ตอนที่ 12: ครีมเค้ก (ส่วนที่ 2 )
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
“อะไรเนี่ย?. ลู่หยานมองของที่ชิยูเอามาให้และสายตาของเธอก็ดูเปล่งประกายเพราะกลิ่นหอมหวานที่อยู่ด้านหน้าของเธอ. ที่จานด้านหน้าของเธอมีของหวานมันๆสีขาวอยู่5ชิ้น. เมื่อมันวางอยู่บนโต๊ะมันก็สิ่งกลิ่นหอมอบใหม่ๆโชยขึ้นมา.
“นี่คือสิ่งที่ชั้นทำเพื่อเธอเป็นพิเศษยังไงล่ะ” ชิยูตอบ “นี่คือขนมเค้กครีมสด. ชั้นมั่นใจว่าเธอต้องชอบแน่”.
หลินฟ่านหยิบชิ้นนึงมาแล้ววางใส่มือของลู่หยานแล้วเขาก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมาให้ตัวเอง. เค้กมีครีมอยู่บนหน้าเยอะมากแล้วก็ผลไม้จำนวนนึงด้วย. ครีมนั้นทั้งนุ่มและหวาน มันต่างจากขนมเค้กของจีนที่เขาเคยกินมาเลย. ในโลกปัจจุบันเค้กนี้คือปีศาจสำหรับผู้หญิงที่ต้องการลดน้ำหนักเลยทีเดียว. (ขนมเค้กของจีนอาจหมายถึงขนมไหว้พระจันทร์ก็ได้ครับ เพราะขนมไหว้พระจันทร์ฝรั่งเรียกว่ามูนเค้ก Moon cake)
เป็นดังที่คิด พอกัดไปหนึ่งคำลู่หยานก็ติดใจ. ทั้งหมดมี5ชิ้น เธอกิน3ชิ้นที่เหลือทันที. เมื่อเธอกินหมด4ชิ้นแล้ว เธอก็รู้สึกอายขึ้นมาทันที “โทดที ชั้นห้ามตัวเองไม่อยู่”
เสี่ยวฉีก็มองด้วยสายตาอิจฉา เธอก็อยากกินบ้าง……
ชิยูสังเกตเห็นสายตาของเสี่ยวฉีจึงลูบหัวเธอ. เธอไม่ได้ทำเยอะเพราะมันใช้เวลานาน. ยิ่งไปกว่านั้นเธอต้องรับลูกค้า “อันนี้เป็นของแขกเรานะ, พอกลับถึงบ้านแล้วเดี๋ยวพี่จะทำให้กินนะจ๊ะ”
“อื้อ อื้อ” เสี่ยวฉีพยักหน้า “พี่สาวไปทำงานเถอะนะคะ. ไม่ต้องห่วงหนู!”
ชิยูจึงไป.
ลู่หยานรู้สึกอายมากกว่าเดิม. เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน. มันต้องเป็นเพราะหลินฟ่านอยู่ข้างๆเธอแน่เธอจึงไม่ทันระวังตัว. พอหน้าแดงสุดขีดลู่หยานจึงสะบัดมือแล้วกล่องหยกก็ปรากฏมาบนมือเธออย่างน่าอัศจรรย์. เธอมอบกล่องนั้นให้เสี่ยวฉี “ในกล่องนี้มีโสมหยกอยู่. พี่ให้เป็นของขวัญนะจ๊ะ”
เสี่ยวฉีส่ายหัวแล้วดวงตากลมโตของเธอก็เต็มไปด้วยความความมุ่งมั่น “พี่คะมันแพงเกินไปหนูรับไว้ไม่ได้ค่ะ”
ลู่หยานยิ้ม “หนูรู้ได้ไงจ๊ะว่ามันแพง?”
เสี่ยวฉีจ้องไปทางชิยูแล้วตอบ “พี่สาวหนูบอกงั้นค่ะ. ถ้ามันเป็นของขวัญ มันก็มีราคาแพงมาก”
“ฮ่าๆๆๆ” หลินฟ่านหัวเราะชอบใจ. เขาอุ้มเสี่ยวฉีขึ้นมานั่งบนตักเขา “ถ้าของขวัญของพี่หยานแพงไปล่ะก็งั้นพี่จะให้นี่ โอเคมั้ยคะ?” เขาสะบัดมือแล้วลูกกวาดหนึ่งไม้ก็โผล่มา.
ทันทีที่เธอเห็นลูกกวาด ตาของเสี่ยวฉีก็ลุกเป็นไฟ.
“ค่ะ!”
ตอนที่เธอมองอยู่นั้นเธอกำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่. เธอเกือบจะเผลอตัดนิ้วตัวเอง.
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเสี่ยวฉีถึงไปนั่งบนตักของหลินฟ่าน?
ความคิดของเธอพุ่งทะลุเพดานไปแล้ว. อย่าบอกนะว่าโชคชะตาของหลินฟ่านกับเสี่ยวฉีต้องกันแล้ว และในอนาคตเสี่ยวฉีก็ต้องแต่งงานกับเขา. จากที่นิยายของเออ กูเขียนแล้ว หลินฟ่านนั้นมีฮาเร็มเยอะกว่า10คนอีก.
ชิยูตกใจมาก. ในโลกนี้ที่เพื่อนเธอสร้างขึ้นมา พระเอกกับนางเอกนั้นมีเสน่ห์แรงมาก. ใครก็ตามที่พบกับพวกเขาจะหลงเสน่ห์ในทันที.
แต่เธอคิดว่าเสี่ยวฉีเป็นน้องสาวแท้ๆจึงไม่ยอมให้เสี่ยวฉียอมแบ่งผู้ชายกับคนอื่นแน่.
เธอคิดอยู่นาทีนึงจึงตะโกนออกมา “เสี่ยวฉีจ๊ะ มาช่วยพี่หยิบหัวหอมหน่อย!”
เสี่ยวฉีกระโดดลงจากตักของหลินฟ่านทันทีแล้วรีบวิ่งไปช่วยพร้อมๆกับเคี้ยวลูกกวาดในปาก.
หลินฟ่านไม่ทันสังเกตความไม่พอใจของชิยู แต่ลู่หยานเห็น.
ลูกกุ้งนั้นพร้อมจะขายแล้ว. พอเตรียมทุกอย่างเสร็จเธอจึงเอาถ้วยใบใหญ่ให้หลินฟ่านกับลู่หยานแล้วไปทำเมนูผักเพิ่มปล่อยให้พวกเขาสนุกกับอาหาร.
เนื่องจากวันนี้พวกเขามีแขก จึงมีอาหารขายน้อย. เมนูลูกกุ้งถูกขายหมดอย่างรวดเร็ว. ลูกค้าหลายคนไม่พอใจ ชิยูจึงไม่มีทางเลือกเลยเอาตราให้พวกเขา. เธอบอกลูกค้าว่าถ้าพรุ่งนี้กลับมาพร้อมกับตรานี่จะให้ลูกกุ้งเพิ่มครึ่งจิน. พวกลูกค้าจึงพอใจแล้วก็ออกร้านไป.
เมื่อลูกค้าจากไปหมดแล้ว ชิยูก็ปิดประตู.
คุณตากับเด็กคนอื่นๆช่วยกันทำความสะอาดร้าน, ถูพื้น, ล้างจาน เช็ดโต๊ะ. มีแค่ชิยูที่นั่งอยู่กับหลินฟ่านและลู่หยาน.
“พวกเธอพอใจกับรสชาติอาหารรึป่าว?” ชิยูถาม. ถ้าเป็นเรื่องอาหารล่ะก็ เธอไม่ทำเล่นๆแน่นอน. เธอมั่นใจในวิชาทำอาหารของเธอมาก. ตราบใดที่เธอมีวัตถุดิบที่ถูกต้อง เธอสามารถทำให้หลินฟ่านจุกตายเพราะอาหารที่เธอทำได้เลย.
“แน่นอน พวกเราชอบมาก” ไม่ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ขนาดไหน เขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี.
“พวกนายเห็นด้วยตาตัวเองแล้วใช่มั้ย ร้านเราก็ไม่ได้ขายแย่. แล้วลูกกุ้งพวกนั้นก็แค่เสี้ยวหนึ่งของความสามารถชั้น”
“เธอทำอาหารอย่างอื่นได้ด้วยหรอ?” หลินฟ่านสนใจ. เขาไม่ใช่คนรักการกินแต่รสชาติอาหารพวกนี้ทำให้เขาจะรักแล้ว.
“แน่นอนสิ. ยิ่งวัตถุดิบดีเท่าไหร่ รสชาติก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้นแหละ. ชั้นมั่นใจวิชาทำอาหารของชั้นมาก”
“ถ้าเธอว่าแบบนั้น ชั้นก็จะตั้งตารออาหารที่เธอทำจากเนื้อสัตว์ปราณนะ”
ชิยูยักไหล่ “ชั้นก็อยากอยู่แต่มันแพงเกิน. ชั้นไม่มีพลังพอจะจับมันด้วยตัวเองด้วย. เอางี้สิ, ถ้านายได้เนื้อมาก็ส่งมาให้ชั้น. ชั้นจะทำให้นายฟรีๆเลย”
“ได้เลย”
“งั้นก็เข้าเรื่องกันเลย.หลินฟ่าน ชั้นจะให้กำไรจากร้านนี้ครึ่งนึง นายจะได้เป็นหุ้นส่วนของร้านนี้. อย่าเพิ่งปฏิเสธชั้น. ชั้นมีบางอย่างที่จะขอนาย. ในอนาคตนายจะได้เป็นใหญ่และตระกูลหลินเองก็จะรุ่งเรืองเพราะนายด้วย. ถ้าพวกเรามีคนคอยคุ้มกันล่ะก็ เราก็จะได้ทำการค้าได้ง่ายๆ. ดังนั้นเพื่อให้การค้าของชั้นรุ่งเรืองแล้ว ชั้นยินดีที่จะแบ่งให้เลย” ชิยูกล่าว.
หลินฟ่านถาม “แล้วทำไมเธอไม่เลือกคนอื่นล่ะ?”
เธอคือคนเดียวที่บอกได้ว่าสร้อยนั่นมีความลับซ่อนอยู่. เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่มีความลับซ่อนอยู่.
“ชั้นเป็นคนธรรมดานะแล้วชั้นก็ไม่อยู่ที่นี่ไปจนตายแน่” ชิยูตอบ “ชั้นอาจจะไม่อยู่นี่ แต่ครอบครัวชั้นจะอยู่. ชั้นหวังว่าจะมีคนปกป้องพวกเขา”
ชิยูทนรอที่จะสำรวจโลกนี้อยู่. โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลและเธอก็โหยหาจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยด้วย.
หลินฟ่านไตร่ตรองอยู่. ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ถ้าได้อะไรมา ก็จะต้องให้บางอย่างเช่นกัน. ถ้าเขายอมรับร้านอาหารนี้มา เขาก็ต้องปกป้องมัน.
แต่เขาก็ตอบตกลงอย่างเร็ว. เสี่ยวฉีทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและชิยูเองก็คืนสร้อยให้เขาด้วย. ตอนนี้เขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิม. ถ้าเขาปกป้องพวกเธอ ก็เท่ากับว่าเขามีคนคอยสนับสนุนเมื่อตัวเองล้มลง. ถ้าเรื่องแค่นี้เขารับมือไม่ไหวแล้วเขาจะเป็นใหญ่ในอนาคตได้ยังไง?
“แต่ชั้นขอบอกเธอก่อนนะ. ชั้นจะเอาเสี่ยวฉีกลับไปด้วย” เขาตอบ.
เมื่อเขาเห็นชิยูขมวดคิ้ว เขาจึงรีบอธิบาย “ตะกี้นี้ ชั้นตรวจเสี่ยวฉีแล้ว. เธอเหมาะสำหรับการฝึกวิชา. ถ้าเด็กคนนั้นตามเธออยู่ล่ะก็ เด็กคนนั้นก็จะไม่มีวันได้พัฒนา. เสียดายพรสวรรค์นะ”
อะไรนะ? เสี่ยวฉีฝึกวิชาได้หรอ?
นอกจากชิยูตกใจแล้ว ทุกๆคนที่อยู่รอบๆโต๊ะก็ตกใจเช่นกัน.
แล้วชิยูก็เปิดปากตอบ “ถ้าเป็นอย่างงั้น, ชั้นก็จะไม่ห้ามนาย. แต่นายช่วยตรวจน้องๆคนอื่นของชั้นได้มั้ย? พวกเขาฝึกวิชาได้รึป่าว?”
หลินฟ่าน: “........”