Chapter 231 - 232: คิดถึง, พักห้องเดียวกัน
Chapter 231: คิดถึง
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น
กู้หนิงเช็คตั๋วเครื่องบินกลับไปที่เมือง F เธอคิดถึงเขามาก เธอจัดการธุระที่เมือง D เสร็จแล้ว แต่ไม่มีตั๋วเครื่องบินไปยังเมือง F ในตอนนี้ และตั๋วเที่ยวสุดท้ายจะบินออกในอีกครึ่งชั่วโมง กู้หนิงไม่สามารถซื้อตั๋วทัน ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่รอพรุ่งนี้
เธอตัดสินใจจะอยู่ที่รีสอร์ทฉวนหลิน และเคเป็นคนจ่ายค่าที่พักให้เธอ
หลังจากที่เคกลับไปแล้ว กู้หนิงคิดว่าจะเดินเล่นรอบรีสอร์ท รีสอร์ทฉวนหลินล้อมรอบไปด้วยภูเขาและทะเลสาบ พร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ คนที่มาพักที่นี่ย่อมรู้สึกเบิกบานใจ
กู้หนิงถ่ายรูปเซลฟี่กับวิว แล้วส่งให้เลิ่งเชาถิง
เลิ่งเชาถิงอยากจะโทรหากู้หนิงทันทีที่เขาได้รับข้อความจากเธอ
กู้หนิงในรูปภาพนั้นสดใสมาก ทำเอาหัวใจของเขาเต้นสะดุด เขาอยากจะจูบเธอเดี๋ยวนี้
เลิ่งเชาถิง: ที่ไหนน่ะ?
กู้หนิง: รีสอร์ทฉวนหลิน สวยมากๆ
เลิ่งเชาถิง” เห็นด้วย
จากนั้นทั้งคู่ก็หยุดส่งข้อความหากัน
ผ่านไปสี่สิบห้านาที กู้หนิงกำลังจะกลับห้องพัก เธอหมุนตัวกลับมาและสังเกตเห็นร่างคุ้นเคยร่างหนึ่งกำลังเดินตรงมาหาเธอ กู้หนิงยืนตะลึง
เลิ่งเชาถิง? ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้? กู้หนิงขยี้ตาเพื่อดูว่าเธอตาฝาดรึเปล่า แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังคงเดินมาหาเธอ
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?” กู้หนิงถาม รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง
“คิดถึง ก็เลยมา” เลิ่งเชาถิงยืนอยู่ต่อหน้ากู้หนิง จ้องมองเธอ มีความเหงาและความรักที่ลึกซึ้งอย่างเห็นได้ชัดในดวงตาของเขา เลิ่งเชาถิงไม่ใช่คนที่ชอบพูดคำหวาน แต่เขาชอบแสดงออกให้เห็น กู้หนิงเกือบร้องไห้ เขาคิดถึงเธอมากจนแทบรอไม่ได้เลยสักวัน
เธอเองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับเขา เธอรู้ว่าเขารอเธออยู่ที่เมือง F และเธอก็อยากบินกลับไปเมือง F มาก แต่เธอซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายไม่ทัน
“เดินเล่นกันเถอะค่ะ!” กู้หนิงกล่าว
“ได้สิ”
กู้หนิงเดินไปสอดมือตัวเองกับมือของเลิ่งเชาถิงอย่างเป็นธรรมชาติ
ร่างกายของเลิ่งเชาถิงแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว เขายังไม่ชิน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกัน แน่นอนว่าเขาชอบความรู้สึกนี้ เขาจับมือกู้หนิงไว้ในฝ่ามือใหญ่ของเขาราวกับกลัวที่จะสูญเสียเธอไป
ทั้งสองเดินต่อไปอีกสักพัก จากนั้นก็หยุดพักบนม้านั่ง
“ถ่ายรูปกันเถอะ!” กู้หนิงพูด
เลิ่งเชาถิงกังวลเล็กน้อยเพราะเขาไม่คุ้นเคยกับการถ่ายเซลฟี่
กู้หนิงนั่งใกล้เลิ่งเชาถิง ยกโทรศัพท์ขึ้นและถ่ายรูปพวกเขานั่งด้วยกัน กู้หนิงเปล่งประกาย ในขณะที่เลิ่งเชาถิงยังคงหน้านิ่ง แต่ทั้งคู่ดูสวยหล่อในรูป
ภายในไม่กี่วินาที กู้หนิงก็ถ่ายรูปเสร็จ
ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมาก
“ส่งรูปมาให้ผมด้วย” เลิ่งเชาถิงกล่าว
นี่เป็นรูปถ่ายรูปแรกของพวกเขา และเขาจะพกติดตัวไปด้วย เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงเธอ เขาสามารถดูรูปนี้ได้
“ไม่มีปัญหา” กู้หนิงกล่าวและส่งให้เขาทันที
เธอจดจ่อที่ใบหน้าของพวกเธอในภาพถ่ายเป็นเวลานานด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเวลาเกือบ 6 โมงเย็น กู้หนิงถามเลิ่งเชาถิงว่า “คุณอยากทานอะไรเป็นอาหารเย็น”
“อืม แล้วแต่คุณ” เลิ่งเชาถิงกล่าว
กู้หนิงยังไม่หิว แต่เลิ่งเชาถิงบินจากเมือง F มาหาเธอ ตอนนี้เขาอาจหิวแล้วก็ได้
“งั้นไปร้านอาหารกัน” กู้หนิงพูด
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ร้านอาหาร
เลิ่งเชาถิงและกู้หนิงพบกับกลุ่มคนที่ประตูร้านอาหาร เธอคุ้นหน้าผู้ชายที่เดินนำหน้า
หยวนเจิ้งหลินอยู่ที่นี่ และผู้ชายที่อยู่ข้างๆหยวนเจิ้งหลินคือเจียงโบเหวินคนที่เธอเพิ่งพบเมื่อเช้า บังเอิญอะไรขนาดนั้น!
“หนูกู้ หนูมาทำอะไรที่นี่?” กู้หนิงยังทันได้กล่าวอะไร หยวนเจิ้งหลินก็ทักเธอขึ้นก่อน
เจียงโบเหวินเป็นฝ่ายประหลาดใจ พวกเขารู้จักกันอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักกัน และดูเหมือนจะสนิทกันด้วย หรือว่าเป็นญาติกัน?
“ลุงหยวน บังเอิญจังเลยค่ะ! พอดีหนูมีธุระที่เมือง D แล้วลุงล่ะคะ?” กู้หนิงถาม
“ลุงก็เหมือนกัน” หยวนเจิ้งหลินกล่าว จากนั้นก็เบนสายตามาที่เลิ่งเชาถิง “ยินดีที่ได้พบครับคุณเลิ่ง”
“เช่นกันครับ นายกเทศมนตรีหยวน” เลิ่งเชาถิงพยักหน้าให้หยวนเจิ้งหลิน
“โอ๊ะ คุณกู้กับคุณหยวนรู้จักกันงั้นหรือครับ?” เจียงโบเหวินถาม
“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ นายกเทศมนตรีเจียง” กู้หนิงหันไปพูดกับเจียงโบเหวิน
“อะไรนะครับ? พวกคุณก็รู้จักกันงั้นหรือ?” หยวนเจิ้งหลินถาม เขาตกใจมากที่กู้หนิงสามารถทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญได้ทุกที่ที่เธอมา
“นี่คือเด็กสาวที่ผมเล่าให้คุณฟังวันนี้ไงครับ คุณกู้” เจียงโบเหวินกล่าว
“อะไรนะ เป็นหนูกู้เองหรือ?” หยวนเจิ้งหลินตาโตด้วยความประหลาดใจ เขาได้ยินว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับเสี่ยวฉางชุน เด็กที่ช่วยดึงรถไว้คือกู้หนิง เขารู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กธรรมดา ไม่แปลกใจที่เป็นเธอ
เลิ่งเชาถิงมองกู้หนิงด้วยความสงสัย
กู้หนิงประหม่า เธอไม่ได้บอกให้เขารู้เพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วง
เลิ่งเชาถิงสังเกตเห็นปฏิกิริยาเล็กๆของเธอ เขาสัมผัสได้ว่าเธอได้ทำบางสิ่งที่เขาต้องไม่ชอบแน่หากทราบเรื่อง
“หนูกู้ หนูทำให้ลุงประหลาดใจจริงๆ!” หยวนเจิ้งหลินกล่าว
มันอันตรายมาก และเธออาจตกลงไปพร้อมกับรถได้ เธอเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง แต่โชคดีที่ทั้งเสี่ยวฉางชุนและกู้หนิงปลอดภัย
“คุณหยวน คุณกู้เป็นญาติของคุณหรอครับ?” เจียงโบเหวินถาม
“ก็ไม่เชิง เธอเป็นคนสนิทของคุณพ่อผม และยังเป็นผู้ช่วยชีวิตผมด้วย ที่ผมเล่าให้คุณฟังครั้งก่อน” หยวนเจิ้งหลินกล่าว
“อะไรนะครับ?” ได้ยินแบบนั้น เจียงโบเหวินก็ยิ่งกว่าตกใจ กู้หนิงคือเด็กสาวที่ช่วยชีวิตหยวนเจิ้งหลินจากการลอบยิง? พระเจ้า! เด็กคนนี้น่าทึ่งเกินไปแล้ว!
กลายเป็นกู้หนิงรู้สึกอายที่เห็นพวกเขาตกใจ
หยวนเจิ้งหลินสังเกตเห็น เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “หนูกู้ มากินข้าวหรือ? งั้นกินด้วยกันเถอะ!”
Chapter 232: พักห้องเดียวกัน
“ขอบคุณค่ะ พวกเราก็อยาก แต่พวกเรามีเรื่องต้องคุยกันส่วนตัวค่ะ” กู้หนิงปฏิเสธ
หยวนเจิ้งหลินเป็นคนสุภาพและมีมารยาท พวกเขาต้องมีเรื่องคุยธุระเรื่องสำคัญ เธอไม่อยากเข้าไปขัด
อันที่จริงหยวนเจิ้งหลินและคนอื่นๆ มาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตามหากกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงเต็มใจที่จะรับประทานอาหารร่วมกัน พวกเขาก็ไม่รังเกียจ
ในเมื่อกู้หนิงปฏิเสธ เขาก็ไม่ได้บังคับ “งั้นพวกลุงเข้าไปก่อนนะ”
จากนั้นพวกเขาก็แยกย้าย
เมื่อกลุ่มของหยวนเจิ้งหลินจากไป เลิ่งเชาถิงก็จ้องไปที่กู้หนิงและถามว่า “ทำไมคุณถึงดูตกใจ?”
กู้หนิงรู้ว่าเธอไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้จากเขาได้ ถ้าเขาอ่านข่าว เขาต้องจำเธอได้ตั้งแตแรกเห็น ดังนั้นบอกความจริงเขาไปเลยดีกว่า “เช้านี้มีอุบัติเหตุรถชนที่ถนนทางหลวง รถยนต์ถูกชนจนตกจากรั้วกั้น ฉันวิ่งไปดึงล้อรถเอาไว้ พยุงไม่ให้มันตก มีคนอื่นลงมาช่วยกันด้วย เรื่องก็มีเท่านี้”
อารมณ์ของเลิ่งเชาถิงตอนนี้ผสมปนเป เขาโกรธกับพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของเธอ และเธอเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อช่วยคนอื่น ไม่สำคัญว่าคนที่เธอช่วยจะเป็นใคร เพราะไม่มีใครสำคัญกว่าชีวิตของเธอ
เลิ่งเชาถิงยังคงเป็นกังวล แม้ว่าอุบัติเหตุจะผ่านไปแล้ว ถ้าหากว่าเธอตกลงไปพร้อมกับรถล่ะ? เขาไม่อยากจะนึกถึง เขาไม่อยากสัมผัสประสบการณ์การสูญเสียคนสำคัญที่สุดไปอีกครั้ง โชคดีที่ตอนนี้กู้หนิงปลอดภัย ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เลิ่งเชาถิงโกรธ แต่ห่วงใยเธอนั้นมีมากกว่า
เมื่อเห็นว่าเขาทำหน้าบอกบุญไม่รับ กู้หนิงก็รู้สึกผิดในใจ เธอจับมือเขาและบีบเบาๆ “ฉันสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่ทำอย่างนี้อีก”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่อันตรายสำหรับเธอ แต่อันตรายมากในสายตาคนที่ไม่รู้พลังที่แท้จริงของเธอ
เลิ่งเชาถิงผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขาบีบมือเธอแน่น เขาต้องการแค่เธอในโลกใบนี้
เขากลัวว่าจะเสียเธอไปจริงๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็ค่ำแล้ว
กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงยังคงอยู่ที่รีสอร์ท วิวตอนกลางคืนสวยงามไปอีกแบบ
มีโรงหนังในรีสอร์ท กู้หนิงชวนเลิ่งเชาถิงดูหนังด้วยกัน สี่ทุ่ม พวกเขาถึงเดินออกจากโรงหนัง
พวกเขากลับไปที่โรงแรมและต้องการจองห้องพัก คาดไม่ถึงว่าห้องพักถูกจองเต็ม
“อืม คืนนี้ไม่มีห้องว่างแล้ว คุณจะนอนที่ห้องฉันไหมคะ? ในห้องมีโซฟา” กู้หนิงพูด เธอประหม่า และเรียกความกล้าทั้งหมดของเธอที่จะพูดแบบนั้น เธอไม่ต้องการให้เลิ่งเชาถิงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงง่ายๆ
เลิ่งเชาถิงรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แน่นอนว่าเขาสามารถไปจากรีสอร์ทนี้ได้ แต่เขาไม่อยากไป ดังนั้นจึงพยักหน้าตกลง
ระหว่างทางไปที่ห้อง ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาอยู่ในห้องเดียวกันเป็นเวลาหนึ่งคืน ทั้งคู่หน้าแดงและหัวใจเต้นเร็ว ไม่มีใครเปิดปากคุยตลอดทาง
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาเป็นแฟนกันแล้ว เป็นเรื่องปกติที่บางครั้งต้องพักอยู่ห้องเดียวกัน ถึงต่อให้นอนด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง กู้หนิงก็พูดว่า “คุณตัวสูง นอนเตียงไป ส่วนฉันจะนอนโซฟา”
“คุณนอนเตียง ผมจะนอนโซฟา” เลิ่งเชาถิงไม่มีทางปล่อยให้กู้หนิงนอนโซฟาแน่ มันไม่สบายตัว
“แต่โซฟาตัวนี้เล็กเกินไปสำหรับคุณ” กู้หนิงแย้ง
“ไม่เป็นไร” พูดจบ เขาก็เดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลง
“ผ้าห่มมีผืนเดียว” กู้หนิงเพิ่งนึกได้
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมไม่หนาว”
“ทำไมพวกเราไม่นอนเตียงเดียวกันล่ะ?” กู้หนิงหลุดปาก พอนึกได้ก็ไม่ทันแล้ว
เลิ่งเชาถิงนิ่งไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่าเลือดในกายกำลังสูบฉีดอย่างรวดเร็ว และไม่กล้ามองหน้าเธอตรงๆ
กู้หนิงพูดต่อไปอีกว่า “เตียงใหญ่พอสำหรับสองคน”
ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะไม่สัมผัสซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะนอนบนเตียงด้วยกันก็ตาม
เลิ่งเชาถิงกำลังตัดสินใจ เขาอยากอยู่ใกล้กู้หนิง แต่ไม่อยากทำให้เธอตกใจ ท้ายที่สุดก็ตอบตกลง
หลังจากนั้นกู้หนิงและเลิ่งเชาถิงก็ถอดเสื้อคลุมออกนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน
โคมไฟหัวเตียงเปิดอยู่ แต่ก็สลัวไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะยังเร็วเกินไปหรืออาจจะเป็นเพราะทั้งคู่กังวลจนไม่มีใครหลับ แต่ก็ไม่ได้คุยกัน
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของกู้หนิงก็สั่นอยู่บนโต๊ะข้างๆเธอ คืนนี้เงียบเกินไป ดังนั้นเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้กู้หนิงสะดุ้งไปชั่ววินาที
คนที่โทรมาคือซื่อตู้เย่
ทำไมเขาถึงโทรหาเธอกลางดึก?
“สวัสดีค่ะ คุณซื่อตู้” กู้หนิงกดรับ
เลิ่งเชาถิงรู้สึกได้ทันทีว่ากำลังถูกคุกคาม
“เฮ้ คุณอยู่บ้านรึเปล่า? ตอนนี้ผมอยู่ที่เมือง F ทำไมพวกเราไม่ไปกินมื้อดึกด้วยกัน?”
“โอ้ น่าเสียดายจังเลยค่ะ ตอนนี้ฉันไม่อยู่บ้าน อยู่เมือง D ค่ะ”
จู่ๆเลิ่งเชาถิงก็ไม่ชอบน้ำเสียงของเธอ
ซื่อตู้เย่ผิดหวัง เขามาเมือง F เพื่อมาเจอเธอโดยเฉพาะ แต่เธอกลับไม่อยู่ เขาคิดว่าถ้าเธอไม่อยู่ที่เมือง G ก็คงอยู่ที่เมือง F
“คุณจะกลับมาเมื่อไหร่?” ซื่อตู้เย่ถาม
“พรุ่งนี้ค่ะ” กู้หนิงตอบ
“งั้นพรุ่งนี้คุณกลับมา เราไปกินข้าวกัน”
“ได้ค่ะ” กู้หนิงไม่อยากปฏิเสธเพราะพรุ่งนี้เธอว่าง
กู้หนิงสัมผัสได้ว่าผู้ชายที่นอนอยู่ข้างเธอตอนนี้กำลังไม่พอใจ แต่เธอไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจ เธอกับซื่อตู้เย่เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น