Ep.712 - คำร้องขอกำลังเสริมจากพันธมิตรวู้ดแลนด์
2/5
Ep.712 - คำร้องขอกำลังเสริมจากพันธมิตรวู้ดแลนด์
“นี่พวกเขาบ้าไปแล้วหรือ? ถึงคิดเข้าปราบปรามกองกำลังระดับ S ?”
กล่าวถึงกองกำลังระดับ S นั่นหมายความว่าย่อมมีผู้ใช้พลังเลเวล S ประจำการอยู่
ในโลกใบนี้มีผู้ใช้พลังเลเวล S อยู่กี่คนกัน? ที่ฉินเฟิงสามารถนับชื่อได้ เต็มที่แล้วมีแค่ 50 คนเท่านั้น
ขณะที่พันธมิตรหัวเซี่ยมีเลเวล S ห้าคน ดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์เหนือ , ใต้ , ออก , ตก และสุดท้ายเป็นหลงถิงที่ประจำการอยู่ในเมืองหลวงมังกร
กระนั้น ในบรรดาเลเวล S ก็ยังมีบางส่วนที่ซ่อนตัวอยู่ มีบางส่วนได้กลายเป็นตำนาน ไม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว
และประชากรของกองกำลังมืด อันที่จริงแล้วอาจมีเลเวล S ปะปนอยู่ด้วยก็ได้ เฉกเช่นเดียวกันแซดที่ปกปิดความแข็งแกร่งของตนเองเอาไว้!
แต่ถ้าเลเวล S ของกองกำลังมืดถูกค้นพบจริงๆ ฉินเฟิงก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่เจอมันจะทรงพลังสักแค่ไหน!
“บางทีพวกเขาอาจจะบ้าจริงๆ แต่คนที่จัดเตรียมภารกิจในครั้งนี้คือกลุ่มพันธมิตรวู้ดแลนด์ ในพื้นที่ของพวกเขาวุ่นวายมาก ทั้งยังมีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ว่าเป็นพวกเขานั่นแหละที่ลอบเข้าร่วมกับกองกำลังมืด!”
“พันธมิตรวู้ดแลนด์?”
คิ้วของฉินเฟิงขมวดเข้าหากันอย่างรุนแรง
เพราะนั่นคือพื้นที่ทางตะวันตกของหัวเซี่ย มันไม่ได้ใหญ่โตเท่ากับหนึ่งรัฐของภูมิภาคเหนือด้วยซ้ำ แต่กลับมาประชากรหนาแน่น หรือให้พูดก็คือ พวกเขาสามารถขับไล่สัตว์ร้ายไปได้ เปลี่ยนภูมิประเทศของตัวเองให้กลายเป็นโซนปลอดภัย ทว่านั่นเองที่เป็นเหตุนำมาสู่ความวุ่นวาย
เพราะเมื่อไม่มีภัยคุกคามจากสัตว์ร้าย ทรัพยากรจึงร่อยหรอ สุดท้ายนำมาสู้การต่อสู้กันเอง
“นี่มันกับดักชัดๆ ทำไมผมต้องไปด้วย” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“ครั้งนี้ที่อีกฝ่ายยื่นขอกำลังเข้าปราบปราม มันเป็นแค่หนึ่งในฐานที่มั่นของกองกำลังมืดระดับ S เท่านั้น ว่ากันว่าผู้ใช้พลังเลเวล S คนนั้นยังไม่กลับมา ฉะนั้นนี่คือเวลาที่ดีที่สุด อีกอย่าง พันธมิตรมนุษย์ที่อยู่รอบๆ ทั้งหมดตอบรับคำเชิญกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น , เกาหลี , เอเชียตะวันตก และฟิลิปปินส์ ทั้งสี่กองกำลังต่างส่งผู้ใช้พลังเลเวล B สองคนไป”
เมื่อได้ยินชื่อกำลังเสริม ความคิดบางอย่างวาบผ่านเข้ามาในใจของฉินเฟิง เขาแสยะยิ้มทันที “เหอะ เจ้าพันธมิตรวู้ดแลนด์ต้องคิดไม่ซื่อแน่ๆ เพราะที่พูดมาทั้งหมดนั่นเป็นกลุ่มพันธมิตรที่เคยมีส่วนร่วมในตอนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ!”
ซางฮันพยักหน้า กล่าวด้วยเสียงทุ้มว่า “นี่เป็นความคิดของกลุ่มพันธมิตรวู้ดแลนด์ ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ใช้พลังเลเวล A มีจำนวนน้อยเกินไป ดังนั้นหากใช้ทรัพยากรล้ำค่าอย่างพวกเขาจะเท่ากับการใช้มีดฆ่าวัวเชือดไก่ อีกทั้งพันธมิตรหัวเซี่ยของพวกเราสูญเสียเลเวล B ไปจำนวนหนึ่ง ทำให้บางแห่งไม่มีกำลังพลมากพอ การเคลื่อนพลในครั้งนี้ อย่ามองว่าส่งไปแค่สองคน เพราะจริงๆแล้วเป็นทางพันธมิตรวู้ดแลนด์ที่กำลังคิดหยั่งเชิงกำลังรบของพวกเรา!”
“ผมเข้าใจ” ฉินเฟิงพยักหน้า
เพราะหากถูกส่งไปเป็นกำลังเสริม นั่นคงมีเฉพาะระดับหัวกะทิเท่านั้นถึงจะไปได้!
ทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของอีกฝ่าย ข้อแรกเลยก็คือ เราสามารถวางใจได้ว่าระดับหัวกะทิมีความสามารถในการปกป้องตนเองได้ และสามารถกลับมาอย่างปลอดภัย
ข้อที่สองคือต้องไม่ให้โดนคนอื่นดูถูก!
โดยเฉพาะภารกิจที่ร่วมมือกันระหว่างหลายประเทศเช่นนี้ ยิ่งต้องระวังให้มากเข้าไว้!
“งั้นในครั้งนี้ นอกจากผมแล้ว อีกคนที่ถูกส่งไปคือใคร?”
ซางฮันกล่าว “นายพลซื่อฉิง”
ฉินเฟิงต้องขมวดคิ้วอีกครั้งและกล่าว “ทำไมตัวแทนทั้งคู่ถึงเป็นคนจากภูมิภาคเหนือ?”
“ก็ใครใช้ให้ภูมิภาคเหนืออยู่ห่างจากทะเลตะวันออกที่สุดเล่า เพราะอยู่ห่างสุด กำลังพลของพวกเราเลยพลอยสูญเสียน้อยสุดไปด้วย” ซางฮันกล่าว
ว่าก็ว่าเถอะ เนื่องจากมีการถือกำเนิดขึ้นของตัวเชื่อมมิติ ทำให้ทั่วทุกมุมโลกสามารถเดินทางผ่านช่องว่างมิติได้ก็จริง แต่ที่ตั้งของทะเลตะวันออก มันอยู่เยื้องไปทางทิศใต้ ดังนั้นเลเวล B ส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เลยมาจากทางภูมิภาคใต้ , ตก และออก ในทางตรงข้าม ภาคเหนือซึ่งอยู่สูงสุดเลยไม่ค่อยได้มา และสามารถรอดพ้นจากการสูญเสียครั้งใหญ่ไปได้
แต่อันที่จริงแล้ว สิ่งที่ซางฮันยังไม่ได้พูดก็คือ ครั้งก่อนฉินเฟิงสามารถเปล่งประกายครั้งใหญ่ ฝูงชนเลยพลอยรู้สึกว่าหากส่งฉินเฟิงไปคงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาของซางฮันอีกคน น่าจะกำลังว่างเว้นพอดี
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซื่อฉิงในฐานะคนที่มักถูกจับส่งไปเป็นกำลังเสริมประจำจึงได้งานนี้ไปครอง และเมื่อคนอื่นๆหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดต่างก็โหวตให้ฉินเฟิงเป็นอีกคน ฉินเฟิงเลยต้องมาจัดการมัน
ทั้งยังมีบางส่วนในฝูงชน ที่ถูกคู่มือสีดำชักใยอยู่เบื้องหลัง ผลักดันให้เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินมาในรูปแบบนี้
ซางฮันก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัว แต่เธอเชื่อใจฉินเฟิง
“ฉินเฟิง ภารกิจของคุณในครั้งนี้ ไปในฐานะหน้าตาของภูมิภาคเหนือของฉัน ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ใครมาดูถูกคุณ แต่จงระวังทุกอย่างให้ดี ถ้าพบความผิดปกติใดๆ ให้รีบหนีทันที เข้าใจไหม?”
ฉินเฟิงหรี่สองตาแคบลงเล็กน้อย คล้ายขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนพยักหน้ารับ
“ผมเข้าใจแล้ว”
“งั้นก็ดี”
สายสื่อสารสิ้นสุดลง ฉินเฟิงเริ่มเก็บข้าวของของเขา หันไปกล่าวลาไป๋หลี การออกปฏิบัติภารกิจคราวนี้ เป็นอีกครั้งที่ต้องให้ไป๋หลีคอยดูแลเมืองเฟิงหลี
อีกทั้งเมื่อเกิดอันตรายขึ้น ไป๋หลียังเป็นคนแรกที่สามารถตามตัวฉินเฟิงได้
วันถัดมา เมื่อฉินเฟิงเตรียมพร้อม ก็มีใครบางคนมาเคาะประตูเขา มอบตัวเชื่อมมิติให้ และเมื่อถึงเวลานัดหมายฉินเฟิงได้ใช้ตัวเชื่อมมิติ ขณะเดียวกันซื่อฉิงที่รออยู่ในเมืองฉิงก็ใช้มันเช่นกัน
ฉินเฟิงข้ามช่องว่างมิติ เมื่อวิสัยทัศน์กลับคืนมาอีกครั้ง ทิวทัศน์โดยรอบก็เปลี่ยนแปลงไป
ชัดเจนว่านี่เป็นช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ที่นี่กลับไม่มีต้นหญ้าขึ้นเลย อีกทั้งในอากาศ ยังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นฉุนไหม้
สายตาของฉินเฟิงเบนไปรอบๆ และพบกับซากปรักหักพังของเมืองในระยะไกลออกไป
เมืองๆนี้ เพียงมองฉินเฟิงยังบอกได้ ว่ามันไม่ดีเท่าสถานชุมชนเล็กๆของพันธมิตรหัวเซี่ยด้วยซ้ำ
Mulin alliance
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงยังคงสงบ เพราะสำหรับพันธมิตรวู้ดแลนด์ ฉินเฟิงเคยมาเยือนที่นี่หลายครั้งแล้ว ดังนั้นเขาพอจะทราบดี ว่าที่นี่วุ่ยวายแค่ไหน
สองนาทีต่อมา บังเกิดความผันผวนเชิงมิติขึ้นข้างกายฉินเฟิง จากนั้นช่องว่างพลันเปิดออก พร้อมกับชายแข็งแกร่งคนหนึ่งก้าวออกมา
เป็นซื่อฉิง!
“นายพลซื่อ!”
“ฉินเฟิง ฮ่า ฮ่าฮ่า ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกนายว่านายพลฉินแล้ว!”
“ไม่ต้องหรอก เรียกผมฉินเฟิงเหมือนเดิมดีกว่า”
“งั้นนายก็ห้ามเรียกฉันว่านายพลซื่อ แต่ให้เรียกชื่อฉันตรงๆ หรือจะเรียกว่าสหายซื่อก็ได้เหมือนกัน!”
“งั้นผมขอเรียกคุณว่าพี่ซื่อก็แล้วกัน” ฉินเฟิงยังคงให้ความเคารพซื่อฉิง ช่วงก่อนเขาจะเกิดใหม่ ซื่อฉิงเป็นนายพลที่มีประวัติการรบโดดเด่น อีกทั้งทัศนคติก็ดี นายพลเช่นนี้แลที่ควรค่าแก่การเคารพ
“โอเค ฉันยอมแพ้ ยอมเป็นพี่ให้นายก็ได้!” ซื่อฉิงหัวเราะ
ภารกิจครั้งนี้ความจริงดูอันตราย แต่เพราะการดำรงอยู่ของฉินเฟิง ช่วยให้ซื่อฉิงผ่อนคลายลงมาก
ซื่อฉิงหันไปมองรอบๆ แต่แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบ มันเลวร้ายมากจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นพอเดินทางมารับภารกิจ กลับไม่มีใครมารอพบ เรื่องนี้ชวนให้ผู้คนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย หรือคาดเดาไปในทิศทางที่ไม่ดี
ในเวลานั้นเอง เสียงหึ่ง หึ่ง ดังสะท้อนเข้ามา ณ เส้นขอบฟ้า ปรากฏฮอลศึกสองลำบินตรงมายังทิศทางพวกเขา
“ดูเหมือนว่าจะมีคนมารับพวกเราแล้ว” ซื่อฉิงกล่าว
“ไม่น่าจะใช่!” ฉินเฟิงขมวดคิ้ว ระดมพลังสมาธิออกไป ล็อคเป้าลงบนฮอลศึก
เพราะพลังสมาธิของฉินเฟิงมีประสิทธิภาพมาก ฝ่ายตรงข้ามเลยไม่ทันตระหนักว่ามีผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล B กำลังล็อคตนเองอยู่
หลังจากฮอลศึกทั้งสองลำเห็นฉินเฟิง เครื่องจักรก็ส่งเสียงคำราม ถลาลงมาทันที พวกมันยังโชว์ลีลาม้วนตัวกลับหลังในอากาศ เป็นการควบคุมฮอลศึกที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ในสายตาของฉินเฟิง นี่ไม่ต่างจากการยั่วยุ
หวือออ
หวือออ!
สองขีปนาวุธถูกส่งออกมาอย่างกะทันหัน และตำแหน่งของมันดันเป็นจุดที่ฉินเฟิงกับซื่อฉิงยืนอยู่
สีหน้าการแสดงออกที่แต่เดิมสงสัยของซื่อฉิง บัดนี้กลายเป็นน่าเกลียด
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพวกเขาจึงโจมตีเรา?” ซื่อฉิงพบว่ามันยากที่จะเชือ
เพราะในการรับรู้ของเขา คนบนฮอลศึกลำนั้น เป็นแค่เลเวล E !
อีกฝ่ายยะโสขนาดนี้ได้อย่างไร?
“น่าจะเป็นคนของกองกำลังมืดจากวู้ดแลนด์!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงขยับไหว เข้าแทรกแซงสองขีปนาวุธ บังคับมันหมุนโค้งในอากาศ ย้อนกลับไปยังฮอลศึกทั้งสองลำ
ท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของผู้ใช้พลัง ตามมาติดๆด้วยเสียงปะทะดังตูม!