ตอนที่ 298 เธอไม่ใช่พี่สาวของฉัน!
เธอคิดว่าชีวิตการทำงานของเธอจะง่ายขึ้นมาก เมื่อต้องดูแลศิลปินเพียงคนเดียว
ใครจะรู้ว่าเฉียวอันซินตั้งใจและเรียกร้องมาก การดูปฏิบัติต่อเธอ เหมือนเป็นผู้ช่วยที่เธอเรียกใช้ และเธอก็เรียกโดยไม่มีความเคารพเลย
ลินดาไม่เคยต้องรับมือการกับปฏิบัติอย่างนี้มาก่อน
แม้แต่ศิลปินที่ได้รับความนิยมมากกว่าเฉียวเมียนเมียน ก็ไม่เคยเห็นว่าเธอไม่สำคัญขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ของเฉียวอันซินกับซูเจ๋อ เอก็คงไม่กลืนความทุกข์นี้ลงไปเช่นนี้หรอก
“ฉันรู้ไง ว่านังตัวดี เฉียวเมียนเมียนกำลังจะไปออดิชั่นรายการใหม่ของไป่ซู่”
ท่าทีของเฉียวอันซินมืดมนลง
“ไม่น่าแปลกใจที่หล่อนปฏิเสธข้อเสนอในการรับบทสตั๊นท์ให้กับฉัน หล่อนกำลังหมายตาบทนั้นอยู่ล่ะสิ”
“หล่อนเป็นแค่นักแสดงเดินแบบที่ไม่มีประสบการณ์อื่น ๆ และเธอกล้าที่จะลองรับบทนี้เหรอ? เธอรู้หรือไม่ว่าเธอมีค่าอะไร”
เฉียวอันซินไม่ชอบละครแนวอาร์ต ๆ แบบนี้ แต่เธอรู้ว่าไป่ซู่มีชื่อเสียงมากแค่ไหนในแวดวงนี้
เธอรู้สึกว่าถูกคุกคาม เพราะเธอรู้จักไป่ซู่ในฐานะผู้กำกับและเขาชอบดูแลนักแสดงหน้าใหม่
เนื่องจากไป่ซู่ไม่สนใจระดับชื่อเสียงในปัจจุบันของนักแสดงหญิง ยัยผู้หญิงขายตัวนั้นก็อาจมีโอกาสได้รับบทในเรื่องนี้
ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ดูสวยและสามารถยั่วยวนผู้ชายได้
เมื่อเธอคนนี้มีโอกาสแสดงใบหน้าของเธอ...
ไม่ เธอต้องหาวิธีป้องกันสิ่งนั้น
เธอไม่อาจปล่อยให้เฉียวเมียนเมียนมีโอกาสที่จะมีชื่อเสียงได้
“พี่สาวของคุณกำลังออดิชั่นบทของไป่ซู่ใช่ไหม” ลินดาตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น
“เธอไม่ใช่พี่สาวของฉัน!”
เฉียวอันซินดูเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง เธอเสียสติและพูดว่า
“อีตัวแบบนั้นจะเป็นพี่สาวของฉันได้ยังไง หล่อนและฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
เช่นเดียวกับที่ลินดาคิดว่าเธอพูดแบบนั้นเพราะเธอรังเกียจเฉียวเมียนเมียน เธอก็พูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “เธอเป็นแค่เด็กกำพร้า ไอ้คนที่ไม่มีพ่อมีแม่ไม่เหมาะที่จะเป็นพี่สาวของฉัน!”
แล้วถ้าหล่อนพรากซูเจ๋อไปจากเธอล่ะ?
เด็กกำพร้านั่นก็ไม่สมควรที่จะได้แต่งงานกับตระกูลซูอยู่ดี
เธอเป็นลูกสาวคนแรกของตระกูลเฉียวแทน
เด็กกำพร้าคนนั้นจะทำดีกว่าเธอในชีวิตนี้ได้อย่างไร?
สิ่งที่เธอมีตอนนี้เป็นของเธอโดยชอบธรรมตั้งแต่ต้น
ลินดาตะลึง
เฉียวอันซินไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน
เฉียวเมียนเมียน...ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของครอบครัวเฉียวอย่างงั้นเหรอ?
หลังจากนั้นไม่นานก็ไม่แน่แปลกใจ
พี่น้องตระกูลเฉียวไม่ได้มีอะไรคล้ายกันเลย
อันที่จริงพวกเขาไม่ได้คล้ายคลึงเลยไม่ว่าในแง่มุมใด ๆ
เธอเก็บความประหลาดใจไว้ข้างในขณะที่ไม่กล้าจะถามออกไป
“แล้วน้องชายของคุณ....”
ลินดามีความเข้าใจเกี่ยวกับครอบครัวของเฉียวอันซินบ้าง หลังจากเข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอเมื่อสองปีก่อน
เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเฉียวเมียนเมียนและเฉียวเฉินไม่ได้ดีเลย
“เธอหมายถึงเฉียวเฉินที่ป่วยนั่นใช่ไหม?”
เฉียวอันซินเต็มไปด้วยความรังเกียจเมื่อเธอพูดถึงเขา
“เขากับเฉียวเมียนเมียนเหมือนกัน พวกเขาเป็นเด็กที่รับมาเลี้ยงจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า”
ลินดาเดาอย่างนั้น
ไม่น่าแปลกใจที่ได้ยินข่าวนี้
เธอคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงถามว่า “เฉียวเมียนเมียนและเฉียวเฉินไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ ด้วยใช่ไหม?”
พวกเขาดูไม่เหมือนกันเลย
“ไม่ใช่”
เฉียวอันซินไม่เห็นว่าจะเป็นการไม่เหมาะสมอะไรตรงไหนที่จะเปิดเผยความลับเหล่านี้ทั้งหมดที่เธอเก็บไว้เป็นเวลาหลายปี ในความเป็นจริงเธอรู้สึกดีกับมัน
“พวกเขาทั้งคู่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวเฉียว เมื่อพวกเขาอายุได้ประมาณหนึ่งขวบ”