Chapter 237 - 238: พี่เขยรวยสุดๆ, การแข่งชกมวย
Chapter 237: พี่เขยรวยสุดๆ
“ใช่ๆ!” ทุกคนพยักหน้าหงึกๆ
กู้หนิงอึ้ง แต่เลิ่งเชาถิงกลับชอบ
แม้ว่าเขาจะสนใจแค่ความคิดเห็นของกู้หนิงคนเดียว แต่เพื่อนๆของเธอชอบเขาก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เขารักกู้หนิงและเคารพเพื่อนของเธอด้วย
“อืม ที่จริงฉันมีคำถามหลายคำถามที่อยากถามพี่เขยของเรา แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะใช่เวลาที่เหมาะสมไหม เอาเป็นว่าพี่เขยอยากตอบก็ตอบ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบนะคะ พวกเราแค่อยากรู้เรื่องพี่มากกว่านี้” ฉู่เพ่ยหายพูด เธออยากรู้แทบตาย
“ได้สิ”
“พี่อายุเท่าไหร่คะ อาศัยอยู่ที่ไหน?”
“อายุ 26 อาศัยอยู่ที่เมืองหลวง”
“มีบ้านของตัวเองไหม? มีเงินเก็บเท่าไหร่?”
“มีบ้านพื้นที่สี่เหลี่ยมจัสตุรัสขนาดหกร้อยตารางเมตรที่เมืองหลวง ส่วนเรื่องเงินนั้นฉันไม่ค่อยมั่นใจเรื่องจำนวน”
“พระเจ้า!”
ทุกคนตกใจอ้าปากค้างรวมถึงกู้หนิงด้วย
“หกร้อยตารางเมตรในเมืองหลวง! โคตรรวยเลย!”
ราคาบ้านในเมืองหลวงสูงจนบ้าคลั่ง และบ้านที่มีลานบ้านในเมืองราคาไม่ต่ำกว่าหลายร้อยล้านหยวน
“พี่หมายความว่าเงินเก็บของพี่มีมากเกินไปจนจำตัวเลขไม่ได้?”
เลิ่งเชาถิงยังคงเงียบ เขาไม่ได้สนใจเรื่องเงิน ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินเท่าไหร่กันแน่ในตอนนี้
ทุกคนตกใจอ้าปากค้างอีกครั้ง
“โอ้ยยยตายฉัน! ผู้ชายคุณสมบัติสูงขนาดนี้ ยังมีอยู่จริงอีกหรือนี่!” ฉู่เพ่ยหานไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ฉู่เพ่ยหานก็พูดต่อว่า “พี่เขย พี่แน่ใจนะว่าพี่ไม่มีแฟนอยู่แล้ว หรือแต่งงานไปแล้ว และแค่เล่นๆกับบอสของเรา?”
“ไม่มีแน่นอน”
ฉู่เพ่ยหานอึ้ง
ไม่นานอาหารทั้งหมดก็วางบนโต๊ะพร้อมกับเบียร์
ยกเว้นฮ่าวหรันและเลิ่งเชาถิง พวกเขาไม่ดื่มเพราะต้องขับรถ ส่วนคนที่เหลือมีความสุขกับการดื่ม
“ในเมื่อพี่เขยดื่มไม่ได้เพราะต้องขับรถ งั้นบอสควรดื่มแทนในนามของพี่เขย!” ฉู่เพ่ยหานเสนอ
กู้หนิงไม่ปฏิเสธ ดื่มเบียร์ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธออยู่แล้ว ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ดื่มจนเมามาย แค่พอสนุกๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฮ่าวหรันเอ่ยปากชวนทุกคนไปบาร์ V5
ฉู่เพ่ยหานไม่อยากไป “ฉันไม่อยากไปบาร์ V5 ทุกครั้งนะ มันน่าเบื่อ ครั้งนี้พวกเราไปตี้ฮ่าวคลับเฮาส์กันเถอะ! มีชกมวยตอนสี่ทุ่มด้วย!”
ตี้ฮ่าวคลับเฮาส์เป็นของแก๊งฉิง และเป็นสถานบันเทิงระดับไฮเอนด์ พวกเขาจ้างนักมวยมืออาชีพมาทำการแข่งขันชกมวยในคลับเฮาส์ และพวกเขาก็เปิดให้คนนอกที่อยากท้าทายขึ้นมาชก ลูกค้าสามารถเดิมพันได้เช่นกัน และอัตราคือ 1: 2
ไม่มีการแข่งขันชกมวยทุกวัน แต่ทางคลับเฮ้าส์จะโพสต์ประกาศล่วงหน้าหนึ่งวัน โดยปกติมีการแข่งขันชกมวยสองหรือสามรายการต่อสัปดาห์
ในวันที่มีการแข่งขันชกมวย ที่ตี้ฮ่าวจะมีคนมาเยอะมาก และลูกค้าต้องจองซื้อตั๋วล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน
“โอ้ ใช่ ฉันลืมไปได้ยังไง” ฮ่าวหรันก็อยากไปตี้ฮ่าวคลับเฮาส์เหมือนกัน
ทุกคนก็คิดแบบเดียวกัน พวกเขาส่วนใหญ่สนใจการต่อสู้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ชอบดูชกมวย กู้หนิงไม่สนใจว่าจะไปที่ไหนต่อ เธอแค่ทำตามพวกเขา เลิ่งเชาถิงก็ไม่สนใจเหมือนกัน เขาไปไหนก็ได้ที่มีกู้หนิง
“ตอนนี้สายมากแล้วนะ พวกเราจะซื้อตั๋วได้เหรอ?” มู่เค่อถาม ถึงแม้เขาจะไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน แต่พอรู้กฏระเบียบ
“อย่าห่วงเลย ฉันจัดการเอง” ฉู่เพ่ยหานพูด จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกโทรหาใครบางคน เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับตี้ฮ่าวคลับเฮาส์
ฉู่เพ่ยหานไม่ได้เป็นสมาชิกแก๊งฉิงก็จริง แต่เธอรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงทุกคนในเมือง F เธอแวะไปตี้ฮ่าวคลับเฮาส์บ่อยครั้ง จึงมีห้องส่วนตัวสุดพิเศษพร้อมวิวที่ดีที่สุดที่สงวนไว้สำหรับเธอคนเดียว เธอสามารถไปที่นั่นได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ อย่างไรก็ตามเธอยังคงต้องโทรแจ้งล่วงหน้าก่อน และบอกพนักงานงานในตี้ฮ่าวไม่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอ
สักพักฉู่เพ่ยหานก็กลับเข้ามา และบอกว่าปัญหาถูกแก้ไขแล้ว
สาวๆขึ้นรถเลิ่งเชาถิง ส่วนหนุ่มๆขึ้นรถฮ่าวหรัน
เมื่อพวกเขามาถึงตี้ฮ่าวคลับเฮาส์ก็เป็นเวลาสามทุ่มนิดหน่อย การแข่งชกมวยยังไม่เริ่ม
ในขณะเดียวกันลูกค้าทุกคนในคืนนี้สามารถเข้าร่วมการจับสลากเพื่อรับรางวัลใหญ่ได้ แต่รางวัลสำหรับลูกค้าที่อยู่ในห้องส่วนตัวจะได้รับนั้นมีค่ามากกว่า
ถ้าลูกค้าที่มีห้องส่วนตัวชนะรางวัล บิลค่าใช้จ่ายทางคลับเฮ้าส์เป็นผู้รับผิดชอบ ยกเว้นค่าห้องส่วนตัว เพราะลูกค้าต้องจองห้องส่วนตัวก่อนที่จะเข้าร่วมการจับสลาก
อย่างไรก็ตามค่าโต๊ะหรือห้องส่วนตัวไม่แพงมาก แต่จะไปแพงพวกค่าอาหารเครื่องดื่มแทน จำนวนคนจำกัดที่สิบคนต่อโต๊ะหรือภายในห้องส่วนตัว ถ้ามาเพิ่มก็ต้องจ่ายเพิ่มต่อหัว
กลุ่มของกู้หนิงมีทั้งหมดเก้าคน
กู้หนิงเป็นคนรับผิดชอบในการเลือกซองจดหมายสีแดงจากกล่องสีดำ ด้วยความช่วยเหลือจากตาทิพย์ เธอจึงหยิบอั่งเปาพร้อมรางวัลสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
“เปิดเลยๆ พวกเราได้รางวัลไหม?”
ทุกคนตื่นเต้นรอลุ้นผล
กู้หนิงเปิดซองจดหมายสีแดง และได้รางวัลสูงสุด คนที่เหลือในห้องรวมทั้งพนักงานมีสีหน้าอึ้งๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนจับได้รางวัลสูงสุด!
มีซองแดงกว่าร้อยซองในกล่องดำ แต่มีเพียงห้าสิบห้องส่วนตัวในตี้ฮ่าวคลับเฮ้าส์ ดังนั้นความเป็นไปได้ในการชนะรางวัลสูงสุดนั้นยากมาก
“ว้าว รางวัลที่หนึ่ง!”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อตาตัวเองเลย!”
“จริงหรอเนี่ย?”
“บอส เธอน่าทึ่งเกินไปแล้ว!” ฉู่เพ่ยหานกอดกู้หนิงแน่น
แม้ว่าฉู่เพ่ยหานจะไม่ได้ให้เพื่อนๆออกเงินคืนนี้ แต่ก็เป็นข่าวดีมากที่กู้หนิงชนะรางวัลที่หนึ่ง
พื้นที่ภายในตี้ฮ่าวคลับเฮาส์มีขนาดใหญ่มาก น่าจะประมาณสี่ร้อยตารางเมตร มีพื้นที่ราบตรงกลางกว้างหกตารางเมตร เมื่อมีการแข่งขันชกมวยก็เป็นเวทีสำหรับชกมวย หากไม่มีการแข่งขันชกมวยก็จะเป็นเวทีสำหรับการแสดงเต้น
ห้องส่วนตัวทั้งหมดอยู่บนชั้นสอง ด้านข้างของห้องหันหน้าไปทางโถงกลางเป็นหน้าต่างบานใหญ่จากพื้นจรดเพดาน เพื่อให้แขกที่นั่งด้านในสามารถมองเห็นชั้นล่างและเวทีได้อย่างชัดเจน ในกรณีที่ลูกค้าบางคนสายตาไม่ดี ภายในห้องยังมีกล้องส่องทางไกลสามชุดไว้บริการ
กู้หนิงและเพื่อนๆของเธออยู่ในห้องส่วนตัว กำลังรอการแข่งขันชกมวยคืนนี้
Chapter 238: การแข่งชกมวย
ก่อนการแข่งขันชกมวยจะเริ่มขึ้น พวกเขาพูดคุยกันและดื่มไปด้วย
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และในไม่ช้าตี้ฮ่าวคลับเฮาส์ก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คน พอเกือบสี่ทุ่มคนก็เริ่มโห่ร้อง
“เฉินซิง เฉินซิง เฉินซิง!”
เฉินซิงทำงานให้กับตี้เฮ้าส์ในฐานะนักมวย สถิติที่ดีที่สุดของเขาคืออันดับเก้าในการแข่งขันชกมวยระดับชาติเมื่อสามปีก่อน และได้รับรางวัลอันดับสามในภาคใต้ เขายังเคยติดหนึ่งในห้าสิบอันดับแรกของการแข่งขันชกมวยสากล
แม้ว่าสถิติของเขาจะไม่ได้น่าประทับใจมากมายนัก แต่เขาก็เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือดี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงในบรรดานักมวยหลายพันคน ในความเป็นจริงมีนักมวยที่เก่งกว่าเขาหลายคนในแก๊งฉิง มีแม้กระทั่งแชมป์มวย แต่นักมวยเหล่านั้นล้วนทำงานในสถานบันเทิงที่ใหญ่กว่า และเปิดรับความท้าทายจากคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า
เมือง F เป็นเพียงเมืองระดับสาม ดังนั้นจึงมีคนชื่นชอบการชกมวยไม่มาก นักมวยระดับธรรมดาก็เพียงพอแล้ว
สำนักงานใหญ่ของแก๊งฉิงตั้งอยู่ในเมือง G ซึ่งเป็นเมืองชั้นสองที่กำลังพัฒนา แต่ธุรกิจถูกกฎหมายของแก๊งฉิงส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในเมืองที่โดดเด่นทางตอนใต้อย่างเมือง Z
เมือง Z เทียบได้กับเมืองหลวง
นักมวยปรากฏตัวเมื่อเวลาสี่ทุ่ม
นักมวยคนแรกที่ขึ้นไปบนเวทีคือเฉินซิง เมื่อเห็นเฉินซิงผู้ชมต่างโห่ร้องและส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม
“เฉินซิง เฉินซิง เฉินซิง!”
“เฉินซิงสู้ๆ!”
“เฉินซิงฆ่าเขา!”
หลังจากที่เฉินซิงยืนอยู่บนแท่นเวทีแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาก็ปรากฏตัวเช่นกัน
“หลิ่วเฉียง หลิ่วเฉียง หลิ่วเฉียง!”
“หลิ่วเฉียงสู้ๆ!”
“หลิ่วเฉียง ฆ่าเขาซะ!”
หลิ่วเฉียงเป็นนักมวยที่เคยได้รับรางวัลมากมายมาก่อน และเขาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเฉินซิง พวกเขาสองคนมีความบาดหมางกันมานาน ครั้งนี้เขาจึงกระหายอยากเอาชนะเฉินซิงมาก
ในครั้งนี้เขามาเพื่อสู้กับเฉินซิงโดยเฉพาะ ดังนั้นการแข่งขันชกมวยในคืนนี้จึงน่าตื่นเต้นเร้าใจเป็นพิเศษ
หลิ่วเฉียงและเฉินซิงจ้องตากันจากฝั่งตรงข้าม
“เฉินซิง ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วนะ!” หลิ่วเฉียงพูดกับเฉินซิง
“ใช่ แปลกใจที่แกมาหาฉันถึงที่นี่ อยากแพ้อีกครั้งรึไง?” เฉินซิงเยาะเย้ย
หลิ่วเฉียงหัวเราะ “ในเมื่อแกเปิดท้าแข่ง ทำไมฉันจะมาไม่ได้ล่ะ?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น” เฉินซิงกล่าว
หลิ่วเฉียงแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังจากนั้นพิธีกรก็แนะนำหลิ่วเฉียงและเฉินซิงทีละคน
ภายในห้องส่วนตัว ฮ่าวหรันถามกู้หนิงว่า “บอส เธอคิดว่าคนไหนจะชนะ?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขาดูมีฝีเท่าๆกัน ถึงแม้หลิ่วเฉียงจะเคยแพ้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้แปลว่าเขาจะแพ้ตลอดไป ในเมื่อเขากล้ามาสู้กับเฉินซิงอีกครั้ง เขาย่อมต้องมีความมั่นใจในตัวเองพอสมควร” กู้หนิงกล่าว
“พวกนายคิดว่าไง?” ฮ่าวหรันหันไปถามเพื่อนคนอื่น
“ฉันพนันข้างเฉินซิงตั้งแต่แรก แต่หลังจากที่บอสพูด ฉันก็ชักไม่แน่ใจ” ฉินซีหุนพูด
“แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เฉินซิงจะเอาชนะหลิ่วเฉียงอีกครั้ง ฉันพนันข้างเฉินซิง” ฉู่เพ่ยหานกล่าวเสริม
“พวกนายอยากพนันกันไหมล่ะ?” จางเทียนปิงเสนอ
“ได้! นั่งดูเฉยๆก็น่าเบื่อใช่ไหมล่ะ พนันกันเถอะ” ฮ่าวหรันกล่าวพลางกดเรียกพนักงานให้เข้ามา
ทุกคนยกเว้นเลิ่งเชาถิง กู้หนิงและหยูหมิงซี พนันด้วยจำนวนเงินสองหมื่นหยวนต่อคน
ฮ่าวหรัน ฉินซีหุน มู่เค่อ พนันข้างหลิ่วเฉียง ส่วนที่เหลือพนันข้างเฉินซิง
ราคาเดิมพันของหลิ่วเฉียงคือ 1: 3 และเฉินซิงคือ 1: 2
ผู้ชมในคลับเฮ้าส์ต่างเลือกยาก ทั้งคู่เก่งพอๆกัน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็พากันเลือกพนันเฉินซิงมากกว่า
พิธีก่อนเดินลงจากเวทีหลังจากแนะนำนักมวยเสร็จ กรรมการประกาศให้เริ่มชกมวยได้ หลิ่วฉียงและเฉินซิงไม่รอช้า เริ่มชกอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
มัดของทั้งคู่ปะทะกันกลางอากาศ ส่งผลให้พวกเขาถอยหลังเพราะแรงปะทะจากอีกฝ่าย
หลังจากถอยมาหายใจ พวกเขาก็โจมตีกันและกันโดยไม่รอช้า
ครั้งนี้เฉินซิงต่อสู้จริงจังขึ้น ถึงแม้ว่าหลิ่วเฉียงจะเคยแพ้เขามาก่อน ก็ไม่อาจประมาทได้
ทว่าดูเหมือนจะไม่มีใครควบคุมเกมได้ และการแข่งขันก็เข้มข้นดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ
ทุกคนต้องการชนะการเดิมพัน ดังนั้นผู้คนจึงส่งเสียงให้กำลังใจนักมวย
เมื่อเวลาผ่านไป เฉินซิงเริ่มควบคุมเกมได้ ในขณะที่หลิ่วเฉียงยังคงหลบหมัดของเขาไปมา
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหลิ่วเฉียงกำลังจะพ่ายแพ้อีกครั้ง เขาก็ชกไปที่หน้าเฉินซิงตรงๆ
เฉินซิงหลบได้หวุดหวิด แต่ใครจะคิดว่าหลิ่วเฉียงสวนหมัดต่อยแก้มของเฉินซิงอีกด้าน
ในฐานะนักมวยอาชีพ หมัดของหลิ่วเฉียงมีพละกำลังอย่างน้อยหนึ่งร้อยปอนด์ เมื่อเฉินซิงถูกชกเต็มๆ ก็ถูกแรงกระแทกจนล้มลงบนเวที
“ไม่มีทาง!”
ทุกคนอ้าปากค้าง
“เป็นไปได้ยังไง!” ฉู่เพ่ยหานลุกขึ้นยืนทันที เธอไม่อยากเชื่อตาตัวเอง
“เห็นชัดๆว่าเฉินซิงกำลังจะชนะแท้ๆ อยู่ๆเขาแพ้ได้ยังไง?”
“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ไม่มีผู้ชนะจนกว่าการต่อสู้จะจบลง” กู้หนิงยิ้มอย่างอ่อนโยน
พูดตามตรงกู้หนิงสังเกตเห็นว่าหลิ่วเฉียงหลบเลี่ยงเพื่อหาโอกาสที่ดีที่สุด เพื่อประเคนหมัดสุดท้ายใส่เฉินซิง
กู้หนิงไม่แน่ใจว่าเขาจะทำได้หรือเปล่า แต่เหมือนว่าเขาจะทำสำเร็จ
บนเวทีกรรมการเริ่มนับถอยหลัง “สิบ เก้า…”
“ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
ผู้คนตะโกนใส่เฉินซิงเสียงดัง
ฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆก็ตะโกนด้วยเหมือนกัน
“หก ห้า....”
“เฉินซิง ไม่เอาน่า ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
“สาม สอง หนึ่ง”
ท้ายที่สุดเฉินซิงก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้
ดังนั้นผู้ที่เดิมพันข้างหลิ่วเฉียงจะได้รับเงินสามเท่า ในขณะที่ผู้ที่เดิมพันข้างเฉินซิงสูญเงินทั้งหมด
เกมโอเวอร์