WS บทที่ 10 นายพลแพรตต์
เมอร์ลินได้หลับตาและนอนแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังค่อยเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบ ๆ
“ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ร่างกายของฉันปกติดีแต่แขนขามีอาการปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากออกกำลังอย่างหนักหน่วง นี่คือผลกระทบของท่าออกกำลังพวกนั้นสินะ”
เมอร์ลินกำหมัดกำของเขาแน่น เขาเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นอย่างชัดเจนภายใต้ผิวหนังของเขา เขารู้สึกได้ว่ากำลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่เขามั่นใจว่ามันเกี่ยวข้องกับประติมากรรมนูนนั่นแน่นอน
ถึงเขาจะไม่รู้ที่มาที่ไปของประติมากรรมนูนนั่นแต่เขาก็ตั้งใจจะออกกำลังกายตามท่วงท่าของมันต่ออย่างแน่นอน
หลังจากที่เมอร์ลินชำระร่างกายเสร็จแล้ว เขาได้ลุกออกจากอ่างอาบน้ำและไปแต่งตัว เขาแช่ตัวในอ่างอาบน้ำเพื่อกำจัดกลิ่นเหงื่อ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและแต่งตัว ในระหว่างนั้นเขาไปหันไปมองประติมากรรมนูน ตอนนี้เขาจำท่าทางได้ทั้งหมดแล้วถึงทำให้ประติมากรรมนูนนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไป เขาจึงเอามันไปซ่อนที่ใต้เตียง จากนั้นเขาก็เดินลงไปในชั้นล่าง
บนโต๊ะอาหาร เมซี่ส์ถือซ้อมของเธอด้วยมือซ้ายของเธอ ขณะที่มือขวาเขี่ยโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย พ่อบ้านยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเขาเห็นเมอร์ลินลงมา เขาก็โค้งเล็กน้อยและพูดอย่างสุภาพว่า “คุณชายเมอร์ลิน อาหารมื้อเย็นพร้อมแล้วครับ”
“ขอโทษด้วยนะที่ปล่อยให้รอ”
ตอนนี้เมอร์ลินรู้สึกอยากอาหารมาก เขากินไปชุดใหญ่เมื่อกินเสร็จเขาได้ดื่มนมปิดท้าย
เขาเอนหลังลงบนเก้าอี้และหันไปมองนอกหน้าต่าง เขาเห็นเกล็ดหิมะลอยอยู่บนท้องฟ้าด้านนอก
"ตอนนี้ท่านพ่อกำลังทำอะไรอยู่นะ” เมซี่ส์ที่ทานอาหารเสร็จแล้วเช่นกัน เธอมองไปที่หิมะด้านนอกและพูดด้วยความกังวล
เลห์แมน วิลสันไปเดินทางไปยังดินแดนของเขาเพื่อเก็บภาษี โดยปกติจะใช้เวลาสามถึงห้าวันกว่าเขาจะกลับมา
“ก๊อกๆๆๆ”
ทันใดนั้นเสียงเคาะก็ดังมาจากประตูหลัก เมอร์ลินและเมซี่ส์หันไปมองประตูอย่างรวดเร็ว ใครกันที่มาปราสาทในเวลากลางคืนอย่างนี้
พ่อบ้านรีบไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วและลมหนาวพัดเข้ามาในคฤหาสน์ทันที ท่ามกลางสายลมที่เย็นยะเยือก สีหน้าของเมอร์ลินก็เปลี่ยนไป เขาได้กลิ่นเลือดลอยมากับสายลม
“ท่านนายพลแพรตต์ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
พ่อบ้านตะโกนด้วยความประหลาดใจ คนที่ยืนอยู่ด้านนอกของประตูคือนายทหารคู่ใจของเลห์แมน
เมื่อได้ยินเสียงอุทานของพ่อบ้านความทรงจำเกี่ยวกับแพรตต์ก็พุ่งเข้ามาในสมองของเมอร์ลินทันที แพรตต์เป็นผู้นำกลุ่มอัศวินของคฤหาสน์และในดินแดนของครอบครัววิลสัน เขาเป็นคนที่มีอิทธิพลมากในตระกูลวิลสันรองลงมาจากเลห์แมน เขาเป็นมือขวาของเลห์แมน แม้แต่เมอร์ลินก็ต้องเรียกเขาว่าลุง
“ลุงแพรตต์ ทำไมลุงถึงรีบกลับมา ท่านพ่อได้กลับมาด้วยกันมั้ยคะ?”
เมซี่ส์ลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วและถามอย่างตื่นเต้น
แพรตต์ติดตามเลห์แมนไปยังดินแดนของเขาเพื่อเก็บภาษี ดังนั้นเมื่อแพรตต์กลับมาโอดล์ วิลสันก็ต้องกลับมาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แพรตต์สั่นตัวเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “เซอร์บารอนยังไม่สามารถกลับมาได้ครับ”
หัวใจของพวกเขาเริ่มรู้สึกกังวล เกิดอะไรขึ้นกับเลห์แมนหรือเปล่า
"ข้างนอกมันหนาวมาก เข้ามาข้างในแล้วค่อยคุยกันดีกว่ามั้ยครับ”
พ่อบ้านรีบพาแพรตต์เข้ามาข้างในและปิดประตูทันที ทันใดนั้นลมหนาวก็หยุดพัดเขามาและบ้านก็กลับมาอุ่นขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เมอร์ลินมองสำรวจแพรตต์ เขาเป้นผู้ชายตัวสูงและแข็งแรงสวมชุดเกราะสีขาวเงิน มีผมสั้นสีน้ำตาลแดงที่มีเศษหิมะสีขาวติดอยู่
อย่างไรก็ตามเกราะสีขาวของแพทนั้นมีเลือดเปื้อนอยู่และดาบของเขาก็มีรอยบิ่น ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะผ่านสมรภูมิอันดุเดือดมา
“ลุงแพรตต์ เป็นอะไรมั้ยครับ แล้วตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่ไหน”
แพรตต์ยิ้ม “ท่านบารอนสบายดีแต่เนื่องจากการเดินทาง เราพบกับโจรกลุ่มเล็ก ๆ ท่านบารอนเลยสั่งการให้จัดการพวกมันให้สิ้นซาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านบารอนกลัวว่าพวกมันจะวกกลับมาโจมตีที่ปราสาท ท่านจึงสั่งกระผมและนายทหารอีก 100นายมาที่นี่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เมอร์ลินก็รู้สึกสบายใจ เลห์แมนผู้ซึ่งผ่านสมรภูมิมาร้อยพัน แค่โจรกลุ่มเล็ก ๆ แค่นี้ไม่คนามือเขาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นโอดล์ วิลสันยังได้ฝึกฝนกลุ่มอัศวินชุดเกราะไว้ทั้งหมด150นาย ด้วตัวเอง พวกเขาอาจเรียกได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในปราสาท
“ลุงแพรตต์ ตอนนี้สถานการณ์ของปราสาทยังปกติ ดังนั้นลุงน่าจะนำทหารพวกนั้นไปช่วยท่านพ่อจะดีกว่า”
แพรตต์ลังเลเล็กน้อยแต่ในก็พยักหน้าในที่สุด “เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่ข้อเสนอของนายน้อยเมอร์ลิน ผมจะนำกองอัศวินชุดเกราะไปช่วยท่านบารอน ขอให้นายน้อยเมอร์ลินอย่าได้กังวล”
แพรตต์กล่าวอย่างมั่นใจ ตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในทหารที่ติดตามเลห์แมน วิลสันมาหลายปี เขาได้ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน แบบเดียวกันโอลด วิลสัน เขาได้ฆ่าสังหารชาวตะวันออกมากมายและเมื่อสงครามจบลงเขาก็ได้กลับมาพร้อมกับเลห์แมน
หากเทียบกับเลห์แมนแล้วแพรตต์นั้นมีความเด็ดขาดและโหดร้ายกว่ามาก แม้แต่คนรับใช้ในปราสาทต่างเกรงกลัวความกระหายเลือดของแพรตต์
“ลุงแพรตต์ ทานอะไรมารึยังครับ? อากาศหนาวแบบนี้ ลุงต้องเดินทางลำบากแน่เลย ตอนนี้ยังเหลือแกะย่างอยู่ครึ่งหนึ่งมากันก่อนมั้ยครับ”
แพรตต์ไม่ปฏิเสธคำเชิญของเมอร์ลินเนื่องจากเขาเดินทางมาหนึ่งวันเต็ม ๆ ดังนั้นเขาหิวมาก เขาได้คว้าแกะย่างบนโต๊ะอาหารและกินลงไป อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขากินเสร็จ เขาแทบจะออกจากปราสาทไปพร้อมกับกองทหารทันที
เมอร์ลินได้จ้องมองเหล่ากองทหารที่ค่อย ๆ เคลื่อนพลออกไปจากปราสาทอย่างช้า ๆ ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เขาได้หันไปถามว่า
“เมืองแบล็กวอเตอร์ที่สงบสุข ทำไมจู่ ๆ ถึงมีโจรชุกชุมแบบนี้และพวกโจรก็ดูเหมือนจะไม่ธรรดาด้วย ไม่อย่างนั้นท่านพ่อคงไม่ต้องให้นำทหารมามากขนาดนี้หรอก”
พ่อบ้านมองไปที่เมอร์ลินและพูดอย่างลังเลว่า “เมืองแบล็กวอเตอร์เคยปลอดภัยแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้มีพวกโจรโผล่ไปทั่วทุกแห่ง พวกโจรได้บุกโจมตีหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ ๆ พวกอัศวินของเมืองได้ถูกส่งไปปราบปรามอยู่หลายครั้งแต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งแต่ขอให้นายน้อยโปรดมั่นใจในตัวของท่านบารอน ท่านต้องสามารถจัดการพวกโจรได้แน่นอน”
เมอร์ลินพยักหน้าเบา ๆ ดูเหมือนเลห์แมนน่าจะอยู่ที่ดินแดนของเขา ดังนั้นก็ไม่น่ามีเรื่องอะไรที่เขาต้องกังวล