บทที่ 29 ดันเจี้ยนมรดกและราชาแห่งขุนเขา(4)
ขนของนกฟีนิกซ์ลุกเป็นไฟสว่างไสวและในไม่ช้าเปลวไฟก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณและเปลวไฟที่มาจากขนก็ก่อตัวเป็นนกฟีนิกซ์ที่มีขนาดเล็ก
จากนั้นนกฟีนิกซ์ตัวเล็กเหล่านี้ก็กรีดร้องและพุ่งเข้าหาพวกเดรก
เฟรย์กัดฟันแน่น
เขารู้ว่าทักษะการใช้ขนของมันเพื่อสร้างโคลนนั้นมีความหมายว่าอย่างไร
…มันมีราคาที่ต้องจ่าย
‘เขาต้องใช้พลังชีวิตของตัวเองเป็นเชื้อเพลิง’
นั่นหมายความว่านกฟีนิกซ์กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเฟรย์
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีผลมากนักเนื่องจากพวกเดรกนั้นทนทานต่อไฟ
พวกมันถือได้ว่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติของนกฟีนิกซ์ แต่เปลวไฟของฟีนิกซ์ก็ไม่ยอมแพ้และเกาะติดกับพวกมันอยู่ดี
มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้มันยอมเข้าสู่การต่อสู้ที่ไม่สามารถเอาชนะได้ และยังคงต่อสู้อย่างไม่ลดละ
เพื่อถ่วงเวลา
‘คุณกำลังบอกให้ฉันหนีไปหรือเปล่า?’
เฟรย์เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
สิ่งนี้อาจไม่เกิดขึ้นถ้าเขาใจเย็นและสงบสติอารมณ์มากขึ้น
หลังจากที่เขากลับมาจากการจองจำทุกอย่างก็ดูเหมือนจะผ่านไปไวมาก
อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าเขาไม่ได้ขี้เกียจอึดอาดหรือจงใจลดการป้องกันแต่ใด
ตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังเชื่อมันตัวเองมากไปเท่านั้น
4,000 ปีนั้นนานพอที่จะทำให้ใครๆ คลั่งไคล้และโลกที่เขาเจอหลังจากเขาออกมานั้นช่างแตกต่างจากที่เขารู้จักมาก
ความสามารถของพ่อมดที่ต่ำลงทำให้ประสาทสัมผัสของเขาแย่ลงและความล้มเหลวในการเผชิญกับวิกฤตก็กลายเป็นเสมือนยาพิษสำหรับเขา
ในที่สุดเฟรย์ก็รู้ตัว
ไม่เคยมีความสิ้นหวังหรือความกดดันในชีวิตของเขาตั้งแต่เขาได้กลับมาในครั้งนี้
ในที่สุดเขาก็พบว่าเขาไม่เด็ดขาดพอ
"อ๊าก"
เฟรย์กัดริมฝีปากและเลือดก็กลิ้งลงมาที่คางของเขา
ความอัปยศอดสูความโกรธและความเสียใจ
เขารู้สึกความผิดหวังในตัวเองเป็นอย่างมาก
“น่าสมเพช แกมันน่าสมเพช ลูคัสโทรว์แมน”
เฟรย์ตรวจสอบสถานการณ์ของเขา
เขาไม่สามารถเสียเวลาได้ นกฟีนิกซ์ได้พยายามอย่างสุดชิวิตเพื่อซื้อเวลาให้เขา
แต่ถึงอย่างไร
เขาไม่ได้วางแผนที่จะหนี
เฟรย์มองไปรอบๆ
เหล่าเดรกทั้งหลายต่างให้ความสนใจไปที่นกฟีนิกซ์ ช่วงเวลานี้อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้รับ
ในไม่ช้าเขาก็เห็นถ้ำที่ก่อตัวขึ้นจากส่วนที่พังทลายของหน้าผาและบินเข้าไปในนั้นโดยไม่ลังเล
ทางเข้าอาจถูกปิดกั้นเมื่อใดก็ได้จากการโจมตีของทอร์กุนทาแต่เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้น
ถ้ำมืดในระดับหนึ่งแต่เฟรย์นั่งโดยไม่รอช้า
เฟรย์มองไปที่โฟรเซินริฟเวอะในมือของเขาครู่หนึ่งก่อนจะดื่มมันทั้งหมด
ฮึบ!
ฮัม
“กุก…!”
ทันทีหลังจากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายเหมือนสายฟ้า
เฟรย์รู้สึกเจ็บปวดอย่างสาหัสราวกับว่าร่างกายของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่มันแทงทะลุเขา เลือดเริ่มไหลออกจากตาจมูกปากและหูของเฟรย์ในเวลาเดียวกัน
มันไม่ใช่สิ่งที่ควรดื่มโดยปราศจากการเตรียมตัว
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่น
ดวงตาของเฟรย์ที่มีเลือดไหลส่องประกายด้วยแสงพิษ
เสียงคำรามและเสียงกรีดร้องของนกฟีนิกซ์และเดรกสามารถได้ยินมาจากภายนอก
"…ขอร้องละ"
อย่าตายนะ…
รออีกหน่อยรอฉัน
ฉันใช้เวลาไม่นานนักหรอก
* * *
ฟีนิกซ์รู้ตั้งแต่ตอนที่เขาเกิดแล้วว่าเขาถูกออกแบบมาเพื่อให้อยู่ตัวคนเดียว
นี่เป็นเพราะเขารู้ด้วยว่าเขาอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆมาก
เขามองดูสัตว์ประหลาดทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงรวมทั้งสัตว์ที่อาศัยอยู่เป็นเวลานานหรือสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก
แต่ในสภาพที่เขามองลงไปยังทุกสิ่งทุกอย่าง นกฟีนิกซ์ก็มองไปรอบๆ และรู้สึกโดดเดี่ยวในทันใด
ไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับพ่อแม่นื่องจากฟีนิกซ์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากธรรมชาติโดยตรง
นอกจากนี้ยังไม่มีกลุ่มหรือครอบครัวเนื่องจากพวกมันหายากมากจนถือว่าเป็นสัตว์ในตำนาน
แต่สิ่งมีชิวิตอื่นๆ มักจะ "อยู่ด้วยกัน"
พวกมันร่วมตัวกับตัวอื่นๆ ที่ดูเหมือนพวกมันเพือจะไม่ได้รู้สึกเหงา
แต่ไม่ใช่สำหรับนกฟินิกซ์
นกฟีนิกซ์นั้นโดดเดี่ยว
วันหนึ่งเขาจึงตัดสินใจที่จะท่องไปทั่วทวีปเพื่อค้นหาสิ่งที่คล้ายกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาไม่พบ
หลังจากเดินทางไปรอบๆ อย่างไร้จุดหมายสักพัก เขาก็มาถึงเทือกเขาอิสปาเนีย
นกฟีนิกซ์ได้เรียนรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายที่มีพลังเหนือธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าถ้าอยู่ที่นี่เขาอาจจะพบคนอื่นๆในแบบของเขาก็เป็นได้ เขาบินไปมาอย่างตื่นเต้น
ไม่มีเลย
ไม่มีที่ไหนที่เขาสามารถค้นพบมันได้
เขาอยู่โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
ความเหงาของเขาก็กลายเป็นความโกรธ
วันหนึ่งทอร์กุนทาปรากฏตัวในขณะที่เขากำลังบินอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เขาไม่ได้มาที่นั่นเพื่อสนทนา
[นกฟีนิกซ์ เจอของหายากซะแล้ว ฉันจะกินแกซะ]
“กี๊ก!”
ดังนั้นเขาจึงต่อสู้และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาเกิด เขาพ้ายแพ้
ถ้าเขาไม่ได้เป็นนกฟีนิกซ์บาดแผลที่แสนสาหัสคงจะฆ่าเขาตายในตอนนั้น ดังนั้นเขาจึงหนีไป เขารู้สึกกลัวและเขาถูกคุกคามเป็นครั้งแรก
สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่สำหรับเขา เขาต้องกลับไป
แต่เขาจะไปที่ไหนดี?
ในไม่ช้าเขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาเย็นลง เขารู้สึกได้ว่านี่หมายความว่าความตายของเขากำลังจะใกล้เข้ามา
จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงพลังอันแสนอบอุ่น
ขนของเขาสามารถสร้างเปลวไฟได้อย่างง่ายดาย แต่เขาไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นใดๆ จากพวกมันเลย
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกสบายใจ
ดังนั้นนกฟีนิกซ์จึงพยายามขยับร่างกายที่บอบช้ำและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่เขารู้สึกเช่นนั้น
เขาพบกับชายคนหนึ่งในถ้ำหลังน้ำตก
มนุษย์ที่ดูยุ่งเหยิงสกปรกและเหม็น
นกฟีนิกซ์รู้ว่ามนุษย์คืออะไร
พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่โลภเห็นแก่ตัวและต่ำต้อยซึ่งถูกบังตาด้วยความปรารถนาของตัวเองเท่านั้น
บางทีอาจเป็นตัวอันตรายที่สุดจากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในโลกนี้
แต่มนุษย์คนนี้แตกต่างออกไป
ชายคนนั้นมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจในตอนแรกก่อนที่เขาจะค่อยๆแสดงออกถึงความอ่อนโยนมากขึ้นและเขาก็ยิ้มให้
เขาถูกดึงดูดด้วยรอยยิ้มนั้นและนกฟีนิกซ์ที่งดงามก็ก้มหัวให้ชายคนนั้น
มนุษย์คนนี้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนรู้จักเขาดี นกฟีนิกซ์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเสน่หา
มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนโดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาก็มีความรู้สึกได้
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าเขาได้พบกับสิ่งที่เขาค้นหามาตลอด
“คุณทำให้ฉันนึกถึงความทรงจำในอดีตของฉัน เพื่อนเก่าของฉันก็เหมือนกับคุณ”
จากนั้นมนุษย์ก็เทพลังงานที่คล้ายกับของเขาเข้าไปในร่างกายของเขา สิ่งนี้ทำให้ร่างกายที่กำลังล้มเหลวของเขากลับมามีพลังอีกครั้ง
มันเพียงพอแล้วที่จะช่วยให้เขารอดพ้นเงื้อมมือแห่งความตาย
นกฟีนิกซ์มองไปที่ชายผู้ช่วยเขาอย่างระมัดระวัง ชายคนนั้นยังคงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน แต่เขาดูค่อนข้างเศร้า
“…”
จากนั้นนกฟีนิกซ์ก็เลี้ยวและออกจากถ้ำ
เขาตระหนักว่าเขากำลังรบกวนมนุษย์คนนี่อยู่ อย่างไรก็ตามรอยยิ้มสัมผัสและใบหน้าของเขา นกฟีนิกซ์ตัวนั้นจะไม่มีวันลืมเลย
หลังจากนั้นเขาก็แอบตามมนุษย์ไป
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรในตอนนั้น
อย่างไรก็ตามสถานการณ์อันตรายได้เกิดขึ้นก่อนที่เขาจะได้รับคำตอบ
เมื่อมนุษย์ออกมาจากถ้ำเขาถูกโจมตีโดยทอร์กุนทา
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่นกฟีนิกซ์ก็บินตรงไปที่ทอร์กุนทาแล้ว