Ep.694 - สมบัติที่สำคัญที่สุด
4/4
Ep.694 - สมบัติที่สำคัญที่สุด
ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มจาง เอ่ยตอบกลับไปว่า “เปล่า ก็แค่สัตว์ร้ายที่พิเศษกว่าตัวอื่นๆนิดหน่อย แต่ผมจัดการมันเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นหรอ ถ้าต้องการความช่วยเหลือบอกฉันได้เลยนะ!”
“ครับ”
ฉินเฟิงวางสาย ส่วนการตายของคุนซาร์ อย่าบอกจ้าวพรมแดนตงจะดีกว่า!
นั่นเพราะคุนซาร์ รับมือได้ยากยิ่งกว่าโอเบอร์เสียอีก แต่บุคคลดังกล่าวกลับจบชีวิตลงด้วยน้ำมือของฉินเฟิง หากบอกออกไปเกรงว่าตงหยางจะคิดมาก
และบางทีอาจถึงขั้นกระทบกระเทือนจิตใจจนหัวใจวายเลยก็ได้!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้ …
ฉินเฟิงวาดแขนออกไป ปรากฏโซ่โลหะขึ้นเบื้องหน้าเขา บนโซ่แขวนไว้ด้วยศิลารูนมิติกว่า 12 ก้อน
ศิลารูนมิติพวกนี้ แต่ละก้อนมีความยาวในแนวนอนและแนวตั้ง 100 เมตร และสิ่งที่บรรจุอยู่ภายใน คือวัตถุดิบทั้งชีวิตของคุนซาร์ ลองจินตนาการเอาเถิดว่าเขาร่ำรวยแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าก็คือ คุนซาร์น่ะเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ขององค์กรมืด ดังนั้นเงินของเขาจะไม่ถูกฝากไว้ในอุปกรณ์สื่อสาร แต่จะถูกเปลี่ยนถ่ายเป็นเหรียญพลังงาน
ด้วยประการฉะนี้ เท่ากับโชคลาภก้อนใหญ่หล่นทับฉินเฟิง เขาได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของผู้ใช้พลังเลเวล A !
แค่มูลค่าของมันก็น่าเกินหลัก 10 ล้านล้าน!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ สายตาของเขาเบนไปตกลงบนหุ่นเชิดเลเวล S
ฉินเฟิงเอื้อมมือไปเปิดชุดคลุมดำ เพื่อยลโฉมเจ้าของร่างให้มันชัดเจน
“เทพนักฆ่า!! เป็นเขาจริงๆ!”
เบื้องหน้าฉินเฟิง คือเลเวล S ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในพันธมิตรเอเชียตะวันตก อีกฝ่ายเองก็มีลูกหลานอาศัยอยู่ในพันธมิตรเอเชียตะวันตกเช่นกัน ตระกูลของพวกเขามีสถานะค่อนข้างสูง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุนซาร์ถึงจบลงด้วยการถูกตามล่าอย่างโหดเหี้ยม
แม้เทพนักฆ่าจะกลายเป็นศพไปแล้ว อย่างไรก็ตามผู้ใช้พลังเลเวล S มีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก มันเหนือล้ำเกินกว่าจินตนาการของผู้คน มีกระทั่งข่าวลือว่า หากผู้ใช้วรยุทธโบราณคนใดสามารถไปถึงเลเวล S ต่อให้พวกเขาตาย แต่ร่างของพวกเขา … เนื้อหนังจะยืนยง ไม่ถูกทำลายเป็นเวลานับพันปี!
ซึ่งฉินเฟิงคิดว่านี่เป็งเรื่องไร้สาระมาก เพราะมนุษยชาติเพิ่งก้าวเข้าสู่ยุคโลกาวินาศจากรอยแยกมิติครั้งใหญ่เป็นเวลาสองร้อยกว่าปีเท่านั้นเอง ฉะนั้นไม่มีข้อพิสูจน์ใดว่าร่างเลเวล S สามารถอยู่ยงได้ถึงพันปี
“โชคดีที่คุนซาร์ไม่ได้ทำการดัดแปลง กลั่นพิษลงบนศพนี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่กล้ารับไว้!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดลงไปท่ามกลางศิลารูนมิติของคุนซาร์ และถอนกลับมาแทบไม่ทัน!
เจ้าคุนซาร์คนนี้วิปริตอย่างแท้จริง ภายในรูนมิติของเขา มันเต็มไปด้วยศพและพิษเหลว แม้จะมีวัสดุอื่้นอยู่บ้าง แต่เห็นได้ชัดว่ามันปนเปื้อนไปด้วยสองสิ่งที่กล่าวมา
ฉินเฟิงฝืนทนความรังเกียจของเขา ส่งพลังสมาธิเข้าไปอีกครั้ง กวาดหาจนพบโลงศพ ฉินเฟิงจัดการควบคุมผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล S ผู้นี้ให้นอนในโลง จากนั้นเก็บโลงศพลงในอุปกรณ์รูนมิติ ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นศพอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องพิธีรีตอง
จากนั้น ฉินเฟิงก็กวาดสินสงครามเข้ากระเป๋าตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เพราะข่าวจากคุนซาร์ ทำให้ฉินเฟิงเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
“โอเบอร์คนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ หลอกล่อผู้อื่นให้ทอดแหแล้วชิงปลาในตอนท้าย ถึงจะไม่ได้ผล แต่เขาก็ไม่สูญเสียผลประโยชน์อะไรเลย!”
“ความแข็งแกร่งแค่เลเวล B แต่ต้องอยู่ท่ามกลางกลุ่มเลเวล A ช่างทรมานซะจริงๆ”
“ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ …”
ฉินเฟิงขบคิดแก้ปัญหาเรื่องนี้ สุดท้ายนำวัสดุเล็กๆน้อยๆออกมาแล้วยัดมันลงในรูบิควิเศษ สร้างชุดคลุมสองตัวแบบเดียวกันกับของคุนซาร์อย่างรวดเร็ว จากนั้นมอบให้ไป๋หลีชิ้นหนึ่ง สำหรับตนเองอีกหนึ่ง
“นี่มันอะไรกัน? คุณจะเล่นบทเป็นเจ้าคนที่เพิ่งถูกฆ่าไปรึไง?” ไป๋หลีมองชุดคลุมด้วยความสงสัย ทั้งรู้สึกว่ามันน่าเกลียดอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังยอมสวมทับบนร่างกายเธอ
“นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เผื่อกรณีที่ว่าถ้าเจอโอเบอร์อีกสักครั้ง!” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“นั่น .. ฟังดูน่าสนุกไม่เลว!” ดวงตาของไป๋หลีเปล่งประกายสดใส เธอคิดว่ามันฟังดูเข้าท่าดีเหมือนกัน
ทั้งสองสวมชุดคลุมดำ จากนั้นภายใต้การห่อหุ้มโดยอบิลิตี้มืดของฉินเฟิง ไม่มีใครสามารถตรวจสอบความแข็งแกร่งของพวกเขาได้อีก ประจวบกับหุ่นเชิดสัตว์ร้ายมากมายที่อยู่รอบๆ เกรงว่าจะไม่มีใครคิดว่าพวกเขาเป็นแค่เลเวล B เรื่องนี้คงมีตงหยางคนเดียวที่ทราบสถานการณ์ แต่ต่อให้เจอกัน ตงหยางไม่มีทางเปิดโปงพวกเขา
…
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น นับตั้งแต่รอยแยกมิติปรากฏ และมีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ผุดจากก้นทะเล มันก็ผ่านมาได้หนึ่งวันแล้ว กองทัพสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนที่ขวางอยู่รอบชายฝั่งเริ่มถดถอย ผู้คนก้าวขึ้นมาบนเกาะมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อนึกไปถึงฉากลำแสงที่พวยพุ่งสูงเสียดฟ้า และทราบว่าทิศทางของมันปรากฏขึ้นบนทะเลนรก ผู้ใช้พลังระดับต่ำที่ได้ยินข่าวนี้ก็ไม่กล้าเข้ามา แต่ก็ยังมีระดับสูงที่ชาญชัย มารวมตัวกันที่นี่เป็นจำนวนมาก
คนเหล่านี้ มิใช่ใครอื่น แต่เป็นผู้ใช้พลังเลเวล A กับ B จากทั่วทุกมุมโลก
มนุษย์ที่ก้าวขึ้นมาเหยียบย่ำบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งเวลาล่วงเลย ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
ก่อนฉินเฟิงจะเกิดใหม่ เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทราบข่าวนี้เช่นกัน แต่ไม่กล้ามา กระทั่งข้อมูลที่ฉินเฟิงทราบ ส่วนใหญ่เป็นข่าวเล่าข่าวลือในเครือข่ายนักสู้ที่กำลังเป็นที่ฮือฮา ส่วนจะจริงหรือเท็จอันนี้เขาไม่รู้จริงๆ
ต่อให้มันเป็นจริง และสิ่งที่ตามมาจะกลายเป็นตำนาน แต่ข้อมูลคงหมุนเวียนกันในเฉพาะระดับสูงเท่านั้น ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉินเฟิง
แต่หลังจากเกิดใหม่ เรื่องนี้ถือว่าเกี่ยวข้องกับฉินเฟิงอย่างใกล้ชิด
ณ เวลานี้ รอบกายฉินเฟิงเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายน่าสะพรึงมากกว่า 200 ตัว
ในบรรดาพวกมัน มี 5 ตัวเป็นถึงระดับจักรพรรดิ ที่เหลืออีก 80 ตัวเป็นราชันย์ สุดท้าย 120 ตัวเป็นระดับนายพล
หากอยู่ในสถานที่อื่น คงไม่มีทางรวบรวมราชันย์และนายพลได้มากมายขนาดนี้ แต่ที่นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันคือสถานที่ที่สามารถก่อกำเนิดระดับเทวะ!
สิ่งมีชีวิตได้รับการวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ผลก็คือปรากฏระดับนายพลและราชันย์อยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีกระทั่งระดับจักรพรรดิ
“ถึงขีดจำกัดแล้ว แต่แค่หุ่นเชิดสัตว์ร้ายพวกนี้ก็คงเพียงพอ!” พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกระดมจนเกือบถึงขีดสุด แต่ยังเหลือเอาไว้ 1/10 เพื่อเป็นไพ่ก้นหีบ บวกกับการล่าสัตว์ร้ายและดูดซับพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง พลังสมาธิที่สูญเสียไปกับการควบคุมหุ่นเชิดสัตว์ร้ายก็ค่อยๆได้รับการฟื้นฟู
ดังนั้น ขออย่าได้สงสัยในความแข็งแกร่งของคุนซาร์ ที่แม้อยู่ในเลเวล A แต่ผลลัพธ์กลับสามารถควบคุมสัตว์ร้ายเลเวล B ได้แค่ 5 ตัวเท่านั้น แท้จริงแล้วสาเหตุนี้มันเป็นเพราะการควบคุมศพเลเวล S มันสิ้นเปลืองพลังงานมากเกินไปต่างหาก!
นับประสาอะไรกับเรื่องที่คุนซาร์ไม่ได้มีพลังพิเศษดูดกลืนที่สามารถใช้ฟื้นฟูตัวเองเหมือนฉินเฟิง
ปัจจุบันฉินเฟิงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์กำลังมุ่งต่อไปข้างหน้า!
อันที่จริงแล้ว ฉินเฟิงในตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางนิเวศวิทยาของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างมาก เพราะการล่าสังหารของเขา ส่งผลให้สัตว์ร้ายมากมายบนในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ต้องจบชีวิตลง นี่ช่วยลดทอนแรงกดดันแก่ผู้ใช้พลังเลเวล A คนอื่นๆได้มากโข
ด้วยเหตุนี้ เลเวล A เลยสามารถออกสำรวจพื้นที่ได้มากขึ้น ระหว่างนั้นก็ล่าสัตว์ร้ายไปในตัว ส่งผลให้จำนวนสัตว์ร้ายลดปริมาณลง ความมั่งคั่งบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกพวกเขาช่วงชิงไปมากมาย
ฉินเฟิงย่อมทราบเรื่องนี้โดยธรรมชาติ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะหากให้เขาไล่สังหารเลเวล A ทั้งหมด มันก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
ฉินเฟิงทำได้เพียงเร่งความเร็ว มุ่งหน้าสู่ใจกลางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเขาทราบดี ของสมบัติที่ดีที่สุดอยู่ที่นั่น
ยิ่งเข้าใกล้ใจกลางมากเท่าไหร่ ฉินเฟิงก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงกระแสพลังงานบริสุทธิ์ที่ผุดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกร้อนขึ้นอย่างกะทันหัน
ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แต่ยังรู้สึกร้อนลวก ท่านสามารถจินตนาการได้ ว่าพลังงานนี้รุนแรงเพียงใด
หลังจากบุกป่าฝ่าดง ฉินเฟิงก็สามารถมาถึงใจกลางภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ในที่สุด ปรากฏว่าที่นี่ มีหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
จากมุมมองภายนอก มันไม่สามารถมองเห็นได้เลย
และภายในหลุมขนาดใหญ่ตามธรรมชาตินี้ มันเต็มไปด้วยทรายสีทอง!
“ทรายธารเวลา!”
เมื่อเห็นทรายกองนี้ หัวใจของฉินเฟิงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
เจ้าสิ่งนี้ มีค่าถึงขั้นตระกูลใหญ่บางตระกูล นำมาใช้เป็นสมบัติตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น!
ฉินเฟิงจดจำได้อย่างชัดเจน ว่าหลังการต่อสู้บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิ้นสุดลง ปรากฏทรายธารเวลาขวดเล็กๆขึ้นในงานประมูล และมูลค่าของมันพุ่งสูงจนแตะถึง 1 ล้านล้าน!
ในครั้งนั้นพวกตระกูลเลเวล C ต่างแก่งแย่งกันจนถึงขั้นนองเลือด!