ตอนที่แล้วWS บทที่ 2 โลกที่ล้าหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 4 นักดาบธาตุ

WS บทที่ 3 อารยธรรมที่เหนือธรรมชาติ


เวลาในการสวดภาวนาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พอสวดเสร็จก็จะมีเสียงระฆังดังขึ้น เหล่าผู้เข้าร่วมจะค่อย ๆ พาทยอยกันเดินออก

แต่เมอร์ลินไม่ได้มาสวดภาวนาเหมือนคนอื่น ๆ เขาก้าวเดินผ่านห้องโถงเดินตามหลังเมซีส์ไปยังสวนด้านหลังของโบสถ์ ที่นั่นเขาพบกับคนราว ๆ 20คน กำลังฝึกดาบโดยชายวัยกลางคน

เมซี่ส์เดินไปหาชายวัยกลางอย่างไม่สบายใจและพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า

“ท่านอาจารย์เปโร…”

ชายข้างหน้าคือนักดาบเปโรนั่นเอง เขาน่าจะอายุประมาณ 30ปี เขาสวมชุดเกราะสีเงิน ในมือของเขาถือดาบยาว ดวงตาของเขาที่เต็มไปด้วยพลังอันแรงกล้าเปล่งประกายอย่างสง่างาม

เปโรเหลือบมองไปที่เมอร์ลินและเมซี่ส์ ก่อนที่จะพูดเบา ๆ ว่า

“ไปเข้าแถว”

เมซี่ส์ดีใจที่นักดาบเปโรไม่ได้ลงโทษพวกเขา จากนั้นเธอกับเมอร์ลินก็เดินไปรวมกับผู้ที่กำลังฝึกดาบอยู่

ด้วยความที่เมอร์ลินสูญเสียความทรงจำของเมอร์ลิน ทำให้เขารู้สึกสับสนและทำตัวไม่ถูก จู่ ๆ ก็มีชายหนุ่มผมสีแดงตะโกนใส่เขาจากด้านหลัง

“เมอร์ลินเร็วเข้า อย่ามัวชักช้า”

เด็กหนุ่มผมสีแดงตะโกนที่เมอร์ลินด้วยสีหน้าที่โอเว่อร์

เมอร์ลินมองชายผมแดงอยู่พักหนึ่ง ในไม่ช้าความทรงจำของเขาทำให้เขาก็รู้ว่าเขาเป็นใคร เขาจึงเดินไปหาชายหนุ่มผมแดงอย่างรวดเร็ว

“เมอร์ลินนายมาสายอีกแล้ว ดูสีหน้าที่หงุดหงิดของลอร์ดเปโรนั่นสิ นายจะต้องเจอปัญหาแน่!”

ชายหนุ่มผมสีแดงกล่าว

เมอร์ลินขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าเขาสนใจเรื่องการลงโทษจากนักดาบเปโรมากนัก แต่เขากำลังพยายามนึกเรื่องของชายหนุ่มผมสีแดงคนนี้อยู่ แม้ว่าความทรงจำของเขาจะหายไปบางส่วนแต่ความทรงจำที่เกี่ยวกับชายผมแดงยังคงอยู่ มันค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย

ชายหนุ่มผมสีแดง มีชื่อแอนสัน เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเมอร์ลิน  เขาเป็นบุตรชายของบารอน ตัวเขานั้นต่างจากเมอร์ลินตรงที่เขาจะไม่สืบทอดตำแหน่งบารอนจากครอบครัว เนื่องจากเขามีพี่ชายสองคนที่พร้อมจะทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว

แอนสันยังพูดจ้อต่อไป ส่วนเมอร์ลินนั้นกำลังรื้อฟื้นความทรงจำของเขาอยู่ จึงทำให้ไม่รู้ว่าแอนสันพูดอะไรไปบ้าง

ทันใดนั้นเอง สายตาของนักดาบเปโรหันมาทางพวกเขา แอนสันได้หยุดพูดแล้วเอายกมือขึ้นมาปิดปากทันที

จากนั้นนักดาบเปโรขยับสายตาของเขาแล้วชี้ไปที่ชั้นวางอาวุธใกล้เขา ที่นั่นมีอาวุธทุกประเภท ได้แก่ ดาบใหญ่ โล่ มีดสั้น ดาบใบโค้ง  ขวานยักษ์และอื่น ๆ

“เมอร์ลิน แอนสัน หยิบโล่เหล็กนี่แล้วมาที่กลางสนาม”

ใบหน้าของแอนสันซีดลงอย่างรวดเร็ว เขาฝืนยิ้มและหันไปหาเมอร์ลิน

“พวกเราตายแน่ นายเป็นคนที่มาสายแต่ฉันกลับต้องมารับเคราะห์ด้วย”

แม้แอนสันจะบ่นแต่เขาก็ขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับเมอร์ลิน พวกเขาเดินไปที่ชั้นวางอย่างรวดเร็วและหยิบโล่เหล็กมา

ตัวโล่นั้นมีไม่ใหญ่มากแต่กลับหนักอย่างคาดไม่ถึง เมอร์ลินและแอนสันได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายกลับยกขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมอร์ลินคิดว่าหนักขนาดนี้ใครจะยกมันขึ้นมาได้ แล้วถ้าเกิดพวกเขาทำไม่ได้ พวกอาจต้องเจออะไรที่เลวร้ายกว่านี้?

หลังจากที่เมอร์ลินกับแอนสันได้พยายามอยู่พักใหญ่ ในที่สุดพวกเขาก็ยกโล่ไปที่กลางสนามฝึกได้สำเร็จ พวกเขาวางมันไว้บนก้อนหิน พวกเขาถอยหลังไปเล็กน้อยและอยู่รอคำสั่งต่อไปจากนักดาบเปโร

แต่อย่างไรก็ตามนักดาบเปโรหาได้สนใจเมอร์ลินกับแอนสันไม่ เขาได้เปิดพูดกับคนที่เหลือว่า

“พวกเธอทุกคนได้ฝึกฝนมาระยะหนึ่งแล้ว ฉันเลยอบากจะทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเธอในวันนี้ ใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองสามารถทำลายโล่นี้ด้วยมือเปล่าได้ ก้าวเท้าออกมาได้เลย”

สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากับแอนสันต่างหมดแรงเพียงยกมาแค่นี้ มันน่าจะทำให้คนอื่น ๆ ได้เห็นว่าโล่มันแข็งมากเพียงใด ใครก็ตามที่สามารถทำลายโล่นี้ด้วยมือเปล่าได้ เขาคนนั้นต้องมีร่างกายที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีใครที่ดูจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น

ทำให้เขาคิดว่านักดาบเปโร อาจต้องการตรวจสอบความกล้าหาญของพวกเขาเท่านั้น

“ท่านอาจารย์ ฉันอยากลอง”

ในไม่ช้า ชายกำยำลุกยืนขึ้นและพูดกับนักดาบเปโร

นักดาบเปโรพยักหน้าและตอบกลับว่า “ดีมาก เอาเลยคอว์ธัน!”

แอนสันได้หันมาพูดเบา ๆ กับเมอร์ลินว่า

“เอาอีกแล้ว เขามันเป็นศิษย์คนโปรดของนักดาบของเปโร เขามักจะอวดเบ่งราวกับว่าเขาอยู่เหนือทุกคน”

คอว์ธันก้าวเข้ามาใกล้ๆ โล่ เขาหายใจเข้าลึก ๆ กำหมัดแล้วเริ่มรวบรวมพลัง

*ปัง*

ทันใดนั้น คอว์ธันชกลงบนโล่เหล็กอย่างแรง หมัดนั้นเร็วมาก มันแสดงให้เห็นว่าเขาได้ใส่พลังทั้งหมดลงไปในหมัดนั่น

เมอร์ลินสังเกตเห็นว่าหมัดของคอว์ธันมีออร่าสีขาวเปล่งออกมาอยู่รอบ ๆ

จากนั้นคอว์ธันได้ถอนกำปั้นออก เผยให้เห็นตัวโล่ที่ยังปกติดีไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ

นักดาบเปโรส่ายหัวแล้วพูดเบา ๆ ว่า “นี่คอว์ธันอย่าใช้พลังอย่างบ้าบิ่นจนเกินไป จงจำไว้ว่า พลังธาตุจะทรงพลังมากที่สุด หากใช้หัวใจของเธอนำทาง พลังธาตุนั้นเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนักดาบธาตุ”

เห็นได้ชัดว่าคอว์ธันเองก็ไม่พอใจกับผลงานตัวเองเช่นกัน เขาโค้งคำนับให้นักดาบเปโรก่อนจะกลับไปนั่ง

“ฮิฮิ ถึงคอว์ธันจะมีความสามารถแต่ดูเหมือนเขาคงต้องใช้เวลาอย่างมากถึงจะกลายเป็นนักดาบธาตุได้”

แอนสันหัวเราะเยาะความพยายามที่ล้มเหลวของคราวตัน แม้ว่าเมอร์ลินจะดูสงบนิ่งอยู่แต่ภายในกลับพลุกพล่านไปด้วยความอยากรู้ของเขา

แม้ว่าเมอร์ลินที่ยืนห่าง ๆ แต่เขารู้สึกถึงแรงลมที่มาจากการปล่อยหมัดของคอว์ธัน หมัดนั้นทรงอานุภาพมาก พลังเช่นนี้คนธรรมดาไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน

นนอกจากนี้ สิ่งที่เขาสงสัยอีกอย่างก็คือ มือของคอว์ธันไม่ได้รับบาดเจ็บหรือมีรอยชกช้ำอะไรเลย ภายหลังจากที่เขาได้ชกโล่อย่างรุนแรงเช่นนี้ เรื่องพวกนี้มันเหนือความเข้าใจของเมอร์ลินไปแล้ว

“ใครอยากจะลองอีก”

นักดาบเปโรลองถามอีกครั้งในขณะที่มองพวกนักเรียน.

“ท่านอาจารย์คะ ฉันอยากจะขอลองดูค่ะ”

เสียงฟังดูคุ้นเคย ดวงตาของเมอร์ลินได้หันไปมองแล้วพบว่าเจ้าของเสียงนั่นคือเมซี่ส์ น้องสาวของเขา

นักดาบเปโรพยักหน้า “อืม ลองดูเลย”

เมซีส์รีบไปที่โล่และขยิบตาให้เมอร์ลิน จากนั้นเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ

แอนสันได้จ้องตรงไปข้างหน้าด้วยแววตาที่เป็นประกาย

*ปัง*

หมัดของเมซีย์นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าคอว์ธันเลย เมอร์ลินมองอย่างละเอียด เขาสังเกตเห็นแสงประกายรอบกำปั้นของเมซี่

แสงสลัวปกคลุมเป็นระยะ ๆ รอบ ๆ กำปั้นของเมซี เช่นเดียวกับคอว์ธัน เมซี่ก็ไม่ได้บาดเจ็บหลังจากการชก ราวกับว่าเธอไม่ได้สัมผัสกับโล่เหล็กนั่น.

‘จริง ๆ แล้วเมซีส์แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมฉันถึงจำเรื่องนี้ไม่ได้เลยนะ’

เมอร์ลินรู้สึกว่าบางส่วนของความทรงจำที่สำคัญนั้นได้หายไปจากหัวของเขา

“มีใครอยากจะลองอีกมั้ย?”

นักดาบเปโรถามอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่มีใครก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นนักดาบเปโรจึงลุกขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเดินไปที่โล่ ทันใดนั้นเขาก็เปล่งเสียง

“ความลับที่แท้จริงของนักดาบธาตุ มันอยู่ในพลังธาตุที่ไม่มีใครอาจเทียบได้ เพียงแค่เรานำออกมาใช้อย่างระมัดระวัง มันจะทำให้เราได้รับพลังที่มหาศาล!”

ทันทีที่นักดาบเปโรกล่าวเสร็จ เขาได้กำหมัดขวา ในพริบตาก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากมือของเขา แขนของเขาดูเหมือนจะถูกห่อด้วยเปลวไฟ

*ตึง!!!*

*แคร่ก*

นักดาบเปโรชกกำปั้นไปที่โล่ ทำให้โล่ที่แข็งแกร่งได้พังทลายทันทีราวกับแผ่นไม้ เศษเหล็กได้กระจัดกระจายลงบนพื้น แม้แต่หินที่อยู่ด้านหลังโล่ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย

“นะนี่มันพลังเหนือธรรมชาติ?”

เมอร์ลินจ้องมองพร้องอ้าปากค้าง หัวสมองของเขาว่างเปล่า ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันเกินความรู้ ความเข้าใจของเขาไปแล้ว

‘ร่างกายของมนุษย์ที่สามารถปลดปล่อยเปลวไฟได้และพลังของนักดาบเปโรเทียบเท่ากับระเบิดลูกเล็ก ๆ’

ในตอนแรกเมอร์ลินคิดว่าโลกที่เขาข้ามภพมานั้น เป็นโลกที่มีอารยธรรมที่ล้าหลัง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ที่นี่มันต้องมีอะไรที่เขาต้องค้นหามากกว่านี้แน่นอน

สำหรับการชกโดยนักดาบเปโรนั้น มันช่วยพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า โลกนี้เป็นโลกของผู้ที่ใช้พลังที่เหนือธรรมชาติ

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด