WS บทที่ 11 ร่างกายที่เปลี่ยนไป
เหล่าสาวใช้ในปราสาทได้เข้ามาเก็บโต๊ะ หลังจากที่ทุกคนได้ทานอาหารเสร็จแล้ว เมอร์ลินยืนขึ้น เขากำลังจะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
“เมอร์ลิน อ่อ พอดี ฉันมีข่าวจะบอกพี่”
“ข่าวอะไร?” เมอร์ลินหันมามองเมซี่ส์อย่างสงสัย
“นักดาบเปโรต้องการพาเราไปที่โบสถ์ใหญ่ในวันพรุ่งนี้เพื่อพบปะเด็กคนอื่นๆ ในเมือง”
คิ้วของเมอร์ลินขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเขารู้ว่า ‘พวกเรา’ ที่เมซี่ส์พูดถึงไม่น่าจะรวมเขาด้วย เนื่องจากตัวเขาไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับพลังธาตุเลย การที่พวกเขาไปที่โบสถ์ใหญ่นั้นก็เพื่อแสดงศักยภาพให้ทางโบสถ์เห็น หากได้รับความสนใจ พวกเขาจะได้รับทุนและทรัพยากรต่าง ๆ จากโบสถ์
“ใช้เวลากี่วันเหรอ?”
“น่าจะราว ๆ สี่ถึงห้าวันน่ะ”
เมอร์ลินพยักหน้าและพูดว่า “เข้าใจแล้ว ขอให้เธอโชคดี แสดงศักยภาพให้เต็มที่ พี่จะเอาใจช่วย”
จากนั้นเมอร์ลินก็เดินขึ้นไปชั้นบน
เมซี่ส์ได้มองตามหลังเขาไปอย่างงุนงง “พี่เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมเขาแปลก ๆ จัง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้ออกมาแน่”
เมื่อถึง เมอร์ลินได้เอนหลังนอนลงบนเตียง เขาทบทวนท่าทางต่าง ๆ ที่เขาเห็นในประติกรรมนูน ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าตอนนี้เขาจำได้หมดแล้ว ในระหว่างที่ที่เขากำลังคิดเรื่องต่าง ๆ อยู่นั้น หนังตาของเขาก็หนักขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุดเขาก็ผล็อยหลับลงไป
...
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เมอร์ลินได้ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาได้ลุกขึ้นและหันไปมองนอกหน้าต่างและพบว่าหิมะหนาได้ปกคลุมทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่าหิมะจะได้ตกลงมาตลอดทั้งคืน
มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหนาสั่นขึ้นมา
“ทำไมตัวฉันถึงได้เหนียวแบบนี้เนี่ย”
เมอร์ลินได้เอามือไปถูที่แขนของเขาและพบว่าตัวเขามีเหงื่อออก เขารู้สึกได้ถึงเหนียวหนึบทั่วร่างกาย มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว
“ลูเซียเตรียมน้ำร้อนให้ฉันหน่อย”
เมอร์ลินเปิดประตูและเรียกหาลูเซียสาวใช้ของเขา แม้ว่าลูเซียจะสงสัยว่าทำไมเมอร์ลินต้องการอาบน้ำในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ แต่เธอก็ไม่กล้าถามเขา ถึงเธอจะสงสัยยังไงเธอก็ทำตามคำสั่งแต่โดยดี เธอได้เดินเข้าไปเปิดก๊อกน้ำร้อนและเติมให้เต็มอ่างอาบน้ำ
เมื่อน้ำร้อนพร้อมแล้ว เมอร์ลินได้ลงไปแช่นำร้อนและทำความสะอาดร่างกาย
“ลูเซีย นายน้อยเมอร์ลินอาบน้ำอีกแล้วหรือ”
เสียงของชราภาพล่องลอยไปในหูของเมอร์ลิน
เมอร์ลินจำได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือเสียงของพ่อบ้านเห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านกำลังถามลูเซีย
ลูเซียตอบด้วยเสียงนุ่มนวล “ใช่ค่ะ คุณชายกำลังอาบน้ำหลังจากที่เพิ่งตื่นนอนค่ะ”
“อืม…งั้นพรุ่งนี้เป็นต้นไปเตรียมน้ำร้อนให้คุณชายทุกเช้านะ”
พ่อบ้านสั่งเธอด้วยเสียงต่ำ จากนั้นเสียงฝีเท้าก็ค่อยจางหาย เมอร์ลินเดาว่าทั้งคู่คงเดินจากไปที่อีกแล้ว
“พ่อบ้านค่อนข้างเอาใจใส่ดีนะ”
เมอร์ลินยิ้มเบาๆ เขารู้ว่าต้องเป็นพ่อบ้านที่มาตามเขาไปชั้นล่างเพื่อลงไปทานอาหารเช้า ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากอ่างน้ำและเดินไปที่ห้องนอนเพื่อแต่งตัว หลังจากนั้นเขาได้ออกมานอกห้อง
“เอ๋? พวกเขาหายไปไหนเนี่ย เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงอยู่เลย”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจ เขาได้ยินเสียงของพ่อบ้านและลูเซียอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควรอยู่นอกประตูแต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงนี้เลย
เขารู้สึกแปลกๆ ดังนั้นเขาจึงรีบเดินไปที่ทางเดินและมองลงไปที่ชั้นล่างและพบว่าพ่อบ้านและลูเซียอยู่ที่นั่น
“ชั้นล่าง? พวกเขาจะอยู่ชั้นล่างได้อย่างไร ฉันได้เสียงของพวกเขาชัดเจน จากหลังประตูเมื่อกี้นี่”
เมอร์ลินเลิกคิ้ว ‘เป็นไปได้ไหมที่เขาจะได้ยินคนพวกนี้พูดจากชั้นล่าง?’ เขาคิด
เมอร์ลินเดินลงชั้นล่าง ในระหว่างทานอาหาร เขาหยิบขนมปังและทานอย่างเงียบ ๆ
“วันนี้อากาศแปลกมาก ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวแต่กลับเริ่มหนาวแล้ว”
“นี่อย่ามัวแต่คุยกัน รีบทำงานให้เร็วเข้า หากพ่อบ้านพบว่าพวกเจ้ายังทำงานไม่เสร็จล่ะก็อย่าคิดว่าจะได้ทำงานที่นี่อีก”
“...”
เมอร์ลินกินขนมปังของเขาขณะที่เขาฟังเสียงต่างๆ อย่างระมัดระวัง พวกเขาอยู่ห่างจากเมอร์ลินอย่างน้อยสองสามเมตรและบางคนก็อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตรแต่เมอร์ลินก็ยังสามารถได้ยินเสียงของพวกเขาแม้จะแผ่วเบามากก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการได้ยินของเขาดีขึ้นมาก เขาสามารถได้เสียงต่าง ๆ อย่างชัดเจน แม้กระทั่งเสียงฝีเท้าของทุกคนในระยะ 10เมตร
“คุณชายเมอร์ลิน ท่านต้องการอะไรเพิ่มมั้ยครับ?”
ด้วยคำพูดของพ่อบ้านได้ทำให้เมอร์ลินหลุดจากภวังค์ เขาได้มองไปที่มือของเขาและพบว่า ขนมปังในมือของเขาได้ถูกทานไปหมดแล้วโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ไม่เป็นไร ฉันอิ่มแล้ว”
เมอร์ลินเช็ดปากของเขาแล้วรีบกลับไปที่ห้องทันที
ในห้อง เมอร์ลินหยิบประติมากรรมนูนออกมาจากใต้เตียง เขาคิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเขามันเกิดจากท่วงท่าแปลก ๆ ในประติมากรรมนูน
นอกจากความสามารถในการได้ยินที่เพิ่มขึ้นแล้ว เมอร์ลินรู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งกับความว่องไวก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ตราบใดที่เขายังคงฝึกฝนตามท่าทางของประติมากรรมนูนต่อไปสรรถภาพทางร่างกายของเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
เมอร์ลินพักผ่อนในห้องไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็สวมเสื้อโค้ตหนาๆ พันผ้าพันคอสีเทารอบคอของเขาและสวมถุงมือหนัง จากนั้นก็ออกไปข้างนอก
เนื่องด้วยหิมะที่ตกตลอดทั้งคืน ทำให้มีหิมะหนาทึบซ้อนทับกันที่หน้าปราสาท เหล่าต้นไม้ใหญ๋ต่างถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวและทิวทัศน์สุดสุดลูกหูลูกตาของเขาล้วนเป็นสีขาวโพลน
ควันลอยออกมาจากจมูกและปากใบหน้าของเขาแดงปลิวไปตามลมหนาวและกำลังถูมือของเขาซ้ำๆ เมอร์ลินไม่รู้สึกอยากชื่นชมฉากหิมะดังนั้นเขารีบพุ่งเข้าไปในรถม้าแล้วพูดกับมอสส์ว่า “ไปได้แล้ว”
รถม้าเลื่อนที่เบาๆ เมอร์ลินเอนตัวพิงกำแพงในตัวของรถ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าทำไมวันนี้รถม้าถึงว่างเปล่า
“เดี๋ยวก่อนเมซี่ส์อยู่ไหน” เมอร์ลินรีบถามมอสส์
“คุณหนูเมซี่ส์ได้ออกจากปราสาทไปแล้วก่อนหน้านี้แล้วครับ”
เมอร์ลินเพิ่งนึกได้ว่า เมซี่ส์ได้เดินทางไปเมืองหลวงกับนักดาบเปโร นั่นทำให้เขาไม่จำเป็นต้องไปที่โบสถ์สักระยะ ทำให้ช่วงเช้าของเขาว่างและอีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาเรียนมารยาทในช่วงบ่าย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เมอร์ลินก็ตั้งใจจะไปที่ร้านขายของเก่านาธาน เนื่องจากเป็นที่ที่เขาได้พบกับประติมากรรมนูน เขาหวังว่าที่นั่นจะมีของทำนองนี้อีก
“งั้นวันนี้ไม่ต้องไปที่โบสถ์ นายช่วยส่งฉันที่ร้านของนาธานที” เมอร์ลินสั่งการมอสส์