Ep.690 - โอเบอร์
Ep.690 - โอเบอร์
ลึกลงไปเบื้องล่างของทะเลนรก ความปั่นป่วนเริ่มสงบลง
รอยแยกมิติที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์น่ะมีขีดจำกัดในตัวมันเอง บางรอยแยกหลังจากเปิดกว้างเป็นเวลาหลายชั่วโมง ความผันผวนก็เริ่มเสถียร สุดท้ายค่อยๆหดแคบลง
และตอนนี้ เวลาผ่านมานานแล้ว ช่วงค่ำคืนได้ผ่านพ้นไป บนเส้นขอบฟ้าเริ่มปรากฏแสงสีขาวรำไร และเป็นเวลาเดียวกันกับที่รอยแยกมิติได้ปิดลง
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ก่อความปั่นป่วนอีกต่อไป ขณะเดียวกันกองทัพสัตว์ร้ายในชายฝั่งถูกกำจัด ท้องทะเลก็กลับคืนสู่ความสงบดังเดิม
ทำให้ในช่วงหลายชั่วโมงมานี้ เกรงว่าไม่ใช่แค่เฉพาะเลเวล A แต่ยังมีเลเวล B นับไม่ถ้วน เดินทางมายังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแย่งกันเสาะแสวงโชคของพวกเขา
ภายนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนจากจากพันธมิตรมนุษย์ได้จอดเรือดำน้ำทิ้งไว้ในทะเล ส่วนตนก้าวผ่านอากาศ พยายามเข้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์
“เทคนิคฟ้าคะนอง!” ผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล A คนหนึ่งปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในน้ำทะเล ทันใดนั้นน้ำทะเลในรัศมีพันเมตรพลันไหลเวียนไปด้วยสายฟ้า สัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนเมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีเช่นนี้ ร่างของพวกมันชักกระตุก เหม่อลอยคล้ายสิ้นสติ
“เทคนิคอัสนีบรรจบ!”
เพียงพริบตา เขตแดนอบิลิตี้กระจายไปทั้งพันเมตร ชายคนนี้อาละวาดอย่างหนัก ช็อตฝูงสัตว์ทะเล แหวกทางเข้าสู่ตัวเกาะได้ในที่สุด
ขณะเดียวกันบนผิวน้ำทะเลในโซนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ , พายุทอร์นาโด ฯลฯ ล้วนถูกงัดออกมาใช้กวาดล้างกองทัพสัตว์ทะเลที่ขวางกั้นทางเข้าเกาะในทำนองเดียวกัน
ผู้ใช้พลังเลเวล A คนอื่นๆ ต่างใช้ลูกเล่นที่ซุกซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อตน ขจัดปัญหาตรงหน้า ก่อนทั้งหมดจะก้าวขึ้นสู่พื้นดินของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ตามผู้ใช้อบิลิตี้สายฟ้าไป
ณ ตอนนี้ ภายในเกาะ หูของไป๋หลีเริ่มกระดิกไหว คล้ายพยายามรับฟังอะไรบางอย่าง
แม้ไป๋หลีจะเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ แต่เธอก็เป็นสัตว์ร้ายเช่นกัน นั่นเลยเป็นเหตุผลให้บางครั้ง อาศัยเพียงสัญชาตญาณ โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังสมาธิใดๆ ก็สามารถตระหนักได้ทันที ว่ามีใครบางคนได้มาเยือนบนเกาะแห่งนี้แล้ว
และเนื่องจากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเธอมานาน ฉินเฟิงเลยรู้ได้ทันที ว่าทำไมไป๋หลีถึงมีการปฏิกิริยาเช่นนี้ เจ้าตัวปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป ตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบทันที
ปัจจุบันพวกฉินเฟิงกำลังเดินอยู่ในป่าทางตอนบน ห่างจากชายฝั่งเพียงพันเมตรเท่านั้น เมื่อพลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไป ก็ค้นพบกับชายแปลกหน้าผู้มาเยือน
“มีใครบางคนสามารถขึ้นมาบนเกาะได้แล้ว!” หัวใจของฉินเฟิงกลายเป็นเย็นชา
ปัจจุบันดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า นี่ถือเป็นช่วงเวลาของผู้ใช้พลัง และฉินเฟิงเองก็ทราบดี ว่าหากผู้คนคิดเริ่มลงมือ ก็คงไม่พ้นเป็นช่วงเวลานี้!
“เอ๊ะ? เจ้าหมอนั่นมันโอเบอร์แห่งกลุ่มพันธมิตรฟิลิปปินส์ไม่ใช่หรอ?” ชายในพลังสมาธิของฉินเฟิง เป็นหนึ่งในคนจากพันธมิตรฟิลิปปินส์ ถูกขนานนามว่าราชาสายฟ้า มีนิสัยค่อนข้างคึกคะนองอวดดี แต่แน่นอน ว่าความแข็งแกร่งก็ร้ายกาจสมกับนิสัยของเขาเช่นกัน
สถานะของเขา อย่างน้อยเทียบเคียงได้เลยกับตำแหน่งจ้าวพรมแดนของพันธมิตรหัวเซี่ย
และในเวลานี้ หัวของโอเบอร์พลันหันขวับมายังทิศทางของฉินเฟิง แท้จริงแล้วสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้มองเห็นฉินเฟิง หากแต่พลังสมาธิที่กำลังปลดปล่อยออกมา ได้ค้นพบถึงร่องรอยของฉินเฟิง
ฉินเฟิงถอนพลังสมาธิของเขากลับทันที พร้อมใช้อักษรรูนมืดห่อหุ้มตนเองอีกครั้ง ไม่ยอมให้โอเบอร์ตรวจสอบร่องรอยตนไปมากกว่านี้
โอเบอร์ที่ยืนอยู่ตรงชายฝั่ง หน้าผากยับย่นเข้าหากัน สักพักส่งเสียงแสยะยิ้มเย็น
“เป็นแค่เลเวล B แต่กลับกล้าตรวจสอบฉัน? ไหนขอดูหน่อยเถอะว่าจะหนีไปได้สักแค่ไหน!”
โอเบอร์พุ่งไปตามทิศทางของฉินเฟิง วิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ทว่าวิ่งลึกมาได้แค่ไม่กี่ร้อยเมตร ก็ถูกสัตว์ทะเลกลายพันธุ์เข้าขวาง หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดสัตว์ร้ายบางตัวก็สามารถกลายพันธุ์ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นความสามารถในการต่อสู้ของมันก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ ความคิดของโอเบอร์ที่ต้องการจับตัวฉินเฟิง เลยเป็นอันล้มเหลวไป
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างนอก อย่าไปสนใจ พวกเรารีบมุ่งหน้าเข้าไปข้างในกันดีกว่า ถึงตัวเลือกนี้มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าอาจได้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายระดับสูงก็ตามที แต่ยังดีกว่าเสียเวลาอยู่รอบนอกแบบนี้”
ฉินเฟิงไม่สนใจความคิดของโอเบอร์ หันมาชวนไป๋หลีออกล่าสมบัติต่อ
ฉินเฟิงตระหนักดีว่าเวลาในตอนนี้มีค่ามาก ดังนั้นต้องแน่ใจว่าสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ที่สุด เก็บรวบรวมสมบัติสุดกำลังที่มี เพราะหากมีคนจำนวนมากเข้ามาแล้ว ผลกำไรที่ได้คงถดถอย
ทั้งยังมีแนวโน้มเป็นไปได้สูง ว่าจะเกิดการต่อสู้ขึ้น ไหนจะพวกที่เลือกสังเกตการณ์อยู่เฉยในตอนแรก แล้วฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้อื่นทีเดียวในภายหลัง!
ฉินเฟิงมีความทรงจำของในชีวิตก่อน ดังนั้นหากเขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวสมบัติได้มากกว่าคนอื่นๆ จะไม่เท่ากับว่าเขากลายเป็นไอ้โง่หรอกหรือ?
พลังงานบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ช่างมหาศาลจริงๆ เพราะยิ่งฉินเฟิงเดินลึกเข้าไปข้างใน เขาก็ยิ่งพบว่ามีสมบัติอยู่ทั่วทุกที่ จนเทคนิคเทเลพอร์ตของไป๋หลีให้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม แทนที่จะเป็นการช่วยเหลือ ดันเป็นการสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งยังเสียเวลายิ่งกว่าเดิมอีก เพราะแค่เดินไปยังเร็วกว่า!
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ …”
ในแววตาของฉินเฟิงเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายสังหาร สายตาเย็นชาของเขาเบนไปตกลงบนร่างของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ตัวหนึ่ง
บางทีอาจเป็นเพราะสัตว์ร้ายบนเกาะนี้ล้วนกลายพันธุ์มาจากสัตว์ทะเล ทำให้รูปลักษณ์ของพวกมันแลดูประหลาดตา กลายเป็นพวกคล้ายๆกับสัตว์เลื้อยคลาน แต่ส่วนใหญ่ยังคงลักษณะของสัตว์น้ำเอาไว้ บ้างก็มีสภาพคล้ายกิ้งก่า บ้างกลายสภาพคล้ายกับสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัวอย่างงูทะเล
และในปัจจุบัน เบื้องหน้าฉินเฟิงคืองูทะเลที่ดูน่าสยดสยอง!
หนังของมันเป็นสีเขียวมรกต แค่มองก็รู้ว่ามีพิษมหาศาล
ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ตัดสินใจโจมตีมันอย่างเด็ดขาด
เพียงพริบตา เส้นแสงสีขาวอันทรงพลัง ถูกยิงออกจากมือเขา
นี่คือคลื่นแสงพลังงานจากชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์
ฟุฟฟฟ!
ลำแสงนี้ กระแทกเข้าใส่งูทะเล ร่างงูทะเลถูกแรงปะทะลอยกระเด็นถอยไปไกลกว่า 20 เมตร ชนเข้าใส่ต้นไม้ ทับเข้าใส่ใบหญ้า
รอจนกระทั่งลำแสงสลายไป ณ ตำแหน่งที่งูทะเลหยุดลง ปรากฏว่ามันจมลึกเป็นหลุมใหญ่ ทว่าบนจุดที่ลำตัวงูถูกยิง กลับมีปากแผลเปิดลึกลงไปแค่ 7 ชุ่น เท่านั้น
งูทะเลที่ถูกการโจมตีนี้พยายามดิ้นสะบัดไปมาอย่างประหวั่นลนลาน สักพักเริ่มอ่อนแรงลง สุดท้ายแน่นิ่งไป
“ฮึ่ม!”
ฉินเฟิงส่งเสียงในลำคอ ยกมือขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มิใช่ลำแสงสีขาว หากแต่เป็นลำแสงสีทะมึนน่าหวาดกลัว แสงนี้ถูกยิงออกไปในรูปแบบของเหลว ตกลงบนปากแผลนั่น
ในพริบตา เนื้อของงูทะเลก็เริ่มเน่าเปื่อย
“ก๊าซซซ!”
งูทะเลที่เพิ่งแน่นิ่งสะดุ้งโหยงตัวลอยจากพื้น ดิ้นพล่านไปมา ที่แท้เมื่อครู่นี้มันยังไม่ตาย!
อบิลิตี้นี้ของฉินเฟิง แน่นอนว่าย่อมอันตรายถึงชีวิต แต่อีกฝ่ายเป็นราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ดังนั้นหากอยากให้มันตายคงไม่สามารถทำได้ในทันที
ในการโจมตีครั้งแรกมันแกล้งตาย หากแต่ไม่สามารถหลอกลวงฉินเฟิงได้ ดังนั้นฉินเฟิงฉวยโอกาสที่งูทะเลไม่ทันระวัง ใช้ออกด้วยเทคนิคที่สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตมันโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว
ร่างของงูทะเลเลื้อยโฉบไปมาชั่วขณะ คล้ายกวาดหาตำแหน่งศัตรู สักพักหันขวับมาทางฉินเฟิง ปากใหญ่ที่เปื้อนไปด้วยเลือดอ้ากว้างทันทีและ--
“--แฮ่!”
หมอกสีเขียวเข้มถูกพ่นออกมา กระจายเข้าปกคลุมไปทั่วชั้นอากาศรอบๆฉินเฟิง
หึ่ง หึ่ง!
โล่ปราณกำลังภายในของฉินเฟิงเข้าต้านทานก๊าซพิษเหล่านี้ แต่เขาพบว่ากำลังภายในกลับลดฮวบๆลงอย่างรวดเร็ว โล่ปราณกำลังภายในส่งเสียงครวญ บ่งบอกชัดว่าพิษนี้ร้ายแรงแค่ไหน
“ไปลงนรกซะ!” น้ำเสียงกระจ่างใสก้องกังวาน ภายใต้แสงสีเงินสว่างไสว รอยแยกมิติผุดลึกลงไปในบาดแผลของงูทะเล มิติพลันอ้าออกกลืนหัวใจงู ก่อนหุบลงและสลายไป
คราวนี้งูทะเลคงไม่รอดแล้วจริงๆ!
ฉินเฟิงเดินออกจากหมอกเขียว จากนั้นก็ใช้รังสีทะมึนเข้าห่อหุ้มศพของงูทะเลมรกตเอาไว้
งูทะเลตายไปแล้วก็จริง แต่ภายใต้หมอกทะมึน ร่างของมันกลับค่อยๆลุกขึ้น เพียงแต่ว่าทั้งตัวคล้ายถูกย้อมไปด้วยสีดำชนิดหนึ่ง เกล็ดงูไม่มรกตสดใสอีกต่อไป
ฉินเฟิงใช้ออกด้วยเทคนิคควบคุมศพ : หุ่นเชิดแห่งความตาย!
ยิ่งได้ต่อสู้กับศัตรูระดับสูงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งค้นพบว่าอบิลิตี้นี้ยอดเยี่ยมขนาดไหน ฉินเฟิงในเมื่อได้ลิ้มรสผลลัพธ์จากพลังงานในที่นี้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้เขาเลยอยากจะทดสอบด้วยเช่นกัน ว่าศพของสัตว์ร้ายที่ได้รับพลังงานจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์จะทรงพลังขนาดไหน
ไม่นาน ฉินเฟิงก็เริ่มเข้าควบคุมราชันย์งูทะเลเลเวล B สั่งการมันให้เลื้อยไปข้างหน้า
พื้นที่โดยรอบประมาณ 200 เมตรตรงจุดนี้เป็นของราชันย์งู ฉินเฟิงเริ่มเก็บกวาดผลไม้และสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด และแล้วราชันย์งูทะเลก็ตกเป็นไพ่ในมือเขา
และในเวลาต่อมา ไพ่ในมือฉินเฟิงก็เพิ่มขึ้น เขาได้รับราชันย์สัตว์ร้ายเพิ่มอีกหนึ่งตน!
กองทัพหุ่นเชิดแห่งความตาย ค่อยๆเพิ่มพูนจำนวนขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง!
…
ณ บริเวณรอบนอกของเกาะ ผู้ใช้พลังเลเวล A คนหนึ่งสังหารสัตว์ร้าย เก็บเกี่ยวสมบัติอย่างมีความสุข
“นี่มันสมุนไพรวิญญาณชนิดไหนกัน ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่พลังงานที่สะสมอยู่ในมันมหาศาลมากจริงๆ!”
“ไม่ได้สิ ฉันยังไม่สามารถดูดซับมันที่นี่ ต้องเร่งมองหาสมบัติชิ้นต่อไป !”
แต่เมื่อมีบางคนตื่นเต้นดีใจ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีคนเกิดความรู้สึกตรงกันข้าม
“นี่มันบ้าอะไรกัน? ดูเหมือนจะมีคนตัดหน้าพวกเรา คนๆนั้นเด็ดผลไม้บนต้นออกไปหมดเลย!”