Ep.711 - ปราบปราามกองกำลังมืด
1/5
Ep.711 - ปราบปราามกองกำลังมืด
พวกคนในเมืองหลวงมังกรต่างทราบดี ว่าฉินเฟิงคือลูกรักของพระเจ้า
และลูกรักของพระเจ้า คือตัวตนที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้น อย่างในตอนที่อยู่เลเวล C ฉินเฟิงสามารถสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้ายในเลเวลเดียวกัน ทั้งยังสามารถต่อกรกับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ได้! ฉะนั้นหากเผชิญหน้ากับเลเวล A ...
“ทำไมถึงได้เร็วแบบนี้ ครั้งก่อนที่เจอเขา ฉินเฟิงยังเป็นแค่เลเวล C2 ถูกไหม?”
“ใครจะรู้ล่ะ ตอนนั้นเขายังไม่ได้ทำตรารับรองขั้นเลเวลแบบเจาะจง แถมยังพยายามปิดซ่อนมันมาก่อน ที่ทำแบบนั้นได้เพราะเขาเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด!”
“เพราะใช้อบิลิตี้มืดรึเปล่า ผู้ใช้พลังคนอื่นๆเลยไม่สามารถรู้เลเวลจริงๆของเขา”
“แต่สถานที่อันตรายอย่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาสามารถเอาชีวิตรอดมาได้!”
“ว่ากันว่าเขาสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล A ในทะเลตะวันออก สังหารตัวตนที่เกือบก้าวสู่ระดับเทวะ!”
“นี่เรื่องจริงหรือ?”
เรื่องราวของฉินเฟิงเริ่มถูกกล่าวขวัญ ทุกคนสนทนาเกี่ยวกับฉินเฟิงไม่หยุด ข้อมูลมากมายถูกพูดออกมา มีจริงบ้างเท็จบ้าง แต่ที่พวกคนเหล่านี้รู้กันแน่ๆ คือความแข็งแกร่งของฉินเฟิงได้ก้าวมาอยู่ในขอบเขตที่ไม่สมควรยั่วยุ นับจากนี้ไปทั้งหมดต้องให้ความสำคัญกับเขามากขึ้น
หลังจากก้าวมาถึงเลเวล B พฤติกรรมของฉินเฟิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และบางคนก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
“ดูเหมือนว่าฉินเฟิงจะมั่นใจในตัวเองมาก เขาคงคิดดีแล้วว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้ใครอีก”
ความคิดประมาณนี้ ปรากฏขึ้นในใจของผู้คนมากมาย และนั่นรวมไปถึงเซิ่งเหลียน
ด้วยเหตุนี้ แม้ข้อมูลเทคโนโลยีจะถูกเผยแพร่ออกไป แม้เซิ่งเหลียนจะโกรธจนกระอักเลือดออกมา แต่ก็ยังไม่คิดดำเนินการใดๆ
ก่อนหน้านี้ปากเขายังเอ่ยว่าจะแตกหักกับฉินเฟิง แต่เมื่อไตร่ตรองดูดีๆ เขาไม่กล้าทำจริงๆ
จากนั้น ฉินเฟิงก็ปล่อยตัวเซิ่งหัว เจ้าตัวเปิดใช้งานตัวเชื่อมมิติ กลับไปยังเมืองหลวงมังกร เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขาค่อนข้างรุนแรง จึงถูกนำตัวไปรักษาทันที
เซิ่งเหลียนพอได้ข่าวก็รีบตรงไปหาเขา
“ทำไมเจ้าถึงประมาทจนถูกฉินเฟิงจับเอาได้?” เซิ่งเหลียนไม่สนว่าเซิ่งหัวกำลังบาดเจ็บหรือไม่ มาถึงก็เค้นถามทันที
เซิ่งหัวนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ดูอ่อนแออย่างถึงที่สุด เมื่อได้ยินคำถามของเซิ่งเหลียน ก็บังเกิดความรู้สึกละอาย
“ท่านประมุข ขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉินเฟิงพบพวกเราได้อย่างไร ในเวลานั้นอาวุโสหลี่กับผม กำลังออกค้นหาร่องรอยอยู่ใต้ดินลึกกว่า 100 เมตร ผมใช้อบิลิตี้มืดห่อหุ้มพวกเราทั้งคู่ อาวุโสหลี่ใช้อบิลิตี้ดินของเขาขุดไปข้างหน้า ต่อให้ผู้อื่นค้นพบเรา แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ใช้อบิลิตี้ดิน ย่อมไม่มีทางจับตัวพวกเราได้!”
เซิ่งเหลียนขมวดคิ้วแน่น เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์มันจะซับซ้อนเช่นนี้
“ลึกลงไป 100 เมตรหรือ? แบบนั้นจะถูกจับได้ยังไง … จงเล่าให้ข้าฟังแบบละเอียด!”
เซิ่งหัวย่อมไม่คิดปกปิด เล่าว่าระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจ จู่ๆเขากับอาวุโสหลี่ก็มาปรากฏตัวกลางลานกว้างอย่างกะทันหัน จากนั้นอาวุโสหลี่ก็พานพบกับจุดจบ ส่วนตนถูกทำลายมือและเท้าโดยฉินเฟิง
เซิ่งเหลียนเงียบงัน
“แล้วในตอนนั้น เจ้ารู้สึกถึงความผันผวนของอักษรรูนมิติหรือไม่?”
“เรียนประมุข ผมเองก็สงสัยเรื่องนั้นเช่นกัน เพราะเมื่อพบว่าสถานการณ์ไม่ดี ผมได้ส่งเสียงผ่านพลังสมาธิแก่อาวุโสหลี่ คิดจะเปิดใช้งานตัวเชื่อมมิติ ให้เขาใช้อำนาจทำลายล้างของอบิลิตี้ดินถ่วงเวลาเอาไว้ แต่ผลลัพธ์คือผมไม่สามารถใช้ตัวเชื่อมมิติได้เลย สุดท้ายอาวุโสหลี่ก็เลย … ต้องตาย!”
พอฟัง สีหน้าของเซิ่งเหลียนดูมืดมนยิ่งกว่าเดิม
ไม่คาดฝันเลยจริงๆ ว่าฉินเฟิงไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ยังครอบครองการดำรงอยู่อย่างอบิลิตี้มิติ นี่ทำให้รับมือกับฉินเฟิงได้ยากขึ้น
“ท่านประมุข แล้วเรื่องนี้ พวกเราจะเอายังไงกันต่อดี?” เซิ่งหัวถาม
เซิ่งเหลียนเงียบ คล้ายไม่อยากตอบคำถาม ความเงียบงันดำเนินไปพักหนึ่ง สุดท้ายคิดไดว่าบทบาทของเซิ่งหัวนั้นไม่เล็กจ้อย มิใช่คนที่สามารถดูแคลนหรือไม่ใส่ใจได้
ความสามารถของเซิ่งหัวมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก อบิลิตี้มืดของเขาไม่เหมือนใคร ดังนั้นเลยได้รับการฝึกฝนให้เป็นนักฆ่า และทำเรื่องโหดร้ายมามากมาย
ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขามีความสำคัญ
“เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไรต่อ?”
เซิ่งหัวกล่าวด้วยความยากลำบาก “ประมุข ผมคิดว่า พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับฉินเฟิงจะดีกว่า”
“เอ๋?” เซิ่งเหลียนมองอีกฝ่ายอย่างคาดไม่ถึง
“ข้าหลงคิดว่าเจ้าถูกกระทำจนได้รับความคับข้องใจ และต้องการขอกำลังพลจากข้าไปแก้แค้นฉินเฟิงเสียอีก”
เซิ่งหัวส่ายหน้า ยิ้มขม “คงไม่กล้า ฝ่ายตรงข้ามน่ากลัวเกินไป”
ด้วยความแข็งของฉินเฟิง ผสานกับความสามารถอันแปลกประหลาดของไป๋หลี สองสิ่งนี้ทำให้เซิ่งหัวไม่ต้องการเผชิญหน้ากับพวกเขาอีก กระทั่งสวดภาวนา ว่าขออย่าได้พบเจอกันอีกเลยตลอดชีวิต!
“เช่นนั้น … ปล่อยวางเรื่องนี้ลงก่อนเถิด พักผ่อนเสีย” เซิ่งเหลียนไม่ให้อีกฝ่ายพูดมากความ เพราะเวลานี้ เซิ่งเหลียนเห็นด้วยกับความคิดของเซิ่งหัว แถมยังขอบคุณอีกฝ่ายที่ยอมเปิดปากออกมาด้วยตัวเอง
มิฉะนั้น ด้วยศักดิ์ศรีในตำแหน่งประมุขของเซิ่งเหลียน หากเอ่ยออกมาเองว่าไม่กล้าสู้ศัตรู คงยากจะกู้คืนกลับมา
…
ณ เมืองเฟิงหลี วันนี้มีชีวิตชีวามาก ทั่วทั้งเมืองต่างเฉลิมฉลองกันด้วยความสุข
กระทั่งวิธีการทักทายของผู้คนยามพบเจอกันข้างนอกยังเปลี่ยนไป ไม่ใช่ ‘วันนี้ได้กินข้าวหรือยัง’ แต่กลายเป็น ‘วันนี้สมุนไพรบ้านคุณบานหรือยัง’ แทน
ในระยะเวลาสั้นๆ ความสุขและความครึกครื้นเช่นนี้ ยังเป็นตัวแทนที่แสดงถึงความรุ่งเรืองก้าวหน้าของเมืองเฟิงหลี
คงจะมีก็แต่ฉินเฟิง ที่เกิดความกังวลขึ้นในเวลานี้
“แก่นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B มีน้อยเกินไป”
ในโลกใบนี้ แม้ว่าเลเวล S คือจุดสูงสุด แต่สำหรับมนุษย์โดยทั่วไป พวกเขาจะสามารถแข็งแกร่งได้มากสุดแค่เลเวล A ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาสามารถล่าได้ คือจักรพรรดิเลเวล B
แต่แก่นพลังที่เกิดจากการล่าของเลเวล A เห็นได้ชัดว่ามันไม่มากพอ
ฉินเฟิงตอนนี้ร่ำรวยมาก อาจเรียกได้เต็มปากว่าเขาสามารถใช้เงินที่มี โยนทับศัตรูจนตาย!
ตอนอยู่ในเมืองตงไห่ ฉินเฟิงสามารถรวบรวมศิลามิติได้มากมายจากท้องของเขมือบฟ้า ไหนจะสมุนไพรวิญญาณต่างๆบนเกาะ , ทรายธารเวลา และวัตถุดิบของปีศาจขุนเขาอีก
ไม่ว่าจะอันไหน ก็มีมูลค่าน่าพรั่นพรึง
เขามีเงินมากมาย ทว่าแก่นสัตว์ร้ายเลเวล B ที่วางขาย ดันมีน้อยเกินไป!
“เธอควรกินแก่นอบิลิตี้ของปีศาจขุนเขาก่อน มันน่าจะช่วยให้อิ่มและใช้เวลาย่อยไปอีกสักพัก แล้วเอาไว้หลังจากนี้พวกเราจะไปยังคลับมังกรดำ”ฉินเฟิงกล่าว
“มันคืออะไร?”
ฉินเฟิงยิ้ม ปรากฏร่องรอยของความกระหายเลือดฉายในแววตาเขา
“มันถูกสร้างขึ้นโดยกองกำลังมืด เป็นสถานที่ประมูล!”
และที่ตำแหน่งของมัน ตั้งอยู่ในเมืองหลวงแห่งความมืด!
นั่นคือสถานที่ที่น่ากลัวกว่าเมืองหวังเป็นร้อยเท่า มีสถานะเทียบได้กับเมืองหลวงมังกรของพันธมิตรหัวเซี่ย ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเมืองหลวงแห่งความมืดอยู่ในเกาะโพ้นทะเล มันจึงไม่ต่างจากสถานที่ปิดตาย
นี่เองคือต้นกำเนิดของกองกำลังมืดหรือองค์กรมืดที่แท้จริง
จากนั้นสักพักหนึ่ง ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็รั้งอยู่ในเมืองเฟิงหลี เนื่องจากฉินเฟิงไปถึงเลเวล B แล้ว เมืองลาวาเดือดที่เคยถูกคุกคามก่อนหน้านี้เลยสงบลง
ดูเหมือนผู้ใช้พลังจะเริ่มกริ่นเกรงฉินเฟิงแล้วจริงๆ เพราะอีกฝ่ายสามารถก้าวขึ้นมาแตะธรณีประตูของตัวตนทรงอำนาจแล้ว!
แค่ยกระดับขึ้นสู่เลเวล B ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ทว่าความสงบนี้ ดำเนินมาได้แค่ครึ่งเดือน
ในเดือนพฤษภาคม มีการติดต่อเข้ามาจากซางฮัน
เดิมที ฤดูกาลนี้เป็นช่วงที่ค่อนข้างปลอดภัย มักไม่ค่อยมีภารกิจขอกำลังเสริม แต่ละพื้นที่ได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดไปแล้ว
“ฉินเฟิง ฉันอยากให้คุณได้รับการฝึกฝนที่ดี และในครั้งนี้ มันเป็นงานร้อนที่ค่อนข้างตึงมือนิดหน่อย ดังนั้นฉันเลยตั้งใจมอบให้คุณ” ซางฮันกล่าว
“เรื่องอะไรหรือครับที่ถึงขั้นจ้าวพรมแดนเอ่ยปากว่าตึงมือ และระบุว่าต้องเป็นผม?” ฉินเฟิงเลิกคิ้ว
“ผู้คนจากกลุ่มพันธมิตรรอบด้าน ได้เชิญชวนพวกเราเข้าร่วมภารกิจปราบปรามกองกำลังมืดระดับ S !”
พอได้ฟัง หน้าผากของฉินเฟิงย่นเข้าหากันทันที