Chapter 12: เจ้าชายเป็นนักล่าแม่มด -2 (ส่วนที่ 2)
“เอ๊ะ?”
คำอุทานโง่ๆนี้หลุดออกมาจากปากของฉันด้วยตัวมันเอง
ห เห้ย เด็กสาวคนนี้โผล่มาจากไหนเนี่ย?
แม้ว่าสมองของฉันจะประมวนฉากที่เห็นนี้ล้มเหลว แต่เด็กสาวที่กำลังเกาะคอหมีอยู่ก็ใช้มีดแทงเข้าไปในดวงตาของมัน
ฉัวะ!!
เป็นเพราะว่ามันสูญเสียการมองเห็นรึเปล่านะ? ซอมบี้หมีคำรามออกมาดังลั่นและสบัดหัวอย่างรุนแรง เธอดึงมีดออกมา แล้วจากนั้นก็แทงลงไปในเบ้าตาของสัตว์ประหลาดอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของเธอเร็วและรุนแรงมาก นอกจากนี้การแทงซ้ำไปซ้ำมานั้นยังแม่นยำจนน่าประหลาด
เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่
พอถึงจุดนี้ฉันก็ได้สติกลับมาในที่สุดแล้วยกพลั่วขึ้น นี่คือโอกาสของฉัน ถ้าฉันไม่รับมัน ฉันได้ตายที่นี่จริงๆแน่
“อย่ามาจุ้นนะ!!”
นี่เธอได้ยินความคิดของฉันหรอ? หรือว่ามันเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของซอมบี้หมี
เด็กสาวถูกเหวี่ยงออกจากเจ้าสั่ตว์ร้ายเหมือนกับถูกโยนทิ้งไป เธอกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ซึ่งบางทีน่าจะเป็นเพราะเธอไม่รู้วิธีลงพื้นอย่างเหมาะสม
ด้วยการใช้ช่องว่างเล็กๆระหว่างที่หมีกำลังหันหน้ามาหาฉันอีกครั้ง ฉันก็ทำการใส่พลังศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเข้าไปในพลั่วของฉัน
แม้ว่าจะเบาบาง แต่ออร่าสีขาวบริสุทธิ์ก็ได้มารวมกันที่ส่วนคมของอุปกรณ์ ฉันเรียกพละกำลังทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ในร่างแล้วแทงเข้าไปที่หน้าผากของสัตว์ร้าย
ฉัวะ!!
ตอนแรกฉันได้รับการทักทายด้วยการสัมผัสกับความรู้สึกที่น่ารังเกียจนี้ และนั่นก็ตามมาด้วยเสียงบางอย่างหักครึ่ง
จากนั้นการต่อต้านของหมีก็หยุดลงอย่างกระทันหัน ปลายพลั่วเจาะผ่านหนังหนาๆของสัตว์ประหลาดแล้วทะลวงตรงเข้าไปที่กระโหลกของมัน
และเพียงเท่านี้ เจ้าสัตว์ร้ายก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างสมบูรณ์เหมือนกับตุ๊กตาสัตว์ บ้านที่ใช้เก็บพลังมารเพื่อเคลื่อนไหวอันเดท ส่วนกระโหลก ได้ถูกทำลายแล้ว นี่คือการตัดกระแสพลังจากเนโครแมนเซอร์
ฉันมองลึกเข้าไปในดวงตาของซอมบี้หมีที่ค่อยๆสูญเสียประกายไป ตอนนี้ฉันยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าไอ้เนโครแมนเซอร์เวรนั้นกำลังเฝ้าดูฉันผ่านดวงตาคู่นี้
ฉันพูดออกมาในขณะที่จ้องเข้าไปในดวงตาพวกนั้น “นั่งรอฉันอยู่นิ่งๆหล่ะ เพราะฉันจะไปเอาคืนเรื่องทั้งหมดที่แกทำกับฉันทั้งต้นทั้งดอกเลย”
จากนั้นฉันก็ดึงพลั่วออก
ตึง!!
ซอมบี้หมีสูญเสียการทรงตัวแล้วร่วงลงไปกับพื้น ตอนนี้พลังงานที่ทำหน้าที่เคลื่อนไหว้เจ้าเนื้อเน่าชิ้นโตนี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว และ ‘รีโมทควบคุมระยะไกล’ ก็ถูกยกเลิกด้วยประการฉะนี้
อึ้ก นี่มันโคตรเหนื่อยเลย
ฉันหย่อนก้นลงนั่งอีกครั้ง
ไอ้งานหนักที่ไม่จำเป็นนี่มันอะไรกัน? ฉันเคยได้ยินมาว่าตัวละครหลักจากนิยายแฟนตาซีเรื่องอื่นเวลาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะกลายเป็นคนแคระตัวจิ๋วที่ไม่มีใครเห็นอย่างกระทันหัน แต่กับฉันนี่มัน...
“....ฉันต้องมาเจอเรื่องบ้าๆเนี่ยนะ”
นี่มันไม่ยุติธรรมเลยซักนิด
ทำไมฉันถึงไม่ได้รับพรสวรรค์ครั้งเดียวในชีวิตหรืออะไรประมาณนั้นบ้างหล่ะ? ฉันมั่นใจว่าทุกวันนี้ไม่ว่าเรื่องไหนๆก็มีพล็อตการพัฒนาที่ดูดีแบบนั้น
ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วบ่นเรื่องความไม่ยุติธรรมทั้งหมดกับสวรรค์อย่างขมขื่น ในตอนนั้นเองก็มีคนๆนึงเดินเข้ามาหาฉัน ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่ามันคือเด็กสาวเมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ผมสีขาวของเธอถูกย้อมด้วยเลือด เธอจ้องมองฉันด้วยดวงตาสีแดงที่ดูเซื่องซึมโดยไม่พูดอะไร เศษขนและเนื้อสดๆของหมียังคนติดอยู่ที่มีดทำครัวในมือของเธอ มีเลือดกำลังหยดลงมาจากมันด้วย
“อะไรอีกหล่ะ?”
คำพูดของฉันทำให้เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย เธอยกมีดในมือขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่างแล้วแกว่งมันไปรอบๆ ริมฝีปากของเธอกระตุกขึ้นจนมันเหมือนกับแสยะยิ้ม
หรือว่าเธอกำลังพยายามทักทายฉัน?
งั้นหรอ ดูเหมือนว่าการแสยะยิ้มแบบฆาตรกรต่อเนื่องจากหนังไล่เชือดจะเกิดขึ้นจริงๆแล้วสินะ
ทันใดนั้นเองฉันก็นึกถึงเหตุการณ์ที่ฉันใช้พลั่วกระแทกศีรษะของเธออย่างไร้ความปราณีเมื่อไม่นานมานี้ หรือว่าตอนนั้นฉันควรเบามือซักหน่อยจะดีกว่านะ?
เธอ เอ่อ คือว่าเธอไม่ได้พยายามจะใช้มีดนั่นแทงฉันใช่ไหม?
“เจ้าชาย! เจ้าชายครับ....! ปลอดภัยดีใช่ไหมครับ?”
เสียงช่วยชีวิตดังเข้ามาในหูของฉันเกือบจะสายไปซะแล้ว
ความประจวบเหมาะนี้มันอะไรกัน เนื่องจากตอนนี้ฉันขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นมันคงจะเอาตัวรอดได้ยากมากถ้นฉันถูกสิ่งที่เป็นศัตรูโจมตีฉันในสภาพนี้
และที่สำคัญกว่านั้น ฉันอยากให้ใครซักคนช่วยทำอะไรซักอย่างกับบรรยากาศอันน่าอึดอัดระหว่างฉันกับเด็กสาวคนนี้ ในที่สุดพวกชาวบ้านก็มาถึงตำแหน่งของฉัน พวกเขาเจอซอมบี้หมีแล้วตัวแข็งทื่อในทันที
คุณนักล่าที่อยู่ในกลุ่มทีมช่วยเหลือ หลังจากที่เขามองไปยังหมีที่ไม่ขยับเขยื้อนแล้ว สีหน้าของเขาก็ซีดเผือดในทันที “นี่มัน....นี่มันราชาแห่งความตระกละไม่ใช่หรอ!?”
ชื่ออันน่ากลัวนี้มันคืออะไรกัน
ฉันต้องถามคุณนักล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ “รู้จักเจ้าตัวนี้หรอ?”
นักล่าฮานส์มองกลับไปกลับมาระหว่างฉันกับซอมบี้หมี จากนั้นก็ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “เจ้าสิ่งนี้ มันคือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดที่วนเวียนอยู่แถวนี้ครับเจ้าชาย มันใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนวิญญาณแห่งความตายและเหยื่อหลักๆของมันก็คือพวกซอมบี้”
จากที่เขาเล่ามา เจ้าหมีบ้านี่เพลิดเพลินกับหนังหนาๆของมันที่สามารถทนโดนซอมบี้จำนวนนึงกัดพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย ในความเป็นจริงนั้น มันน่ากลัวมากๆ ในตอนที่มันหาคู่และได้มีลูกน้อยๆของมัน พวกมันยังสามารถล่า ‘โทรล’ จริงๆได้ด้วยซ้ำ
นี่คือสาเหตุที่มันแข็งแกร่งขนาดนั้นสินะ
“ท่านฆ่าเจ้าตัวนี้ได้จริงๆหรอครับ เจ้าชาย?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันมาถึงที่นี่มันก็กลายเป็นศพแล้ว”
ฉันแค่ยักไหล่เฉยๆ
เรื่องมันอาจจะซับซ้อนขึ้นได้ถ้าชาวบ้านรู้ว่าฉันฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วยการพึ่งพาสกิลเนโครแมนเซอร์ แต่เดี๋ยวนะ ตอนนี้พอมาคิดๆดู มีพยายานอยู่ที่นี่แล้วคนนึงไม่ใช่หรอ?
ฉันหันหน้าไปมองเด็กสาว เธอมองกลับมาที่ฉันในขณะที่เอียงศีรษะของเธอ
มีโอกาสสูงมากที่เธอจะเห็นฉันอัญเชิญซอมบี้ศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพวกมันออกมาแล้วยืนอยู่เฉยๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะเธอไม่ใช่คนประเภทปากพล่อยหรือว่าเธอไม่ได้เห็นอะไรจริงๆ
ชาวบ้านมองเด็กสาวที่ถือมีดทำครัวแล้วจากนั้นก็มองมาที่ฉันในขณะทำสีหน้าแปลกๆ
“ทำไมเด็กคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ฉันถาม และคำถามของฉันก็กระตุ้นให้กริลทำหน้าลำบากใจยิ่งกว่าเดิม
เขาตอบกลับ “พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าเธอแอบตามมาด้วยครับ เจ้าชาย ในตอนที่ท่านถูกหมาป่าลากตัวเข้าไปในถ้ำ เธอก็กระโดดออกมาจากพุ่งหญ้า
นี่เธอคงไม่ได้ไล่ตามฉันมาเพราะกลัวว่าจะสูญเสียเป้าหมายในการแก้แค้นไปใช่ไหม?
ด้วยความคิดที่ค่อนข้างจะไปในแง่ลบในหัวของฉัน มีดในมือของเธอก็ดูแวววับยิ่งกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก
ฉันยิ้มเจื่อนๆแล้วพยายามจะลุกขึ้นยืน อย่างไรก็ตาม ฉันเดินโซซัดโซเซเพราะกำลังที่ขาของฉันยังไม่กลับมา ซึ่งเธอก็ยื่นมือเข้ามาประคองฉันไว้อย่างรวดเร็ว
ฉันสะดุ้งแล้วมองกลับไปหา ในตอนนั้นเองฉันก็ได้เห็นรอยยิ้มน่าขนลุกที่แสดงอยู่บนหน้าของเธอ ริมฝีปากของเธออาจจะโค้งขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้ม แต่มันไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในดวงตาของเธอเลย ไม่ว่าใครก็บอกได้ว่าเธอกำลังฝืนยิ้ม และนี่ก็มีแต่จะชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังแทน
ได้โปรดเถอะ ขอร้องหล่ะ! ใครก็ได้ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที! เด็กผู้หญิงคนนี้ จู่ๆเธออาจจะเอามีดมาจ้วงท้องฉันก็ได้นะรู้รึเปล่า!?
ไม่รู้ว่ากริลรู้ความคิดของฉันในตอนนี้รึเปล่า เขาแค่มองกลับไปกลับมาระหว่างเด็กสาวกับฉันก่อนที่จะชี้ไปยังทางออกของถ้ำ “เอาหล่ะ ตอนนี้ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะครับ เจ้าชายท่านดูเหนื่อยมากเลยเพราะฉะนั้นกลับไปพักกันก่อนเถอะ...”
“ทำไมอยากจะรีบออกอะไรขนาดนั้นหล่ะ? ในเมื่อถ่อมาถึงที่นี่แล้วพวกเราก็ควรจะเข้าไปดูให้ถึงที่สุดนะ”
“ว่าไงนะครับ??”
ฉันชี้ไปทางส่วนลึกของถ้ำ “ตอนนี้ไปดูให้สุดถ้ำกันเถอะ”
“ต แต่ว่า...”
กริลมองไปยังหมีที่มีสมญาอันยิ่งใหญ่อย่าง ‘ราชาแห่งความตะกละ’ แม้ว่าฉันจะบอกไปแล้วว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นตายไปก่อนที่ฉันจะมาเจอ เขาก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อฉันเท่าไหร่นัก
แต่ก็นั่นแหล่ะ มันมีรอยพลั่วที่ยากจะมองข้ามบนหน้าผากของมัน ดังนั้นไม่ว่าใครที่ตายังใช้การได้ดีอยู่ก็คงจะบอกได้ว่ามันถูกใครบางคนฆ่า
ชาวบ้านต้องกลัวว่ามันอาจจะมีซอมบี้หมีซ่อนอยู่ข้างในอีกแน่ๆ
ดูเหมือนว่าเด็กสาวจะเกิดมาหัวไว เพราะเธอช่วยพาฉันไปที่พลั่ว ฉันใช้ความพยายามเล็กน้อยก่อนที่จะสามารถดึงมันออกมาจากศพเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ได้
“ฉันคิดว่าอีกฝั่งคงไม่มีซอมบี้เหลืออยู่แล้วหล่ะ” ฉันพยายามสร้างความมั่นใจให้พวกเขา
“เจ้าชาย?”
ฉันแค่เดา มันไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าศัตรูไม่มีทหารอันเดทเหลืออยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันมาไกลถึงขนาดนี้แล้วและมันก็ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้ไอ้สารเลวนั่นหนีรอดไปได้
“มันไม่น่าจะมีซอมบี้เหลืออยู่แล้วหล่ะ ต่อให้มี พวกมันก็น่าจะอยู่ระดับเดียวกับตัวที่พวกนายเคยสู้ที่โบสถ์ ไม่ใช่แค่นั้นนะ....”
ฉันมองไปรอบๆ ในตอนนั้นเองชาวบ้านก็ตระหนักได้ถึงความแปลกของถ้ำที่พวกเขาอยู่ เพราะถ้ำที่ไม่น่าจะมีแสงเล็ดลอดเข้ามาได้นั้น กลับสว่างขึ้นมา
ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณร่องรอยพลังศักดิ์สิทธิ์อ่อนๆที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนี้
“ไอ้เวรนั่นจะหนีไปได้ถ้าพวกเราไม่เคลื่อนไหวตอนนี้”
เนื่องจากถ้ำถูกชำระล้างด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แล้ว ซอมบี้ที่อืดอาดจึงไม่น่าจะเป็นปัญหากับพวกเราในตอนนี้
ฉันมองเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดแล้วพูดขึ้นมา “ไอ้เนโครแมนเซอร์.... ไอ้เวรนั่นมันต้องอยู่ซักที่ในถ้ำนี้แหล่ะ”
ใช่แล้ว ฉันกลับไม่ได้จนกว่าศัตรูของพวกเราจะถูกจับ
ฉันจำเป็นต้องเอาคืนสำหรับความยากลำบากทั้งหมดที่ฉันต้องเจอมา!