” อัสลานถามเทพธิดาที่เพิ่งมาถึง และลืมเรื่องสุนทรียภาพของซีเว่ย
“เธอบอกว่าคืนนี้สีของดวงจันทร์ดูไม่ดี เธอจึงไม่มาร่วมงานประชุมของเรา” เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินยิ้ม
"งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นคงช่วยไม่ได้” อัสลานพยักหน้า
“เดี๋ยวก่อนเดี๋ยวก่อน! ข้อแก้ตัวนั้นไม่ฟังดูแย่เกินไปหน่อยหรือ” ซีเว่ยอดไม่ได้ที่จะประท้วง “ก่อนหน้านี้ข้าปฏิเสธอย่างหมดหวัง แต่ท่านยืนกรานจะให้ข้ามาให้ได้ แล้วตอนนี้เทพที่ชื่อสการ์เล็ต เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจท่านเลย แต่ท่านกลับปล่อยไปอย่างนี้เลยเหรอ?”
“ในฐานะเทพเจ้า เจ้าควรมีเส้นกั้นในใจของเจ้าเองว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ” อัสลานพูดกับลูกบอลเรืองแสงที่ส่งเสียงดังอย่างเคร่งขรึม “นี่คือวิถีแห่งการเป็นพระเจ้าของพวกเรา!”
“แม้สิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้อาจฟังดูมีความหมาย แต่วิธีที่เจ้าใช้พูดมันหยาบคายมาก!”
'นี่มันคืออะไร? การกลั่นแกล้งน้องใหม่เหรอ?!'
นั่นคือตอนที่เทพเจ้าอีกองค์มาถึง เมื่อเขาเห็นซีเว่ยหมุนตัวอยู่บนพื้นเขาก็ถึงกับผงะ
“ทำไมที่นี่ถึงมีลูกข่าง?”
ซีเว่ย: …
☆
สุดท้ายมีเพียง 5 ใน 7 เทพแห่งวิหารล่องหนเท่านั้นที่มาถึง
คนสุดท้ายที่มาถึงคือ ‘กูลู่’ เทพเจ้าแห่งการล่า
นอกเหนือจากสการ์เล็ตที่เขาไม่ทราบบัญญาของพระเจ้าแล้ว อัสลานยังบอกว่าเทพเจ้าอีกองค์ที่ไม่เข้าร่วมคือ ‘ฟลินท์แมน’ หัวขโมยไฟ เนื่องจากเขากำลังหลบหนีการตามล่าของเทพอัคคี เขาจึงไม่มีเวลามาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้
ตอนแรกซีเว่ยเดาว่างานประชุมแลกเปลี่ยนระหว่างเทพเจ้า จะเป็นอะไรที่มีสาระ เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เห็นเทพเหล่านี้ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของศาสนจักรตัวเองเหมือนคนทั่วไปเมื่อพบหน้ากัน หัวข้อส่วนใหญ่วนเวียนเกี่ยวกับ 'ผู้ศรัทธาของเจ้าไม่เลว' 'แม้ว่าเทคโนโลยีของผู้ศรัทธาเจ้าจะยังเด็ก แต่ก็มีศักยภาพ' 'ให้ข้าดูผู้ถูกเลือกที่เจ้าเพิ่งได้รับมาหน่อยสิ'
ถ้าเขาไม่รู้ว่าพวกนี้เป็นใคร เขาอาจจะคิดว่าพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการพบปะออฟไลน์ครั้งสำคัญ
ในที่สุด ซีเว่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาดัง ๆ
“ข้าคิดว่าในฐานะที่เราเป็นเทพเจ้า เรื่องที่เราคุยมันควรจะยิ่งใหญ่กว่านี้ไม่ใช่เหรอ?”
“ยิ่งใหญ่กว่านี้?” เทพธิดาแห่งจันทร์สีเงินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“โอ้ พูดมา!”
ซีเว่ยกระโดดลงจากที่นั่ง และเชื่อมต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้ากับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งร้าง “อัสลาน ข้าขอควบคุมอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้หน่อย”
อัสลานไม่ปฏิเสธ เขาเริ่มสนใจว่าซีเว่ยจะทำอะไร
สิ่งแรกที่เขาทำคือปิดไฟ
การมีแสงสว่างหรือไม่มีแสงสว่าง ไม่มีความแตกต่างกับเทพเจ้ามากนัก แต่ด้วยเหตุผลบางประการ อาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าส่วนใหญ่จะสว่างไสวไปชั่วนิรันดร์ ยกเว้นพวกเทพชั่วร้ายและเทพบางองค์ที่มีความสัมพันธ์กับความมืด
และซีเว่ยก็ไม่ต่างกัน แต่นั่นเป็นเพราะอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ที่เขาอาศัยอยู่ หากมันสว่าง มันก็จะสะดวกกว่า
แต่นี่คือการรวมตัวกันของเทพเจ้า!
ในฐานะผู้บงการที่กำลังควบคุมโลก เทพเจ้าจะมาพบกันภายใต้แสงสว่างได้ยังไง!
จากนั้นเขาก็เสกโต๊ะสี่เหลี่ยมยาว และให้ทุกคนนั่งตามการจัดอันดับของพวกเขา โดยมีสิงโตตัวใหญ่นั่งที่ตำแหน่งประธาน
“ปิดเอฟเฟกต์แสงและเสียงของท่านด้วย!” ซีเว่ยเรียกร้อง
เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ต่างงงงวย แต่สมาชิกของวิหารล่องหนวันนี้อารมณ์ดี และยอมทำตามคำสั่งของซีเว่ย พวกเขาปิดออร่าศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างอยู่เบื้องหลัง และเก็บของที่เปล่งประกายใส่กระเป๋า
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พบว่าตอนนี้มีตัวเลขและสัญลักษณ์แปลก ๆ กำลังส่องแสงอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาคุยเกี่ยวกับอนาคตของโลกใบนี้กัน” ซีเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างจงใจ ขณะลอยไปนั่งบนที่นั่งของเขา และปิดแสงเหมือนกับเทพตนอื่น ๆ
“แต่อนาคตของโลกไม่เกี่ยวกับเรา” กูลู่พูดขัด “อนาคตของโลกนี้ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยอำนาจของเราเพียงฝ่ายเดียว”
แม้ว่าเทพเจ้าองค์อื่นจะพบว่าสถานการณ์ตอนนี้ดูแปลกใหม่ และสนุกที่ได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด และมีเพียงตัวเลขหรือสัญลักษณ์แปลก ๆ ที่แสดงถึงตัวตนของพวกเขาลอยอยู่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็เห็นด้วยกับกูลู่
ท้ายที่สุด ไม่มีเทพที่ยิ่งใหญ่ในวิหารล่องหน และพวกเขาก็แทบจะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับเทพที่ทรงพลังกว่าได้ นับประสาอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลก
“นั่นเป็นอดีตไปแล้ว” การที่เขาเปลี่ยนรูปแบบการประชุม ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะสไตล์นี้ตรงกับรสนิยมส่วนตัวของเขามากกว่า ส่วนอีกครึ่งคือความประทับใจแรกของเขานั้นดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ เมื่อเขามีร่างกายเป็นเพียงลูกบอลเรืองแสง
การซ่อนตัวอยู่ในความมืด จะทำให้คำพูดของเขามีพลังมากขึ้น และเพิ่มความรู้สึกน่าเชื่อถือได้ดี แม้ว่าเทพเจ้าองค์อื่นจะไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดถึงอะไรก็ตาม
นี่แหละคือผลของความลึกลับ มันน่าดึงดูดเสมอ!
“ข้าเชื่อว่าทุกคนคงสังเกตุเห็นแล้วว่าโลกนี้กำลังเปลี่ยนไป แม้แต่ในหมู่เทพเจ้าเองก็มีเทพหลายตนที่เปลี่ยนไป…เวลาเปลี่ยนไปแล้ว! นี่เป็นวิกฤตอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็เป็นโอกาสเช่นกัน และมีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเราพันธมิตรแห่งวิหารล่องหนควรทำ นั่นคือการยึดช่วงเวลานี้ เพื่อขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุคสมัย!”
ซีเว่ยพูดอย่างจริงจัง
‘แม้แต่หมูก็บินได้ ถ้าพวกมันยืนอยู่เหนือกระแสลม!’
------------------------------------------------------------------------
เพจ FC-Translate