Ep.708 - แขกไม่ได้รับเชิญ
3/5
Ep.708 - แขกไม่ได้รับเชิญ
บุคคลที่ได้รับข่าว มิใช่ใครอื่น เป็นเซิ่งเหลียนแห่งกลุ่มซ่งเฉิง
ครั้งก่อนเซิ่งเหลียนยอมเลิกรากับฉินเฟิง เพราะเขาคิดว่าต่อให้ฉินเฟิงแข็งแกร่ง แต่กลุ่มของอีกฝ่ายยังถือว่าเด็กมาก อายุแค่ 1 ปี ดังนั้นเป็นเรื่องง่ายหากต้องการติดสินบนพนักงานในกลุ่ม ทั้งยังมีช่องว่างให้เจาะเข้าไปฉกฉวยผลประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ เซิ่งเหลียนจึงส่งมือปืนเลเวล E ความแข็งแกร่งไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เข้ามายังเมืองเฟิงหลี
และคนที่เพิ่งโทรหาเซิ่งเหลียน คือสายลับคนที่ว่า!
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่แม้สายลับคนนี้จะอยู่มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว แต่เขายังไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย
เซิ่งเหลียนเองก็พอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจรีบร้อน เพราะงานขโมยข้อมูลแบบนี้ อย่างนานสุดอาจใช้เวลา 8 - 10 เดือน!
เพียงแต่ที่เซิ่งเหลียนไม่ทราบก็คือ กลุ่มเฟิงหลีมีนักธุรกิจชั้นเซียนอย่างซูซิงฝู ดังนั้นความลับบางประการ ยังคงถูกปกปิดไว้อย่างแน่นหนา ไม่ยอมเผยแพร่ออกมาสักคำ กระนั้น คนอย่างซูซิงฝูมีหรือจะไม่รู้ ว่ากลุ่มอื่นๆกำลังหมายตาสมบัติของพวกเขา!
ใครก็ตามที่เข้าร่วมเป็นแกนหลักของกลุ่ม เกรงว่ากระทั่งประวัติของบรรพบุรุษ 9 ชั่วโคตรยังถูกขุดคุ้ยขึ้นมาตรวจสอบ
แน่นอน สายลับที่ถูกส่งมาในช่วงเวลาพิเศษนี้ ตัดสินใจโทรไปเล่าถึงสถานการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในเมืองเฟิงหลี บอกแก่เซิ่งเหลียน
ณ ตระกูลเซิ่งในเมืองหลวงมังกร เซิ่งเหลียนเดินวนไปเวียนมา
“เจ้าฉินเฟิง จะต้องมีทรายธารเวลาในครอบครองอย่างแน่นอน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือคุณสมบัติที่เกิดจากสิ่งนั้น!”
“ต้องใช่แน่ๆ ฉินเฟิงสามารถกลับมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างปลอดภัย แล้วเขาจะไม่ได้รับสิ่งนั้นมาเลยได้อย่างไร!”
“ดูเหมือนว่าเขาจะฝังทรายธารเวลาลงใต้ดินของเมืองเฟิงหลี ฮะ .. ฮะฮ่า … ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นการกระทำที่โง่เง่านัก!”
ในความคิดของเซิ่งเหลียน หากคิดฝังมัน ก็ต้องฝังไว้ในสถานที่ซึ่งมีเพียงผู้บริหารระดับสูงของเฟิงหลีเท่านั้นที่รู้ ตัวอย่างเช่นเขตแดนลับ , ไม่ก็เกาะที่ไร้ผู้คน สรุปง่ายๆว่าคือสถานที่ซึ่งหลบซ่อนจากสายตาชาวโลก!
แต่ฉินเฟิงกลับหยิ่งผยอง ฝังมันไว้ใต้เมืองเฟิงหลีอย่างกะทันหัน!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็อย่าตำหนิว่าฉันไร้เกียรติก็แล้วกัน!” เซิ่งเหลียนหัวเราะตะกละตะกลาม แสดงท่าทีไม่ต่างจากว่าทรายธารเวลาที่ฉินเฟิงครอบครอง ได้ตกอยู่ในมือของเขาแล้ว
…
ภายในวิหารเทพสงคราม ฉินเฟิงเททรายธารเวลา ให้มันไหลลงกระทบกับผิวพื้นโดยตรง วางไว้ในทางเดินชั้นสอง สถานที่แห่งนี้ถูกดัดแปลงเพื่อให้เป็นจุดเพาะพันธ์สมุนไพรวิญญาณมานานแล้ว กระทั่งดอกบัวพิสุทธิ์ยังได้กลายเป็นวัตถุดิบชิ้นหนึ่งประจำกลุ่มเฟิงหลี
แต่ช่วงเวลานี้ เมื่อปรากฏการดำรงอยู่ของทรายธารเวลา ภายในสระบัวพิสุทธิ์ กิ่งก้านและใบของมันเกิดการสั่นไหว ดอกบัวแรกเกิดเริ่มผลิขึ้นทีละดอก เบ่งบานอย่างช้าๆ กลายเป็นความงดงามอันน่าทึ่ง ไม่นาน ดอกบัวก็บานเต็มใบ ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยดอกบัวพิสุทธิ์
ยังไม่พอ ในบรรดาดอกเหล่านี้ ยังมีดอกบัวสีทองที่เด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ของดอกบัวพิสุทธิ์
“ไม่เลว ผลกระทบนี้ช่างท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง”
ฉินเฟิงเร่งเก็บดอกบัว หลังจากเม็ดบัวหายไป ดอกบัวเหล่านั้นก็เริ่มแห้งเหี่ยวเช่นกัน แต่ไม่นานคลื่นดอกบัวลูกใหม่ก็เข้ามาแทนที่ เริ่มผลิบานอีกครั้ง
และคราวนี้ ปรากฏดอกบัวสีทองเพิ่มขึ้นจากเดิมถึงหนึ่งในสิบส่วน!
“ไหนๆ เม็ดบัวจากดอกสีทองมันเป็นยังไง ขอฉันลองชิมมันหน่อย!” ไป๋หลีแทรกเข้ามา แลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางกล่าว
ฉินเฟิงหยิบเม็ดบัวพิสุทธิ์สีทองออกมา ป้อนมันเข้าปากของไป๋หลี และลองลิ้มรสมันด้วยตนเอง
เขาพบว่าภายในปากเปี่ยมไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์ ผลลัพธ์ของมันรุนแรงกว่าเม็ดบัวพิสุทธิ์ด้วยซ้ำ ขนาดที่ว่า พลังงานของมัน เกิดการแทรกซึมลึกเข้าไปถึงกระดูก
“แต่ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย” แม้นี่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่เหมือนไม่ส่งผลอะไร ฉินเฟิงเลยหยุดกินมัน
ไป๋หลีเคี้ยวไปสักพักแล้วกล่าว “ที่คุณไม่รู้สึก เป็นเพราะเส้นลมปราณของคุณกว้างมาก มันกว้างอยู่ก่อนแล้ว แต่เม็ดบัวพิสุทธิ์สีทองนี้ มันสมควรช่วยขยายเส้นลมปราณได้ และอาจกลายเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ในการรักษา!”
“โห งั้นแบบนี้คงต้องขอให้ซูซิงฝูมาลองดูบ้างแล้ว!”
ซูซิงฝูคือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจ แต่ความแข็งแกร่งของเขา กลับกลายเป็นอุปสรรคที่คอยฉุดรั้งเท้าเอาไว้
อย่างครึ่งปีที่ผ่านมาของงานลูกรักของพระเจ้า โจวฮ่าวยังสามารถยกระดับได้ถึง 3 ขั้นย่อย ก้าวไปเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D5 แล้ว แต่ซูซิงฝูกลับเพิ่งมาถึงเลเวล D เท่านั้น
และผลลัพธ์ในครั้งนี้ล้วนเกิดจากการยัดทรัพยากรมหาศาลเข้าไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซูซิงฝูไม่จำเป็นต้องสร้างรากฐานที่มั่นคง อีกอย่างโจวฮ่าวก็เป็นคนประเภทอยู่ในระดับอัจฉริยะ ดังนั้นเทียบกันไม่ได้
ซูซิงฝูเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D ระดับสามัญ ดังนั้นสูญเสียทรัพยากรไปมากมาย เลยมาได้ถึงขนาดนี้ ท่านสามารถจินตนาการได้ ว่าพรสวรรค์ของเขาย่ำแย่แค่ไหน
แต่ฉินเฟิงอย่างไรไม่เคยคิดยอมแพ้ที่จะฝึกฝนซูซิงฝู เพราะท้ายที่สุดแล้ว ก่อนเขากลับมาเกิดใหม่ ซูซิงฝูคือหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงกระฉ่อน ดังนั้นในฐานะเจ้านาย เขาควรมอบผลประโยชน์แก่พนักงานทรงคุณค่า
ไม่นานซูซิงฝูก็มาตามคำเรียกหา
ทันทีที่เข้าสู่สุสานเทพสงคราม ซูซิงฝูรู้สึกว่าเขตแดนแห่งนี้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ประธาน ทำไมคุณถึงไม่ยอมนัดล่วงหน้า ไม่รู้หรือว่าตอนนี้ฝ่ายประชาสมพันธ์งานยุ่งจนหัวหมุนแล้ว ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าคุณคิดจะดัดแปลงเมือง อย่างน้อยน่าจะบอกกันก่อน อา!”
“ถ้าผมบอกมันก่อน ผมกลัวว่าคุณจะไม่ให้ผมนำทรายธารเวลาออกไปน่ะสิ” ฉินเฟิงกล่าว
ซูซิงฝูถูกรู้ทัน เผยรอยยิ้มแหย “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ประธาน คุณสั่งอะไร พวกเรามีหรือกล้าโต้แย้ง ฉันสนับสนุนเต็มที่ สนับสนุนคุณร้อยเปอร์เซ็น!”
“งั้นเอาไว้จากนี้ไป ถ้าทำอะไร ผมจะปรึกษาพวกคุณก่อน”
ซูซิงฝูยิ้มขม คิดในใจว่าถึงรับปากไว้ เดี๋ยวหัวหน้าเขาคงลืมอยู่ดี
ฉินเฟิงยิ้ม และกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลไป ทรายธารเวลาที่อยู่ในเมืองเฟิงหลีเป็นแค่ส่วนน้อยถึงน้อยมากๆเท่านั้น ส่วนใหญ่ยังถูกเก็บไว้ในสุสานเทพสงคราม!”
ซูซิงฝูตกใจ เริ่มเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่ จริงๆแล้วคุณได้รับทรายธารเวลามาเท่าไหร่กันแน่? ตามข้อมูลที่ฉันมี มันไม่น่ามากถึงขนาดนั้น!”
ฉินเฟิงไม่มีความคิดที่จะปกปิดมันจากซูซิงฝู เขาบอกเล่าถึงการเก็บทรายโดยปลอมตัวเป็นคุนซาร์ในครั้งแรก และเรื่องเก็บกู้ทรายจากก้นทะเลในรอบสาม และทรายธารเวลาเหล่านั้น ปัจจุบันพวกมันเกือบทั้งหมดถูกเก็บไว้ในสุสานเทพสงคราม!
ซูซิงฝูมองไปยังหลุมขนาดใหญ่ที่บรรจุทรายธารเวลาเอาไว้ คิดคำนวณในใจอย่างเงียบๆ ด้วยความสามารถทางธุรกิจของเขา ที่อย่างน้อยมีพรสวรรค์ไปถึงในระดับ SSS แต่ยังไงก็ไม่สามารถประเมินมูลค่าของสิ่งเหล่านี้ได้
“ทรายธารเวลาพวกนี้ ต่อให้เป็นแค่กองเล็กๆ ก็ไม่สามารถขายมันได้ อย่าลืมสิว่าคนธรรมดาคือผู้บริสุทธิ์ แต่คนมั่งคั่งมากพรสวรรค์มักเป็นที่อิจฉาของผู้คน!” ฉินเฟิงกล่าวเสียงหม่น
ซูซิงฝูได้ฟัง ค่อยถอนสายตาด้วยความเสียดาย “แต่ว่านะท่านประธาน คุณคงรู้แล้วว่าคนอื่นๆก็หวังทรายธารเวลาพวกนี้เช่นกัน แล้วทรายในเมืองพวกเราควรทำยังไงกับมัน?”
“นั่นง่ายดายมาก ผู้ใช้พลังหลายคน น่าจะรู้แล้วว่าผมครอบครองเจ้าสิ่งนี้ เดี๋ยวพวกเขาคงมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน แต่ผมจะบอกว่าผมใช้มันไปแล้ว ดังนั้นคนที่จะมา ก็ไม่มีเหตุผลให้นำมันออกไป!”
“สูงส่ง .. ความคิดช่างสูงส่งจริงๆ คำพูดนี้ของประธานถือได้ว่าเป็นทั้งรุกและถอย น่าจะใช้งานได้ดี”
“หยุดประจบผมเถอะ มา มานี่เลย คุณต้องมาช่วยผมทดสอบผลลัพธ์ของดอกบัวพิสุทธิ์กลายพันธุ์”
เวลานี้ เม็ดบัวพิสุทธิ์ชุดที่สองได้ปรากฏขึ้นแล้ว ฉินเฟิงเริ่มเก็บรวบรวม จากนั้นก็มอบให้ซูซิงฝูรับประทาน และมันก็ช่วยให้เส้นลมปราณของซูซิงฝูเปิดออกจริงๆ เม็ดบัวพวกนี้เหมาะมากสำหรับการฝึกฝนวรยุทธโบราณ
สามารถกล่าวได้ว่าเม็ดบัวสีทองเหล่านี้ ช่วยส่งเสริมศักยภาพการต่อสู้ของผู้คน
เจ้าสิ่งนี้ มักถูกเรียกเป็นสมบัติล้ำค่า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันจะกลายเป็นทรัพยากรของผู้บริหารระดับสูงประจำกลุ่มเฟิงหลี ท่านสามารถลองจินตนาการดูได้ ว่าอนาคตของเฟิงหลี นับจากนี้จะรุ่งโรจน์เพียงใด
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้รวบรวมสมุนไพรวิญญาณมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาเลยนำพวกมันมาปลูกในสุสานเทพสงครามเช่นกัน
หลังจากวุ่นมาตลอดทั้งสองวัน พวกเขาก็ออกจากสุสานเทพสงคราม
แต่เพียงโผล่ออกมา ฉินเฟิงกับไป๋หลีก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ
เพราะจากในการรับรู้ ดูเหมือนว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญ--
--จะมาเยือนพวกเขาแล้ว!