WS บทที่ 1 เมอร์ลิน
*เอี๊ยดดด!!!*
*โครม!!*
ในห้วงสติอันเลือนรางของหลินเฟย เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนอากาศ ก่อนที่เขาจะกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เสียงเครื่องยนต์ได้ดังก้องในโสตประสาทของเขา เขาพยายามจะลืมตาเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เขาไม่สามารถทำได้ ภายใต้สติอันเลือนลางเขารู้สึกได้ถึงเสียงอันวุ่นวายดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา
“ใครก็ได้โทรเรียกตำรวจเร็วเข้า!!! มีคนถูกรถชน!!”
….
ในความมืดมิดอันไร้จุดสิ้นสุด หลินเฟยได้มองเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง
ทันใดนั้นเขาต้องเบิกตากว้างราวกับว่ากำลังเขาฝันร้าย จากนั้นความรู้สึกเจ็บปวดก็เริ่มคืบคลานเข้ามาหาเขาท่วมท้น เขารู้สึกเจ็บที่บริเวณหน้าอก เขาหอบหายใจห้วงใหญ่ พอความเจ็บปวดได้บรรเทาหายไป ความหวาดกลัวก็ได้เข้ามาแทนที่
“ที่นี่ที่ไหนกัน…โรงพยาบาลเหรอ?”
หลินเฟยตรวจสอบตัวเองอย่างรวดเร็ว เขาจำได้ว่าตัวเองถูกอะไรบางอย่างพุ่งชนเขาเข้าอย่างจัง แล้วเขาก็ลอยขึ้นกลางอากาศด้วยความเร็วสูงแต่เขากลับพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่นุ่มๆ สวมชุดนอนหลวม ๆ แต่น่าแปลก…ที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลยแม้แต่น้อย
‘นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น! ฉันจำได้ว่าถูกรถชนนี่ ทำไมฉันไม่เป็นอะไรเลยล่ะ ที่นี่ที่ไหน ฉันควรจะอยู่ในโรงพยาบาลนี่ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลใช่มั้ย?’
หลินเฟยยกหัวขึ้นมาตรวจสอบห้องจนถึงตอนนี้ มันเป็นห้องพักที่กว้างขวาง ทุกอย่างแม้แต่เตียงนอนก็ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ภายนอกหน้าต่างที่มองเห็นบรรยากาศด้านนอกซึ่งมีท้องฟ้าที่กว้างใหญ่สีคราม
อย่างไรก็ตามหลินเฟยรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเขา สถานที่นี้ไม่มีหลอดไฟหรือเครื่องปรับอากาศ เขาไม่พบเครื่องช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เลย
ที่นี่มีเพียงโต๊ะเขียนหนังสือ เก้าอี้สูงและเก้าอี้ทรงกลม หนังสือบางเล่มที่มัดด้วยเชือกและก็มีเชิงเทียนที่ยังไม่ถูกจุดอีก 3เล่ม
หลินเฟยรู้สึกไม่ดี เขารีบไปที่กระจกเงาขนาดใหญ่ภายในห้อง เขาพบกับใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักในกระจก จมูกดั้งสูง ใบหน้ายาวซีดดั่งกระดาษ ผมยาวสีดำและดวงตาสีฟ้าอันแปลกตา
ภาพสะท้อนในกระจกไม่ได้เป็นใบหน้าของหลินเฟยที่รู้จักอีกต่อไป!
“นี่ฉันเป็นใครกันเนี่ย?”
หลินเฟยพูดพึมพำกับกระจก จากนั้นนอนลงบนเตียง ในทันใดนั้นเอง เขาก็ปวดศีรษะอย่างรุนแรง พร้อมกับความทรงจำที่ไม่รู้จักได้ถาโถมเข้ามาสมองเขา
“เมอร์ลิน? ฉันชื่อ วิลสัน เมอร์ลิน!”
หลินเฟยรีบจัดเรียงความทรงจำเหล่านี้อย่างเร่งรีบ โลกนี้ที่เขาอยู่ในตอนนี้มันคล้ายกับยุคกลางของตะวันตกซึ่งปกครองโดยหลายอาณาจักร เขาอยู่เมืองขนาดกลางที่ชื่อว่าแบล็กวอเตอร์ ซึ่งภายใต้การปกครองของอาณาจักรแห่งแสง
พ่อของเมอร์ลินมีชื่อว่าเลห์แมน วิลสันเป็นท่านลอร์ด แม้ว่าตำแหน่งของเขาในฐานะบารอนจะต่ำที่สุดในชนชั้นสังคมชั้นสูงแต่เขาได้รับตำแหน่งโดยการหลั่งเลือดและน้ำตาในการต่อสู้ เขาเข้าร่วมกองทัพเมื่อเขายังเด็กและรับใช้ชาติมาตลอด 20ปี นอกจากนี้เขายังประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยมในการต่อสู้ เมื่อราชอาณาจักรแห่งแสงส่งกองกำลังไปปราบปรามพวกนอกรีตจากอาณาจักรแบล็กมูนที่อยู่ทางตะวันออก
หลังจากที่ถูกปลดประจำการจากการรับราชการทหาร เลห์แมน วิลสันได้รับพระราชทานที่ดินผืนหนึ่ง ที่มีขนาดพอเหมาะ อย่างไรก็ตามเลห์แมนจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เขาจะกลับไปในดินแดนของเขาเพื่อไปเก็บภาษีเท่านั้น
เมอร์ลินสามารถฟื้นความทรงจำที่เกี่ยวข้องของเลห์แมนได้ แต่ความทรงจำของเขาเกี่ยวกับแม่ของเขายังไม่ชัดเจนนัก เขาจำได้เพียงเลือนลางแม่ของเขาเป็นชาวตะวันออกที่หลี้ภัยมาจากอาณาจักรแห่งแสงและเขาได้สืบทอดผมสีดำของเขาจากแม่
อย่างไรก็ตามแม่ของเขาเสียชีวิตไม่นานหลังจากที่ให้กำเนิดเมอร์ลิน ดังนั้นแม้แต่เมอร์ลินเองก็ยังจำรูปร่าง หน้าตาของแม่ไม่ได้
*ก๊อกๆ*
เสียงเคาะที่อีกด้านหนึ่งของประตู ทำให้เขากลับนอนบนเตียงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเขาได้เปิดปากพูดว่า
“เข้ามา!”
ประตูห้องนอนถูกผลักเปิดเบา ๆ สาวใช้ในเครื่องแบบสีเทาเดินเข้ามาพร้อมเสื้อผ้า
“คุณชายคะนี่เป็นชุดของท่านสำหรับวันนี้ค่ะ” เธอพูดเบา ๆ
ความทรงจำพุ่งเข้าไปในใจของเมอร์ลินเมื่อเห็นเด็กผู้หญิงคนนี้ นี่คือสาวใช้ส่วนตัวของเขาชื่อลูเซีย
“เอาไปวางไว้ตรงนั้นแหละและออกไปได้แล้ว!” เมอร์ลินตอบ
ลูเซียผู้ซึ่งก้มหน้าตลอดเวลา เธอได้เงยหน้าขึ้นมองนายน้อยของเธอ ใบหน้าของเธอมีกระเล็กน้อยแต่นั่นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอ
“คุณชายคะ คุณหนูเมซี่ส์ กำลังรออยู่ที่ชั้นล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้าค่ะ”
เมอร์ลินพยักหน้า “โอเค เดี๋ยวฉันจะลงไป”
ลูเซียโค้งคำนับเล็กน้อยและการยกกระโปรงขึ้น จากนั้นออกจากห้องโดยไม่มีเสียงใดๆ เหมือนเคย
เมื่อเธอออกไปแล้ว เมอร์ลินก็ลุกขึ้นจากที่ของเขาและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ลูเซียทิ้งไว้บนโต๊ะ
มันเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูสบายๆ ส่วนใหญ่ทำจากผ้าฝ้าย เห็นได้ชัดว่าเป็นงานฝีมือล้วน ๆ เนื่องจากไม่มีร่องรอยของการเย็บด้วยเครื่องจักร หลังจากสวมเสื้อคลุมสีดำ เมอร์ลินสำรวจคนที่มองเขาจากกระจกอีกครั้ง นอกเหนือจากการแสดงออกในดวงตาของเขา มีความคล้ายคลึงเพียงเล็กน้อยจากชีวิตในอดีตของเขา ทุกอย่างล้วนเป็นคนอื่นโดยสมบูรณ์!
เมอร์ลินออกจากห้องนอนของเขาไปที่ห้องโถงชั้นล่าง เขาสังเกตเห็นว่าเมซี่ส์น้องสาวของเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ แม้ว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เห็นได้ชัดว่าเธอรอเขามานานแล้ว
“เร็วเข้าพี่ เดี๋ยวพวกเราจะไปโบสถ์สายเอานะ” เมซี่ส์เร่งเร้า
“หื้ม? เราจะไปที่ไหนนะ?”
เมอร์ลินถามขณะนั่งลงบนเก้าอี้ ขนคิ้วของเขาเกิดความสับสน ขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดีมั้ย แม้ว่าเขาจะได้รับความทรงจำของวิลสัน เมอร์ลินมาแต่ทุกอย่างมันค่อนข้างเลือนลาง
เมซี่เบิกตากว้าง เธอลดเสียงของเธอและพูดว่า “แม้ว่าท่านพ่อจะออกไปเก็บภาษีแต่ท่านก็ได้สั่งอย่างชัดเจนว่าท่านพี่จำเป็นต้องไปฝึกฝนกับนักดาบเปโรที่โบสถ์ทุกวันนะ”
เมอร์ลินรับฟังอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าเลห์แมนจะไม่อยู่ที่นี่พักใหญ่ ทำให้เขารอดตัวจากการถูกเปิดโปงจากชายที่เป็นพ่อของร่างนี้
เขาหวังว่าก่อนที่เลห์แมนจะกลับมา เขาคงจะฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดอย่างสมบูรณ์
“เข้าใจแล้ว”
เมอร์ลินตอบกลับอย่างไม่กระตือรือร้นมากนัก จากนั้นเขาก็หยิบมีดขึ้นมาและเริ่มทานอาหารเช้าของเขา
มันเป็นขนมปัง นม และข้าวสาลีที่หนามากซึ่งอร่อยมาก มันช่วยให้กระตุ้นความอยากอาหารของเมอร์ลินได้เป็นอย่างดี
และในไม่ช้าเขาก็รับประทานไปสามชาม
เมอร์ลินทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็วและเช็ดมุมปากของเขาให้สะอาด จากนั้นเขาเริ่มตรวจสอบเมซี่ส์
เมซี่ส์นั้นเกิดจากภรรยาคนที่แปดของเลห์แมนซึ่งเขาจำไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไร
เมซีส์ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังถูกจับตามองโดยพี่ชายของเธอ เมื่อเธอทานเสร็จเธอได้เร่งเขา
“รีบไปกันเถอะ ใกล้จะสายมากแล้ว นักดาบเปโรเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก มันคงไม่ดีที่พวกเราจะไปสาย”
จากนั้นเมอร์ลินและเมซี่ส์จึงรีบเข้าไปในรถม้าที่กำลังจอดรอพวกเขาอยู่สักใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็กำลังเดินทางไปที่โบสถ์ในที่สุด