บทที่ 55 การกลับมาของราชาปีศาจ (1)
บทที่ 55 การกลับมาของราชาปีศาจ (1)
“ทุกคนจงมีกำลังใจ!”
“อีกไม่ไกลเราก็จะมาถึงแม่น้ำเนียร์ สิ่งที่เราต้องทำคือกำจัดทหารออกไปให้พ้นทาง!”
หลังจากผ่านไปมากกว่าหนึ่งวันผู้ลี้ภัยก็เริ่มเคลื่อนย้าย
สุขภาพของผู้ลี้ภัยซึ่งมีชีวิตที่ย่ำแย่มาเป็นเวลานานนั้นแย่ลงกว่าที่เรย์น่าคิดไว้มาก
ไม่ว่าเรย์น่าจะพยายามเข้าหาพวกเขาเพื่อให้กำลังใจมากแค่ไหน มันก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นผล
“เจ้าหญิง ข้าว่ามันจะเป็นการดีที่เราจะหยุดพักสักหน่อย”
วิคเตอร์ซึ่งเฝ้าดูขบวนอยู่พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่
อย่างไรก็ตามพาเวลต่อต้านมัน
“ไม่! อีกครึ่งวันค่อยพัก!”
“แต่ข้าไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ได้ถึงครึ่งวัน!”
“แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้ากองทัพของเคานต์จับได้”
“ข้าคิดว่าพวกเขาจะล้มลงก่อนที่จะถูกจับได้ซะอีก”
เรนะตัดสินใจในขณะที่อัศวินทั้งสองยังคงขัดแย้งกันกับความคิดเห็นของพวกเขา
“เราจะหยุดพักหนึ่งชั่วโมง ในระหว่างนี้จงกินให้อิ่มท้องและนอนหลับให้เพียงพอ”
เมื่อคำสั่งของเธอจบลง เส้นเดินทัพก็หยุดลง
คนที่เหนื่อยล้าก็เอนหลังและนั่งลง คนที่หิวโหยก็เติมเต็มความหิวด้วยอาหารอะไรก็ตามที่พวกเขาหาได้
“เจ้าหญิงกินนี่สิ”
เรย์น่านั้นยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน
เป็นเพราะพวกเขาพยายามกระตุ้นให้ผู้คนเคลื่อนไหวแทนที่จะใช้เวลาในการรับประทานอาหาร
ดังนั้นเมื่อเธอเห็นชามซุปอุ่นๆที่พาเวลนำมาให้ เธอจึงรู้สึกหิวขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม…
“ท่านนำมันไปให้ผู้อื่นเถอะ”
“เจ้าหญิงเป็นจุดแข็งของประชาชน คนอื่นๆก็มีความสำคัญอย่างแน่นอน แต่มันจะเป็นเรื่องใหญ่หากเจ้าหญิงนั้นล้มลง”
"ขอบคุณนะ"
แต่ในขณะที่เรย์น่ากำลังจะตักชุปขึ้นมา แผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน
ดุ๊ดดดดด!
"นี้! กองทัพที่เคานต์ส่งมา!”
“ทุกคนยืนขึ้น! เราต้องออกไปเดี๋ยวนี้!”
วิกเตอร์และคนรับใช้คนอื่นๆ เริ่มตะโกนบอกผู้ลี้ภัยอย่างร้อนรน
ผู้ลี้ภัยที่ลุกขึ้นเริ่มวิ่งหนี อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีพลังงานมากพอที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดพวกเขาก็ถูกหน่วยทหารม้าแมงปป่องล้อม
‘ไอ้บ้าเอ้ย! อีกนิดเดียวเราก็จะถึงแม่น้ำอยู่แล้ว… ’
‘ถ้าเรามีเพียงพลังที่จะหยุดพวกมันได้ล่ะก็!’
ความรู้สึกสิ้นหวังและโกรธเกรี้ยวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหญิง
เมื่อการล้อมเสร็จสิ้น ชายคนหนึ่งที่สวมหมวกหลากสีก็ก้าวไปข้างหน้า
มันก็คือหัวหน้าของหน่อยทหารม้าแมงป่อง ไวเปอร์
“เจ้าหญิง ท่านรู้ไหมว่าการหลบหนีออกจากความเมตตาของท่านเคาต์โมนาร์ชมันน่าระอาเพียงใด!”
“ความเมตตาของท่านเคานต์? เจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เคานต์เคยทำอะไรให้เราด้วยหรอ?”
วิคเตอร์ตะโกนแทนเรย์น่า
“เมื่อตอนที่พวกเจ้าเหล่าผู้ลี้ภัยมาซุกหัวนอนอยู่ในเมืองนั่นก็คือพระคุณที่ข้าพูดถึง!”
"หุบปาก! พูดอย่างกับเราได้พักฟรี เราจ่ายภาษีให้กับพวกเจ้าถึงสองเท่า และเวลามีปีญหาอะไร พวกเราก็มักจะถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานอีก”
แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ลี้ภัย
อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดว่าผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าจะเป็นกลุ่มคนผู้ลี้ภัยจริงๆ พวกมันเห็นพวกเขาเป็นนักล้วงกระเป๋าและให้พวกเขาทำงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สายตาของพวกเขาเย็นชาต่อผู้ลี้ภัยเสมอ
ไวเปอร์บีบจมูกของเขาขณะที่วิกเตอร์พูดถึงการเลือกปฏิบัติที่พวกเขาได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“หึนั่นไม่ใช่ปัญหาของข้า ฟังนะ เจ้าหญิงเรย์น่า ถ้าท่านตามพวกเราไปอย่างโดยดี เราก็จะปล่อยคนของท่านไป อย่างไรก็ตามหากท่านเลือกที่จะปฏิเสธข้อเสนอของเรา มันก็อาจจะมีการนองเลือดของสัตว์ร้ายเกิดขึ้นที่นี่”
ไวเปอร์ได้รับคำสั่งจากเคานต์โมนาร์ช ให้นำเจ้าหญิงกลับคืนมาโดยไม่ทำร้ายแม้แต่เส้นผมของเธอ
พวกเขาต้องการทำตามคำสั่ง แต่มีโอกาสที่เจ้าหญิงจะทำร้ายตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะพูดออกไปก่อน
ทหารที่ขู่ด้วยมีดในมือ ทำให้ผู้ลี้ภัยที่หวาดกลัวเริ่มถอนตัวออกไป
‘นี่มันหมายถึงอะไรกัน เอลคาสเซิล’
เรย์น่ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วถาม
หากนั่นคือสิ่งที่พระเจ้าต้องการเธอก็ตัดสินใจที่จะไม่รู้สึกสิ้นหวังและยอมรับมัน
ถ้าเธอเสียใจมันก็จะมีแค่อย่างเดียว นั่นก็คือเธอคงไม่สามารถไปพบกับลุคที่เธอชอบ
“อย่าเลยเจ้าหญิง!”
“เราจะเปิดเส้นทางให้ท่านเองและเจ้าหญิงก็จะได้หนี…”
เรย์น่าพยายามเดินหน้าต่อไป แต่คนรับใช้ก็ต่อต้านมัน
อย่างไรก็ตามเรย์น่ายังคงยืนกราน
“ข้าเป็นราชวงศ์คนสุดท้ายของอาณาจักรโวลก้า ข้าจะละทิ้งคนของข้าแล้วหนีไปได้อย่างไร”
ราชวงศ์โวลก้าไม่เคยละทิ้งผู้คน
แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่ความผิดพลาดก็จะไม่หายไป
แทนที่จะละทิ้งผู้คนของเธอ เรย์น่าคิดว่ามันคงจะดีกว่าที่จะยอมสละตัวเองแล้วไปเป็นนางบำเรอของเคานต์โมนาร์ช
“เจ้าหญิง! โปรดกำจัดความคิดที่ไร้ความสามารถเหล่านั้นออกไปจากหัวของท่านด้วย!”
“เจ้าหญิง! ท่านจะไปไม่ได้นะ!”
หญิงชราและคนอื่นๆกำลังร้องไห้ทั้งน้ำตาและขอร้องให้เธอหยุด
“ถ้าข้าไปกับเจ้าโดยไม่ขัดขืน เจ้าจะปล่อยคนของข้าไปจริงๆใชไหม”
เธอมองไปที่ไวเปอร์
ไวเปอร์พยักหน้า
“แน่นอน ข้าจะไม่กล้าแตะต้องแม้แต่นิ้วของพวกเขาด้วยซ้ำ”
ไวเปอร์โกหกอย่างไร้ยางอาย
เรย์น่าซึ่งไม่รู้ถึงความชั่วร้ายของเขา จึงกลายเป็นตัวประกันของหน่วยทหารม้าแมงป่องเพื่อช่วยคนของเธอ
เมื่ได้ตัวเจ้าหญิงมาแล้ว ไวเปอร์ก็เริ่มแสดงสีที่แท้จริงของเขา
“เนื่องจากเจ้าหญิงปลอดภัยแล้ว จงฆ่าคนอื่นๆให้หมด! ท่านเคานต์บอกว่าเขาไม่ต้องการขยะเพิ่ม!”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
“เขา.. เขาหลอกเรา!”
ขณะที่กองทหารก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับดาบดาบ ผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าที่ตกใจก็เริ่มกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก
เรย์น่าตะโกนใส่ไวเปอร์ที่ชั่วร้าย
“ไหนเจ้าบอกข้าว่าเจ้าจะปล่อยคนของข้าไปถ้าข้ามากับเจ้า!”
“คุคุคุ เจ้าเป็นเจ้าหญิงที่ไร้เดียงสาดสียจริง สัญญานั้นมีไว้เพื่อทำลาย”
ไวเปอร์ยิ้มกว้าง
‘อ๊ะอ๊ะ! โอ้พระเจ้า! ทุกอย่างจะจบลงแบบนี้จริงๆเหรอ!? ’
เมื่อระยะห่างระหว่างทหารม้าและผู้ลี้ภัยชาวโวลก้าเริ่มแคบลงเท่าไหร่ น้ำตาตาของเจ้าหญิงเรย์น่าก็เริ่มไหลออกมามากขึ้นเท่านั้น
ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนเธอสาบานว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าผู้คนของเธอ แต่เธอก็ทำผิดคำสาบานนั้นโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ในที่สุดหลังจากนั้นไม่นานเราจะได้ลิ้มรสเลือด!”
“ใครอยากเดิมพันบ้าง ว่าใครจะฆ่าได้มากที่สุด?”
กองทหารม้าแมงป่องยกดาบขึ้นด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย
พวกเขาชี้ดาบไปที่ผู้ลี้ภัย
แต่แล้วในขณะนั้นเอง
ฮวาร์ก!?
เปลวไฟลุกโชนขึ้นระหว่างทหารม้าและผู้ลี้ภัย
พวกมันเป็นเปลวไฟสีม่วงสว่างซึ่งไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน....
ฝากนิยายครับผม
ติดตามอ่านต่อได้ที่เพจ : นอนน้อยโนเวล