Chapter 5: เจ้าชายคือผู้ดูแลสุสาน -3
**
[บ่อศักดิสิทธิ์ถูกอัญเชิญ]
เสียงถ่ายทอด ‘ข้อความ’ ที่สามารถได้ยินได้ในหัวของฉันดังขึ้น
ทันใดนั้นเองพื้นใต้เท้าของฉันก็กลายเป็นโคลน และด้วยพลั่วที่เป็นจุดศูย์กลาง น้ำก็เริ่มนองขึ้นมาจากข้างใต้และในที่สุดบ่อน้ำเล็กๆก็ถูกสร้างขึ้น และจากนั้น...
จี้ดดดดด!
หนูนับร้อยที่ย่างกรายเข้ามาในบ่อถูกละลายหายไปทั้งหมด
ร่างกายของพวกมันที่ถูกรักษาเอาไว้ด้วยพลังมารหนาแน่นหยุดลงไปทั้งแบบนั้น เหลือเอาไว้แค่ซากกระดูกของพวกมัน ในขณะที่พวกมันจมลงไปในบ่ออย่างช้าๆ พวกมันก็หายไปจากวิสัยทัศน์อย่างสมบูรณ์
“โอพระเจ้า...”
ดวงตาของชาวนาทั้งสองถลึงกว้างจนกลายเป็นวงกลมโต
พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ๆฉัน และในขณะที่กำลังจ้องพวกหนูที่กำลังละลาย พวกเขาก็พูดถึงฉัน
“ผมเคยได้ยินมาว่านักบวชบางคนสามารถบินบนฟ้าและยังสามารถรักษาคนใกล้ตายให้ฟื้นกลับมาสุขภาพดีได้ แต่นี่มัน....”
“เจ้าชาย ผมนึกไม่ถึงเลยว่าท่านมีพลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ท่านสามารถเอาชนะพวกซอมบี้ในขณะที่ปล่อยแสงวิ้บวับได้ด้วยใช่ไหมครับ?”
เห้ย นี่พวกเจ้าอ่านนิยายแนวบำเพ็ญเซียนหรืออะไรพวกนั้นมาใช่ไหม?
ฉันเดาะลิ้นในขณะที่จ้องมองพวกเขา แต่ว่าแนวคิดแปลกๆที่พวกเขามีเกี่ยวกับนักบวชนั้นมันก็ไม่ได้ไกลจากความจริงขนาดนั้น
ฉันยังไม่เคยเห็นนักบวชคนอื่นในโลกนี้เลย แต่พวกเขาน่าจะมีความวิเศษในระดับเดียวกับที่ชาวนาสองคนนี้กล่าวถึง แต่ก็นะ พวกเขาน่าจะใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับฉัน
ฉันยกพลั่วขึ้นแล้วเอามันพาดไว้บนบ่า
[หนองน้ำแห่งความตาย] ตรงหน้าฉัน ซึ่งเดิมทีควรจะสร้าง ‘บ่อน้ำ’ ที่เต็มไปด้วยพลังมารและฆ่าเหยื่อด้วยการช่วงชิงชีวิตของพวกมัน ได้ถูกเปลี่ยนเป็นการอัญเชิญบ่อน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์แทน
ทั้งหมดนี้มันก็ดูดีอยู่หรอกนะ แต่ว่า...
“โอ้ย...เวียนหัวจัง...”
ฉันเดินซวนเซอย่างไม่มั่นคง
ฉันคิดเรื่องนี้ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น แต่ว่านะพวก ปริมาณพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องใช้มันไม่ตลกเลยซักนิด
ฉันต้องเรียนรู้วิธีควบคุมพลังของตัวเองให้ได้ แต่ว่ามันค่อนข้างยากสำหรับฉันที่ต้องมาคิดวิธีทำแบบนั้นทั้งๆที่ ‘สกิลศักดิ์สิทธิ์’ ทั้งหมดของฉันมีรากฐานมาจากสกิลเนโครแมนเซอร์
“แต่ว่า มันก็แข็งแกร่งจริงๆหล่ะนะ”
ฉันก้มมองหนูซอมบี้ที่กำลังถูกละลาย
พูดตามตรงฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถละลายเนื้อหนังของอันเด็ดได้ด้วย
ฉันจุ่มมือลงไปในน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้เท้าฉันแล้วตักขึ้นมาดม มันเป็นน้ำที่มีลักษณะเฉพาะตัวจริงๆ ด้วยกลิ่นหอมหวานที่น่าดึงดูด มันสามารถดื่มเข้าไปโดยตรงได้เลยและจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกายด้วย
น้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมีฤทธิ์ในการรักษาอาการป่วยทั้งหลาย เสริมสร้างสุขภาพ และเช่นเดียวกับเร่งอัตราฟื้นฟูตามธรรมชาติด้วย
ส่วนเวอร์ชั่นของฉันนั้นสร้างขึ้นผ่านกระบวนการที่ต่างจากของที่พบได้ในโบสถ์แห่งนี้หรือโบสถ์แห่งอื่น ซึ่งสร้างขึ้นโดยการที่นักบวชสวดภาวนาจนตูดแฉะในขณะที่คอยเติมความศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในน้ำ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพระหว่างทั้งสองนี้น่าจะแทบไม่ต่างกัน
“ถ้าให้ทำพิธีชำระล้างไปทีละคนจนครบมันน่ารำคาญ เพราะฉะนั้น...” ฉันชี้ไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วพูดกับชาวนาทั้งสอง “เอาไอ้นี่ไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ปริมาณซักคนละหนึ่งนิ้วก็น่าจะพอแล้ว ให้พวกเขาดื่มมันแล้วโรคระบาดก็น่าจะหายไปอย่างสมบูรณ์”
อันที่จริง ฉันยังไม่เคยทดลองกับคนเป็นๆมาก่อน แต่ว่าพอเห็นชาวนาสองคนนี้สุขภาพดีหลังจากได้รับพรจากฉัน น้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ก็น่าจะได้ผลชะงัดเหมือนกัน
“ท่าน...อยากให้พวกเขาดื่มสิ่งนี้หรอ?”
ชาวนาจ้องไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เศษเนื้อและกระดูกที่เคยเป็นของหนูซอมบี้ยังลอยอยู่ จากนั้นพวกเขาก็มองกลับมาที่ฉันด้วยสายตาลำบากใจ
“ฉันว่าตอนนี้พวกเจ้าไม่น่าจะอยู่ในจุดที่จะมาสนใจกับเรื่องพวกนี้นะ” ฉันพูดในขณะที่จ้องกลับไปที่พวกเขา ดูเหมือนว่าชาวนาจะยอมถอดใจในขณะที่พวกเขาพยักหน้า
“....พวกเราจะทำการขนส่งน้ำพวกนี้ในทันทีครับ”
ใช่ พวกเจ้าควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันจะมีปัญหากับพวกเจ้ามากจริงๆ ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากให้โรคระบาดบ้าๆนี่เลวร้ายไปกว่านี้ แค่ปริมาณงานที่พวกเจ้ามอบให้ฉันแบบนี้ ฉันก็สุดจะทนแล้ว
“ว่าแต่ ทำไมซอมบี้พวกนี้ถึงเจาะจงคลานออกมาจากบ้านหลังนั้นหล่ะครับ?”
ฉันศึกษาบ้านที่ฝูงซอมบี้หนูโผล่ออกมา มีแค่โครงร่างของมันที่ยังเหลืออยู่ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายแทะมันอย่างไม่ลดละ ฉันเข้าไปในโครงสร้างบ้านและสายตาของฉันก็มองลงไปที่พื้นในทันที และนั่นก็คือตอนที่ฉันได้เห็นรูเล็กๆ
ฉันได้เอาพลั่วฟาดลงไปเพื่อขยายรู และฉันก็เริ่มแงะมันให้เปิดออก ฉันใช้มือจับเครื่องมือเหมือนกับคันโยกแล้วดึงมันลง ทำให้แผ่นไม้ปูพื้นแตกออก
จากนั้นอะไรบางอย่างที่มีสีดำอมแดงก็พุ่งมาหาฉัน
ในขณะที่กวัดแกว่งมีดทำครัวอันคมกริบ เด็กสาวที่ถูกย้อมด้วยสีแดงสดก็คว้าไหล่ของฉันแล้วผลักฉันกลับไป ฉันสูญเสียสมดุลแล้วล้มก้นจ้ำเบ้า ฉันได้ยินเสียงกล้ามเนื้อไหล่ถูกขยี้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ดวงตาที่เย็นชากำลังจ้องลงมาที่ฉัน และโดยไร้ซึ่งความลังเล เธอก็แทงมีดลงมาอย่างรวดเร็ว
“เวรแล้ว....!!”
ฉันใช้พลั่วรับมีดเอาไว้ได้
คมมีดที่สั่นไหวนั่นอยู่ห่างจากปลายจมูกแค่ไม่กี่นิ้ว ฉันสามารถใช้พลั่วคู่ใจปกป้องตัวเองเอาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้เด็กสาวกับฉันได้เข้าสู่การประชันพลังกันแล้ว
“ฉันนึกว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปแล้วซะอีก...”
เหงื่อไหล่ลงมาที่หน้าของฉันในขณะที่ฉันจ้องเด็กสาวที่ถูกย้อมด้วยเลือด ดูเหมือนว่าเธอจะมีอายุแค่ประมาณ 15 ปีเท่านั้นเอง
“...ใครจะไปนึกหล่ะว่ายังมีผู้รอดชีวิตสติไม่ดีอยู่ที่นี่ด้วย?”
เธอต้องแทงหนูซอมบี้ตายไประดับนึงแล้วแน่ๆ หลักฐานก็คือเนื้อและขนหนูที่ติดอยู่ตามส่วนต่างๆในร่างกายของเธอ ในอีกด้านนึง มีแผลถลอกจำนวนมากที่สามารถมองเห็นได้ตามร่างกายของเธอซึ่งน่าจะเป็นเพราะโดนหนูกัด
ม่านตาของเธอสั่นอย่างต่อเนื้อง ประกายในนั้นหม่นหมอง ณ จุดๆนี้ไม่มีแสงแห่งชีวิตฉายอยู่ในนั้นเลย
เธอคิดว่าฉันเป็นซอมบี้ก็เลยโจมตีฉันรึเปล่านะ?
มีเหงื่อไหลลงมาเพิ่มขึ้นอีก ร่างกายของฉันอ่อนแอมาตั้งแต่แรกแล้วและฉันก็เริ่มสั่น
“ค คุณหนู? เธอกำลังทำเรื่องผิดพลาดอยู่นะ ลุกออกจากตัวฉันซะก่อนที่กระโหลกของเธอจะโดนฟาดนะ”
ตอนนี้มีดทำครัวกำลังเข้ามาใกล้หน้าผากฉันแล้ว
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ มันจะเจาะเข้ามาในหัว และมีดอาบเลือดก็จะทะลุผ่านกระโหลกขอ.ฉัน
“...ตายซะ”
เสียงพึมพำอันเลือดเย็นเข้ามาหาฉัน เด็กสาว สีหน้าของเธอเย็นชาเหมือนแผ่นน้ำแข็ง จ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างเกลียดอะไรบางอย่างสินะ แต่ว่า...”
ปกป้องตัวเองไปมากกว่านี้คงจะยากแน่
พละกำลังกำลังหายไปจากมือของฉันแล้ว
มีดทำครัวเคลือบคลานเข้ามาใกล้หน้าผากของฉัน
“...”
“....ทำหัวให้เย็นลงหน่อยดีไหม!?”
ฉันเรียกพลังทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิดแล้วบิดพลั่วเพื่อปัดมีดทิ้ง แล้วจากนั้น ก็ฟาดหัวเด็กสาวด้วย ‘อาวุธ’ ของฉัน
โป๊ก!
ด้วยเสียงที่ค่อนข้างหนาวเหน็บ เด็กสาวก็ล้มฟุบลงไปที่มุมกระท่อม
ฉันสามารถลุกขึ้นมาได้แล้วสัมผัสที่ใบหน้าของฉัน จิตสังหารของเธอทั้งหนาและหนักหน่วงจนฉันคิดว่าเธอแทงฉันไปแล้วจริงๆ
หลังจากยืนยันได้แล้วว่าไม่มีบาดแผล ฉันก็รีบหันไปหาเด็กสาว ตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนพื้น แต่สายตาที่น่ากลัวของเธอยังคงจดจ้องมาที่ฉัน นอกจากเธอ ฉันมองเห็นศพสองศพ ที่ตอนนี้ถูกปิดด้วยแผ่นขนาดใหญ่
เมื่อฉันเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น ริมฝีปากของฉันก็เริ่มกระตุก “อะไรกันเนี่ย”
ศพทั้งสองนี้ร่างกายเละเทะและฉีกขาดจนน่าสยดสยอง
มันคือศพผู้ใหญ่ คู่ชายหญิง พวกเขามีรอยโดนกัดที่มาจากหนูอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่สำคัญกว่านั้น บาดแผลเล็กๆที่เกิดจากมีดสามารถมองเห็นได้ทุกแห่งบนตัวพวกเขา
เด็กสาวคนนี้....เธอฆ่าพ่อแม่ที่กลายเป็นซอมบี้ จากนั้น เธอก็ต้องซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นและทนมันจนกระทั่งตอนนี้เพื่อต่อสู้เอาชีวิตรอด
“เกิดอะไรขึ้นครับ? เจ้าชาย!?”
ชาวนาทั้งสองรีบเข้ามาข้างใน พวกเขาเห็นเด็กสาวที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดแล้วตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ชาร์ล็อตต์!? อา องค์เทพีไกอา! ขอขอบคุณพระองค์จริงๆ!”
ฉันมองทั้งสองคนแล้วบ่นด้วยความไม่พอใจอย่างเต็มที่ “ไหนพวกเจ้าบอกว่าไม่มีคนรอดชีวิตแล้วไง?”
“ม มันไม่มีใครเลยครับในตอนที่พวกเรามาที่นี่ครั้งก่อน”
แทนที่จะบอกว่า ‘ไม่มี’ มันน่าจะเป็นพวกเจ้าหาเธอไม่เจอมากกว่านะ
ฉันนวดไหล่ข้างที่ปวดแล้วพูดขึ้น “พวกเจ้าออกไปจากหมู่บ้านนี้นานแค่ไหนแล้ว?”
“ประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้ครับ เจ้าชาย แต่ว่า พวกเรามาที่นี่เมื่อสามวันก่อน ตอนนั้น ทั้งหมู่บ้านก็...”
“ฉันเข้าใจแล้ว เธอต้องทนมาไม่ต่ำกว่าสามวันสินะ หืม”
ไม่ต้องสงสัยเลย เด็กสาวคนนี้ไม่ได้หลับ กินหรือดื่มอย่างเหมาะสมแน่ๆ
เธอต้องทนกับความหิวและความกระหายด้วยการกินเนื้อและเลือดของหนูซอมบี้ ที่เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะพวกหนูซอมบี้พยายามจะกินเธอหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของเธอสินะ
ช่างเป็นความตั้งใจที่จะมีชีวิตรอดอันแรงกล้าจริงๆ
ชาวนาทั้งสองตรวจสอบศีรษะของเธอแล้วร้องโวยวายออกมาหลังจากที่เห็นเลือดกำลังหยดออกมาจากตรงนั้น ดูเหมือนว่าแรงกระแทกจากพลั่วจะรุนแรงกว่าที่ฉันคิดเอาไว้สินะ
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องตกใจอะไรขนาดนั้น เธอยังไม่ตายหรอก”
ฉันคว้าคอเสื้อของเธอแล้วลากเธอออกไปข้างนอก
“เจ้าชาย!? นี่มันอะไรกันครับ....!?”
จากนั้นฉันก็โยนเด็กสาวลงไปในบ่อที่เต็มไปด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์
น้ำเย็นต้องทำให้เธอตื่นแน่ๆเพราะม่านตาของเธอเปิดขึ้นมาเล็กน้อย
“ดื่มซะ”
หนึ่งในคู่หูชาวนารีบเข้ามาหาฉันแล้วพูดขึ้น “เธอยังเด็กอยู่เลยนะครับ! แถมบาดแผลของเธอหนักด้วย ถ้าท่านทำกับเธอรุนแรงแบบนี้หล่ะก็....”
“เด็กงั้นหรอ เธอก็อายุพอๆกับฉันนั้นแหล่ะแล้วก็...” ฉันชี้ไปข้างหน้า “ต่อให้เธอกำลังเห็นภาพหลอน เธอก็พยายามจะฆ่าฉันนะ ฉันไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับคนที่เกือบจะเป็นฆาตรกรด้วยความใจดีขนาดนั้น ถูกไหม?”
“ต แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ....”
“นี่ ยัยผู้หญิง?”
สายตาของเด็กสาวหันมาทางฉัน
“ดื่มซะ”
“...”
ฉันเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวแล้วนั่งยองๆถัดจากเธอ “ฉันจะขอพูดแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยนะ ตอนนี้ร่างกายของเธอมีสภาพผิดปกติมาก เธอกินหนูซอมบี้เพื่อเอาตัวรอด และพลังมารกับพิษจากพวกมันก็กระจายไปทั่วร่างกายของเธอแล้ว นอกจากนี้เธอยังเสียเลือดไปมากด้วย ถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ เธอจะตายและจากนั้นก็จะกลายเป็นซอมบี้ซะเอง”
อีกไม่ไกล้ไม่ไกลเธอก็จะตายแล้ว และในทันทีที่ลมหายใจหยุดลง เธอก็จะกลายเป็นอันเดทอย่างแน่นอน
ฉันชี้ไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ “แต่ว่า ด้วยการดื่มน้ำนี่ อาจจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เธออาจจะยังได้รับการช่วยเหลืออยู่”
พูดตามตรง นี่คือการพนันที่ต้องเสี่ยงชีวิตดู
ในตอนที่พลังศักดิ์สิทธิ์ถูกบังคับใส่เข้าไปในร่างที่ดูดซับพลังมารเข้าไป ปรากฎการย้อนกลับจะเกิดขึ้น ซึ่งความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้ร่างกายพองโตและระเบิดได้
“แต่ว่า อย่างน้อยที่สุด เธอก็จะไม่กลายเป็นซอมบี้ อัตรารอดชีวิตอาจจะไม่ถึง 10% เอาหล่ะ เลือกซะสิ จะทนกับความเจ็บปวดอันน่าสยองแล้วกลายเป็นซอมบี้ หรือจะดิ้นรนเผื่อจะรอดมาได้”
ฉันเคยอ่านคำอธิบายเกี่ยวกับปฏิกิริยาที่อาจจะเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างพลังมารและพลังศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ในหนังสือเก่าที่ฉันเจอในโบสถ์ ฉันไม่มั่นใจว่ามันเป็นเพราะความสามารถพิเศษของอาชีพ หรือเพราะร่างกายนี้ได้รับความรู้มาระดับนึง แต่ฉันไม่มีปัญหาเรื่องการศึกษาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์เลย
ฉันเปรยความรู้พื้นฐานที่ฉันพบในหนังสือแล้วก้มมองเด็กสาว
เธอกำลังร้องไห้ในขณะที่พยายามพูดออกมา “แม่....คุณแม่หล่ะ...”
“ไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
“พ่อ...คุณ...พ่อหล่ะ....”
“เขาก็ไม่อยู่เหมือนกัน”
หยดน้ำตาก่อตัวขึ้นที่หางตาของเธอ เธอไม่มีทีท่าว่าจะดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เลย
เธอจะยอมถอดใจหลังจากทุกอย่างที่เธอผ่านพ้นมาหรอ?
“เธอดิ้นรนมาจนถึงตอนนี้เพื่อเอาตัวรอด ไม่ใช่หรอ? เธอต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดไม่ใช่รึไง?”
“...”
“เธอยังอยากมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ถ้างั้นมันก็ง่ายๆ ดื่มซะ”
“...”
“แน่นอนว่า โอกาสรอดชีวิตของเธอต่ำมาก แต่ว่า เธอจะไม่กลายเป็นซอมบี้ มันไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องมาตายซ้ำสองถูกไหม? แล้วก็นะ....” ฉันก้มมองเด็กสาวอย่างเงียบๆแล้วพูดต่อ “อย่างน้อยที่สุด....ทั้งสองคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็คงจะอยากให้เธอใช้ชีวิตต่อไป”
พวกนี้คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เธอขยับตัว
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้แล้ว
หลังจากขยับศีรษะด้วยความยากลำบาก เธอก็จุ่มหน้าลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เธอค่อยๆอ้าปากแล้วแลบลิ้นออกมาเลียมัน
ในตอนที่ของเหลวเข้าไปในลำคอของเธอ ทั่วทั้งร่างของเธอก็เริ่มกระตุก
อะ-ไร-กัน-เนี่ย!!
กระดูกของเธอหัก และเสียงกล้ามเนื้อถูกขยี้ก็ดังขึ้นพร้อมกับผิวหนังของเธอที่ฉีกขาด เสียงร้องโหยหวนของเธอดังจนฉันไม่ได้ยินอย่างอื่นเลย มันเป็นอะไรที่น่าเวียนหัวมากจนฉันขมวดคิ้วแน่น
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เธอต้องเป็นบ้าแน่ต่อให้เธอสามารถรอดได้ก็ตาม
“ก เกิดอะไรขึ้นครับ....!?”
ฉันห้ามไม่ให้ชาวนาเข้าไปใกล้
เด็กสาวจะจบลงที่การได้เป็นผู้รอดชีวิตที่ยังมีลมหายใจ หรือไม่ก็ศพที่ถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ
ผิวหนังของเธอฉีกออกอย่างต่อเนื่องในขณะที่เลือดไหลลงมา ในขณะที่เธอดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่พื้นก็จะรักษาเธอ เนื้อเก่าของเธอไหม้แล้วถูกแทนที่ด้วยเนื้อใหม่ กระดูกของเธอหักแล้วถูกฟื้นฟูกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉันคิดว่า ‘การเปลี่ยนรูป’ ที่อธิบายในนิยายศิลปะการต่อสู้ก็คงจะประมาณนี้หล่ะมั้ง?
ต่อให้ความคิดไร้ประโยชน์พวกนี้จะวนเวียนอยู่ในหัวฉัน แต่ฉันก็สำรวจการเปลี่ยนแปลงของเธออย่างเงียบๆต่อไปโดยที่พลั่วของฉันฝังอยู่ที่พื้น
ห้านาทีผ่านไป สิบนาที จากนั้นก็สามสิบ และหนึ่งชั่วโมงให้หลัง...
เสียงร้องโหยหวนของเธอค่อยๆเงียบลง อาการชักของเธอหยุดลงในที่สุดและเธอก็หมดสติแน่นิ่งจมลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะเบาบาง แต่ว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่
“สำเร็จ! เธอยังมีชีวิตอยู่!”
จะบอกว่าค่อนข้างโล่งอกก็ว่าได้ มันไม่มีอะไรที่ชวนให้ขมขื่นไปกว่าการมองดูคนตายตรงหน้าแล้ว ฉันถอนหายใจเงียบๆแล้วบอกกับชาวนาทั้งสอง “พาเธอไปกับพวกเจ้าซะนะ”
“ว่าไงนะครับ??”
คู่หูชาวนาเอียงคอ
“เธอเป็นเพื่อนร่วมหมู่บ้านของพวกเจ้าไม่ใช่รึไง?”
“ค ครับ นั่นก็จริงอยู่ แต่ว่า เด็กที่ติดโรคระบาดมันค่อนข้างจะ...”
อะไรอีกเนี่ย เอาจริงดิ? ก่อนหน้านี้พวกเขาทำตัวเป็นห่วงซะเต็มที่เลยไม่ใช่รึไง? หรือว่าเจ้าพวกนี้เป็นแค่พวกเสแสร้ง?
สายตาที่ซื่อตรงของฉันทำให้พวกเขาเหงื่อแตกพลั่ก สายตาของพวกเขามองลงในขณะที่พูดในส่วนของพวกเขา
“พวกเราจะพยายามคุยกับหมู่บ้านใกล้ๆให้อย่างสุดความสามารถครับ”
“ดี อ้อแล้วก็เหมือนที่พูดไปก่อนหน้านี้ เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปส่งให้ด้วยหล่ะ”
“ท่านหมายถึงเจ้าสิ่งนี้หรอครับ?”
ในขณะที่ชาวนามองบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นต้นเห็นให้เด็กสาวชักอย่างรุนแรง สีหน้าของพวกเขาก็ซีดเผือด พวกเขาคงจะจบลงด้วยการนึกภาพปฏิกิริยาที่รุนแรงของเธอเมื่อก่อนหน้านี้
“ที่มันเกิดขึ้นแบบนั้นก็เพราะเธอดูดซับพลังมารเข้าไป อ้ะ เดี๋ยวนะ หรือว่าหมู่บ้านใหม่ของพวกเจ้ามีคนกินซอมบี้ด้วยหรอ? อือหือ นี่กำลังพูดถึงรายการกระเพาะเหล็กอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“ม ไม่ใช่ครับ เจ้าชาย ไม่มีคนแบบนั้นหรอก”
ชาวนาส่ายหัวอย่างเต็มที่
“ถ้างั้น ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีผลข้างเคียงหรอก แล้วก็ มาให้ความสำคัญกับการหยุดโรคระบาดกันก่อนเถอะ” ฉันพูดก่อนที่จะลุกขึ้นมาแล้วปัดฝุ่นที่ติดตัว ฉันดึงพลั่วออกจากดินแล้วเอาขึ้นพาดไหล่ของฉัน “อ้อ ใช่! ติดตั้งกับดักหนูให้เยอะๆด้วย จากที่ฉันดูนะสาเหตุของโรคระบาดนี้ก็คือการโดนหนูซอมบี้กัด หนึ่งหรือสองตัวอาจจะไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ในเมื่อมันมีเป็นร้อย....แค่นึกภาพมันก็ทำให้ฉันกลัวสุดๆแล้ว!”
ใช่ไหมหล่ะ? แค่นึกภาพสัตว์ร้ายตีนไวพวกนี้วิ่งเข้าใส่ ก็คงไม่มีใครสามารถจัดการกับพวกเวรนี่ได้หรอก
“พวกเจ้าต้องลดจำนวนของพวกมัน ต่อให้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม นอกจากนี้ ให้ส่งข่าวไปยังโรเนียเพราะที่นั่นเป็นเขตปกครองใกล้สุดที่มีขุนนางบริหาร อย่างน้อยที่สุดเจ้าเมืองที่นั่นก็น่าจะส่งนักบวชมาสืบสวนต้นตอของโรคระบาด ฉันหมายถึง เขาคงจะไม่นั่งอยู่เฉยๆหรอกในเมื่อโรคระบาดกำลังแพร่กระจายในพื้นที่ใกล้กับที่หลานชายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อยู่ ถูกไหม?”
“เข้าใจแล้วครับ เจ้าชาย”
“ดี!”
เพียงเท่านี้ เรื่องพวกนี้ก็น่าจะจบลงแล้ว
ความจำเป็นที่ต้องมาพรวนดิน ลากศพไปทั่ว หรือทำพิธีศพที่จำเป็นต้องใช้แรงงานหนักน่าจะจบลงในเร็วๆนี้ ตอนนี้ฉันสร้างน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาแล้ว โรคระบาดในปีนี้น่าจะหยุดลงอย่างง่ายดายเหมือนกัน ชีวิตประจำวันอันสงบสุขของฉันน่าจะกลับมาอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่ฉันคิด
จนกระทั่งวันต่อมาเมื่อชาวบ้านนับร้อยมาอยู่ที่หน้าโบสถ์
พวกเขาอยากมาแสดงความขอบคุณเรื่องที่ส่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้หรอ? ไม่อะ
ชาวบ้าน พวกเขาทุกคนมีสีหน้าสิ้นหวัง แล้วพูดอ้อนวอน
“จ เจ้าชาย!! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!!”
“มีซอมบี้อยู่ในหมู่บ้านของพวกเรา....!!”
...ดูเหมือนว่าหมู่บ้านชนบทที่เคยเงียบสงบจะกลายเป็นรังซอมบี้ในชั่วข้ามคืน