ตอนที่ 14: เนื้อสัตว์ปราณย่าง (ส่วนที่ 2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ในสำนักตระกูลหลินนั้นมีคนอยู่มากแต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะชอบขี้หน้ากัน. บางคนก็ไม่พอใจที่หลินฟ่านได้ก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์ที่เยี่ยมที่สุดของสำนัก. (ท่อนนี้ไม่มั่นใจนะครับ) แต่ภายหลัง เมื่อพวกเขารู้ว่าหลินฟ่านมีความสามารถที่เยี่ยมยอด ความรู้สึกไม่พอใจก็ได้จางหายไป.
ชีวิตในสำนักใหญ่ก็เป็นแบบนี้แหละ. ในโลกนี้เหล่าผู้ฝึกวรยุทธซิ่วเจิ้นนั้นยึดติดกับสำนักตระกูลมากๆ เพราะทุกคนรู้ดีว่าสำนักให้ทุกๆอย่างเพื่อให้พวกเขาฝึกวิชาได้. บางครั้งการประลองอาจจะดูโหดร้าย, แต่ทุกคนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาติดหนี้บุญคุณที่สำนักช่วยชุบเลี้ยงพวกเขามา.
ชิยูชอบสิ่งที่เธอกำลังมองอยู่มาก. อย่างน้อยทุกๆคนในตระกูลนี้รู้ทางของตัวเองดีว่าพวกเขาชอบทำอะไรและเพียรพยายามเพื่อมันอย่างมาก.
“ถ้างั้นเสี่ยวฉีจ้ะ, จากนี้ไปหนูอยู่ที่นี่นะ” ชิยูลูบหัวเสี่ยวฉี. ผมของเธอนุ่มและสลวยมากๆ เวลาลูบก็รู้สึกดีมากๆ.
เสี่ยวฉีมองชิยูแล้วถาม “ถ้างั้นจากนี้ไปหนูจะอยู่กับพี่หลินฟ่านได้ใช่มั้ยคะ?”
ชิยู: “.....”
อุ้มเสี่ยวฉีแล้วหนีไปตอนนี้จะทันมั้ยนะ?
เป็นเพราะเสี่ยวฉี ชิยูจึงได้ไอเดียให้เด็กคนอื่นๆ.
แต่ก่อนพวกเด็กๆไม่มีใครคอยปกป้องเลย แต่ตอนนี้พวกเขามีแล้วพวกเขาก็ควรตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตยังไงต่อ.
“พวกเธออยากทำอะไรหรอ?” ชิยูถามเด็กชายทั้งสาม “พวกเธอจะเป็นจอมยุทธ, บัณฑิตหรือพ่อค้าก็ได้นะ”
ผู้ฝึกวรยุทธซิ่วเจิ้นนั้นอาจจะแข็งแกร่งก็จริงแต่คนส่วนใหญ่ในโลกนี้เป็นคนธรรมดา. อาชีพของคนในยุคนี้ก็ไม่ต่างกับจีนยุคโบราณหรอก. พวกเขาจะเข้าวังหลวงหรือเข้ากองทัพแล้วก็ทำผลงานจนเป็นแม่ทัพก็ได้. พวกเขาต้องสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง แล้วก็แก่ลงและจากไป.
เสี่ยววูตอบเป็นคนแรก “ผมอยากเรียนทำอาหารกับพี่ครับ. แล้วในอนาคตผมจะเปิดร้านใหญ่ๆให้ทุกคนเข้ามากิน”
เสี่ยวหลิวมองเสี่ยววูอย่างอึ้ง “ผมเอากับเสี่ยววูด้วย!”
ชิยูมองพี่น้องทั้งสอง - พวกเขาเป็นพวกตะกละแต่ฝันของพวกเขานั้นก็ไม่เลวเลย.
“แล้วเธอล่ะ?” ชิยูถามเล่าเอ๋อ.
เล่าเอ๋อนิ่งไปนานมากจนสุดท้ายเขาก็รวมความกล้าแล้วก็ยอมรับออกมา “ผม...ผมอยากจะอยู่ที่สำนักตระกูลหลินครับ. ถึงผมจะไม่มีพลังปราณเลยแต่ผมอยากลองดูครับ. ผมอยากฝึกวิชาแล้วก็เป็นแบบท่านเทพให้ได้. บินไปทั่วท้องฟ้าและล่องนภา”
ชิยูประหลาดใจ. คนส่วนใหญ่พอรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอจะฝึกวิชาก็จะล้มเลิกไปแต่เล่าเอ๋อนั้น….
“งั้นเธอก็ต้องคิดดีๆนะ” ชิยูชี้ไปทางพวกผู้ชายที่กำลังฝึกอย่างหนักอยู่ “เธอไม่เหมือนพวกเขานะ ต่อให้พวกเขาไม่เก่งมากแต่ก็ยังเหนือกว่า. ถ้าเธอไปฝึกด้วยเธอก็จะโดนเหยียดหยามและโดนดูถูก. เธอแน่ใจแล้วนะว่าจะรับความกดดันนั้นไหว?”
เล่าเอ๋อเงียบไปเพราะกำลังคิดหนัก.
ผ่านไปพักหนึ่งเขาก็ตอบ “ผมอยากลองครับ”
เขามุ่งมั่นมากๆ.
ชิยูไม่พูดอะไรอีกต่อไปแล้วไปตบไหล่เขา “ถ้าเธอตัดสินใจแล้วเธอก็ต้องรับผลที่ตามมาด้วยนะ. เธอต้องรับมือมันให้ได้. เธอเป็นผู้ชายแล้วก็จะโตเป็นหนุ่มแล้ว. พี่คงช่วยเธอในทางนั้นไม่ได้นะ”
“อื้อ” เล่าเอ๋อพยักหน้า.
ทุกๆคนได้ตัดสินใจเส้นทางชีวิตของตัวเองเสร็จแล้ว.
เมื่อหลินฟ่านออกมาจากสนามฝึกเขาก็กำลังเตรียมตัวจะไปส่งพวกเขา แต่ก็โดนกลุ่มเด็กกลุ่มหนึ่งหยุดไว้.
หัวหน้าแก๊งเด็กนั้นแดกดันออกมา “คนพวกนี้ใคร? นายพาพวกคนแบบนี้เข้ามาในสำนักเราได้ไง?”
หลินฟ่านขมวดคิ้ว. ดูก็รู้ว่าแก๊งเด็กพวกนี้หมายหัวเขา - นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาพยายามทำให้ชิยูกับคนอื่นๆขายหน้า.
“พวกเขาเป็นเพื่อนชั้น”
“ไปกันเถอะ!” หลินฟ่านหันไปบอกชิยู.
“เพื่อนเหรอ?” เด็กหนุ่มคนนั้นมองชิยูและคนอื่นๆ “พวกนี้ก็แค่ขอทาน โอ๊ะ ใช่แล้ว! อีก3เดือนหลังจากงานประลองของสำนักแกก็จะกลายเป็นขอทานเหมือนกัน. รีบทำความรู้จักกับพวกนี้ไว้ซะล่ะ!”
ดูเหมือนว่าข่าวที่หลินฟ่านเอาชนะเจา ฉางชิงยังมาไม่ถึงสำนักหลิน. เจา ฉางชิงอยู่ระดับพื้นฐาน 5 แล้ว. เขาไม่ได้กระจอก. คนที่เอาชนะเจา ฉางชิงได้ไม่กระจอกหรือไร้ประโยชน์เลย.
หลินฟ่านไม่อยากเสียเวลาคุยกับคนพวกนี้จึงพาชิยูกับเด็กๆออกไป.
จู่ๆชิยูก็นึกแผนชั่วร้ายเพื่อเอาคืนคนพวกนั้นได้.
พอพวกเขากลับมาที่ห้องส่วนตัวของหลินฟ่าน นางจึงรีบบอกให้หลินฟ่านเอาเนื้อสัตว์ปราณนั้นออกมา. จากนั้นก็สั่งเขาว่า “ไปหาวัตถุดิบอื่นมาด้วย. ถ้ามีพลังปราณด้วยก็ยิ่งดี!”
วันนี้เธอจะทำอาหารพิเศษ. แก๊งเด็กพวกนั้นจะดมได้ มองได้ แต่ไม่มีวันได้กิน!
หลินฟ่านเห็นเธอกำลังจะทำอาหารจึงรีบสั่งให้เมดไปเอาเครื่องปรุงออกมา. จากนั้นก็ไปเชิญลู่หยานด้วยตัวเอง.
สำนักตระกูลใหญ่นั้นไม่เหมือนกับชาวบ้าน. ที่นี่มีของให้หยิบเยอะมากแม้แต่ฟืนที่ใช้ทำอาหารก็มีคุณภาพสูง.
“วันนี้เราจะมาย่างเนื้อกัน” ชิยูชอบย่างเนื้อแบบง่ายๆมากกว่าจากนั้นก็ขอให้หลินฟ่านหั่นเนื้อตามที่เธอบอก.
ชิยูไม่มีทางเลือกอื่น เธออ่อนแอมากและเจ้าเนื้อสัตว์ปราณก็แข็งมากๆ. คนส่วนใหญ่หั่นมันไม่ได้หรอก. และนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สัตว์ปราณไม่กลัวคนธรรมดา.
หลินฟ่านหยิบดาบขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปสองสามที เนื้อก็แยกออกจากกันอย่างง่ายดายจากนั้นเขาก็หั่นตามที่ชิยูบอก. เนื้อนี้มีไขมันอยู่3ชั้นและเนื้อลีนอยู่2ชั้น. แค่มองดูเนื้อสีขาวๆแดงๆก็หิวแล้ว.
ชิยูจุดไฟด้านใต้เตาอบ. ผ่านไปครู่เดียวกลิ่นไม้ก็โชยออกมา. ชิยูจึงเอาเนื้อเสียบกับไม้แล้วรอให้ไฟทำหน้าที่. แต่พอผ่านไปซักพักเธอก็สังเกตุเห็นว่าไฟมันไม่ทำอะไรกับเนื้อเลย.
“อะไรเนี่ย?” ชิยูค้นพบว่าเจ้าเนื้อสัตว์ปราณนี้มันต้านทานต่อไฟปกติ!
สุดท้ายหลินฟ่านก็เข้ามาช่วย. เขาใช้ปราณไฟช่วยเพิ่มความร้อนของไฟ. เนื้อนั้นค่อยๆสุกขึ้นมาและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง.
เมื่อเนื้อร้อนขึ้นแล้วน้ำจากข้างในก็ไหลออกมา. เนื่องจากเธอคุมไฟไม่ได้ก็เลยคุมเนื้อแทน. พอด้านนอกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองหมดแล้วเธอก็บั้งเนื้อเล็กน้อยแล้วก็โรยเครื่องปรุงลงไป.
เมื่อเนื้อพร้อมแล้วกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็โชยไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลหลิน.
“พร้อมกินแล้ว!” ชิยูร้องออกมา. ทุกๆคนที่อยู่รอบๆเธอเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา. พวกเขามั่นใจว่าอะไรที่เธอทำนั้นก็อร่อยหมด. กลิ่นหอมมากๆ! เหลือแค่รอกินมันเท่านั้น.
ชิยูรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรจึงเอาใบไม้ออกมาแล้ววางเนื้อลงไป จากนั้นก็ส่งมันให้คนอื่นๆ.