Ep.687 - วิวัฒนาการของภูเขาศักดิ์สิทธิ์
2/4
Ep.687 - วิวัฒนาการของภูเขาศักดิ์สิทธิ์
มีอยู่หลายครั้ง ที่จำเป็นต้องอาศัยความแข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะมีโอกาสปกป้องคนที่คุณต้องการปกป้อง
ตงหยางระงับความกังวลทางฝั่งเมืองตงไห่ ส่วนฉินเฟิงเหมือนจะละความสนใจตั้งแต่แรกแล้ว
ปัจจุบัน ทั้งหมดที่เขาทำ คือการมุ่งหน้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้เร็วที่สุด!
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สถานที่ซึ่งสามารถเปลี่ยนเขมือบฟ้าให้กลายเป็นระดับเทวะได้!
เสาแสงลุกฮือสู่ท้องฟ้าเพียงครึ่งชั่วโมง ก่อนจะจางหายไป แต่ด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ เกรงว่าคงนานพอให้ผู้คนครึ่งค่อนโลกตระหนักถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาณาเขตของพันธมิตรสิบแห่งรอบทะเลตะวันออก นอกจากกลุ่มพันธมิตรหัวเซี่ย(จีน) แล้ว ก็มี พันธมิตรญี่ปุ่น , พันธมิตรเกาหลี , พันธมิตรเอเชียตะวันตก , พันธมิตรฟิลิปฟปินส์ ฯลฯ คาดว่าทั้งหมดสมควรเห็นมัน!
พันธมิตรเหล่านี้ หากคิดเดินทางไปยังอาณาเขตของเขมือบฟ้า อย่างเร็วสุดใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น และอย่างช้าสุดคือครึ่งวัน
สำหรับตัวตนทรงพลังเลเวล A บางครั้งการข้ามผ่านผืนสมุทรด้วยตัวเอง มิได้เป็นปัญหาอะไร
เพราะใต้ทะเลลึก บังเกิดรอยแยกมิตินับไม่ถ้วน และในทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้นใหม่ๆ มักจะมีเลเวล A มากมายไปออกล่า
และที่ว่าออกล่า มิใช่ภารกิจที่ถูกจัดตั้งโดยพันธมิตรมนุษย์แต่อย่างใด หากเป็นพวกเขาออกไปด้วยตัวเอง เพราะหากคิดก้าวเข้าสู่เลเวล S คุณจำเป็นต้องสรรหาทรัพยากรมหาศาลด้วยตัวเอง
‘แต่จะว่าไป สามปีจากนี้ จำได้ว่าตงหยางสามารถยกระดับขึ้นเป็นเลเวล S ได้ สาเหตุน่ากลัวว่าคงเป็นเพราะการปรากฏขึ้นของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้’
ฉินเฟิงเบนตามองตงหยาง การแสดงออกภายนอกของเขาสงบเยือกเย็น แต่ในหัวใจเต้นครึกโครม ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด สำหรับสถานการณ์วิกฤตอื่นๆ ฉินเฟิงไม่มีเวลาสนใจในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปอีกสองสามชั่วโมง หัวใจของฉินเฟิงก็ต้องหนักอึ้ง
ช่วงเวลานี้ ดวงจันทร์แขวนเด่นอยู่กลางฟ้า สภาพแวดล้อมเริ่มสลัวลง คล้ายจะเกิดพายุน่าหวาดกลัวในทะเล แต่ในขณะนั้นเอง แสงสีขาวพลันเปล่งประกาย คล้ายกับว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมา
ความรู้สึกนี้ มันไม่ต่างจากแสงของดวงดาวหรือดวงจันทร์เลย!
ณ สถานที่ห่างไกล คล้ายเกิดการสะท้อนของดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอยู่ใต้น้ำทะเล!
แม้หนทางจะยังอีกยาวไกล แต่ฉินเฟิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากชะลอความเร็วลง
“นั่นพวกกองทัพสัตว์ทะเล!” ฉินเฟิงสูดหายใจลึก
ไม่คาดคิดมาก่อนเลย ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ กระแสกองทัพสัตว์ทะเลจะปะทุขึ้นแล้ว!
แน่นอน นี่ไม่เหมือนกับพวกฝูงสัตว์ทะเลที่ถูกซัดมาตามคลื่น หากแต่เป็นกองทัพที่ตั้งใจเข้ารุกรานอย่างแท้จริง
ฉินเฟิงเปิดใช้งานอบิลิตี้ซ่อนเขมือบฟ้า ไม่ให้ถูกค้นพบได้โดยง่าย ปล่อยโดรนเฝ้าระวังหลายร้อยตัวออกสำรวจ
กล้องของพวกมันมีขนาดเล็กเกินไป อย่างมากขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ เมื่อต้องถ่ายสัตว์ทะเลมหาศาล กลับมากเกินขอบเขตกล้องของพวกมัน ดังนั้นต้องใช้กล้องจากโดรนหลายตัวเชื่อมต่อกัน ซึ่งหากไม่นับโดรนที่ถูกนกทะเลโจมตี ส่วนใหญ่ถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์
ไม่นาน ฉินเฟิงก็ได้รับภาพอื่นๆเพิ่มเติม
บนน้ำ คราคร่ำไปด้วยสัตว์ทะเล พวกมันทั้งกองทัพต่างแก่งแย่งกัน มุ่งหน้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ตะเกียกตะกายปรารถนาเป็นตัวแรก
ในภาพจากโดรน รูปลักษณ์ของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดก็เผยโฉมสู่สายตาฉินเฟิงกับตงหยาง
พื้นดินที่ยกตัวขึ้นของมัน ได้่ยกเอาโคลนจากใต้ทะเลและแนวปะการังติดขึ้นมาด้วย พวกมันกองพะเนินรวมกัน ก่อตัวเป็นเกาะขนาดใหญ่
แต่ประเด็นก็คือบนเกาะใหญ่ กลับมีต้นไม้และสิ่งมีชีวิตอยู่บนเกาะอย่างกะทันหัน!
ขณะนี้ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆขยายตัวอย่างช้าๆ ฉินเฟิงกวาดตาสำรวจ และมองเห็นสาหร่ายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเล อย่างไรก็ตามสาหร่ายเหล่านี้ ยามพวกมันผุดขึ้นจนสัมผัสเข้ากับอากาศ ก็เกิดการแตกหน่อ สาหร่ายเริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นาน สาหร่ายเหล่านั้นกลับเริ่มเหี่ยวเฉาลง สุดท้ายกลายเป็นขี้เถ้า สักพักเติบโตขึ้นอีกครั้ง
ในระยะเวลาสั้นๆหนึ่งนาที สาหร่ายเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ถึง 4 - 5 ครั้ง จนในที่สุด สาหร่ายสายพันธุ์ใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น มันเปี่ยมไปด้วยพลังงานมหาศาล เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นสมุนไพรวิญญาณ
แน่นอน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ยังคงขยับขยายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พวกสาหร่ายที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไม่สามารถลอยอยู่ได้ตลอดไป ไม่นานพวกมันก็ถูกยกขึ้นฝั่ง แต่พืชพรรณเหล่านั้นก็ยังคงเกิดการวิวัฒนาการ ตอบสนองต่อสภาวะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ยังไงก็ตาม นั่นมิใช่เรื่องที่น่าตื่นตะลึงที่สุด
เนื่องจากมีสัตว์ทะเลนับไม่ถ้วนกำลังแหวกว่ายไปยังทิศทางของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นฉินเฟิงไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นใต้น้ำ และในชั่วพริบตานั้นเอง
ปลาราหูตัวหนึ่งเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
ปลาราหูเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่มาก่อนยุครอยแยกมิติขนาดใหญ่ ปัจจุบันมันคือสัตว์ทะเลเลเวล C ไม่ได้มีระดับภัยคุกคามสูงอะไร
ทว่าปลาราหูตัวนี้ คล้ายกับได้กลืนอะไรบางอย่างลงไป ตัวมันเริ่มวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ปลาราหูจากเดิมมีความยาว 10 เมตร แบนกว้างราว 7 - 8 เมตร พริบตาเดียวกลับกลายเป็นยาวถึง 300 เมตร เปลี่ยนร่างเป็นราชาแห่งท้องทะเลอย่างกะทันหัน
ภาพปลาราหูที่ถ่ายทอดจากโดรนสังเกตการณ์ ตัวมันในตอนนี้ไม่ต่างจากพรมที่กางอยู่บนผืนทะเล อีกทั้งบนแผ่นหลังยังเกิดการเปลี่ยนแปลง สะท้อนไปด้วยประกายแสงงดงามเรืองรอง
ยังไม่พอ ยามปลาราหูแหวกว่าย คล้ายกับว่ามันสามารถแยกจากระดับผิวน้ำทะเลได้ ค่อยๆลอยตัวขึ้นไปในอากาศ
ฉินเฟิงบังเกิดความรู้สึกเหมือนตนได้เห็นคุนเผิงในตำนาน*
*(พญามัจฉาชื่อคุน สามารถแปลงกายเป็นพญาวิหคชื่อเผิง)
ปลาราหูตนนี้ จากเดิมเป็นแค่สัตว์ทะเลเลเวล C ระดับสามัญ กลับสามารถตัดผ่านกำแพงอุปสรรค ทะลุข้ามระดับนายพล ทะลุข้ามระดับราชันย์ ทั้งยังสามารถก้าวสู่เลเวล B ได้อย่างกะทันหัน
นี่ไม่ใช่แค่การยกระดับข้ามขั้นแล้ว แต่กระทั่งสายพันธุ์ก็ยังเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย!
--จักรพรรดิเลเวล B คือตัวตนระดับใดน่ะหรือ? ลองดูภาพตรงหน้าเองก็แล้วกัน นกทะเลนับไม่ถ้วนที่กำลังบินวนรอบเกาะอยู่บนฟ้า ยามปลาราหูบินและชนเข้ากับมันเพียงครั้งเดียว นกทะเลทั้งฝูงพลันแตกโผล๊ะ
เลือดสาดกระจายไปทั่วผิวทะเล สัตว์ทะเลนับไม่ถ้วนตะเกียกตะกายเข้าแย่งชิงสมบัติเช่นเดียวกันปลาราหู นำไปสู่การสงครามห้ำหั่นกันเองของสัตว์ทะเล
แต่ในตอนนั้นเอง บนท้องฟ้า ปรากฏนกทะเลขนาดยักษ์ ตัวตนที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นอีกตนหนึ่ง
การดำรงอยู่เช่นนี้ ฉินเฟิงไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย มันมีเกล็ดสีฟ้าคราม เนื้อทั้งสองข้างคอยกระพือเหมือนกับปีก มีหางเหมือนกับงู และลมหายใจเดียวที่เจ้าสิ่งนั้นปรากฏตัวขึ้น มันก็ตรงเข้าปลาราหู จับอีกฝ่ายฉีกแหวกร่างแยกออกจากกัน
เจ้าตัวนั้นก็เป็นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล B !
ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงความน่าหวาดกลัวของการดำรงอยู่นี้ และพบว่ามันแทบจะยกระดับขึ้นเป็นเลเวล A อยู่รอมร่อแล้ว
สถานการณ์พลิกผันกลับกลายดังกล่าว เล่นเอาฉินเฟิงกับตงหยางเงียบงันกันไปพักหนึ่ง
ตงหยางเฝ้ามองทุกฉากบนหน้าจอ ถึงแม้จะตกใจ แต่ขณะเดียวกันก็เกิดร่องรอยของความประหลาดใจวาบผ่านเข้ามาในดวงตาเขา
เจ้าตัวสูดหายใจลึกและกล่าวว่า “ฉินเฟิง ร่างของเขมือบฟ้าใหญ่เกินไป อย่างไรก็ตาม ถ้าแค่พวกเราสองคน ยังพอสามารถทำได้ --ฉันจะพาคุณขึ้นไปบนเกาะเอง! แต่เกาะนี้อันตรายมาก เกรงว่าฉันจะไม่สามารถปกป้องคุณตลอดทาง …”
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ตงหยางบังเกิดความลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ฉินเฟิงมีศักยภาพไร้ที่สิ้นสุดดังนั้นไม่สมควรไปเสี่ยงตาย แต่กระนั้นตงหยางก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงผลประโยชน์มหาศาลเบื้องหน้าเพื่อตนเองเช่นกัน
ฉินเฟิงพอได้ฟังก็ยิ้ม และกล่าวว่า “จ้าวพรมแดนตง คุณลืมแล้วหรือว่าผมเป็นผู้ใช้อบิลิตี้มืด ถ้าเฉพาะในเรื่องการซ่อนตัวตน ผมทำได้ดีกว่าคุณเสียอีก พวกเราแยกกันที่นี่เลยก็ได้”
ฉินเฟิงตระหนักถึงความกังวลของตงหยาง แต่ตัวเขาปัจจุบันก้าวขึ้นสู่เลเวล B แล้ว ดังนั้นครอบครองความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยไปกว่าเลเวล A !
ในกรณีนี้กล่าวได้ว่า หากยังรั้งอยู่ด้วยกัน ไม่แน่ว่าอาจเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขากันและกัน
ตงหยางผงะไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าฉินเฟิงจะตอบเช่นนี้
“ที่พูดมา คุณหมายความอย่างนั้นจริงๆหรือ?”
“ผมไม่จำเป็นต้องโกหกคุณ จ้าวพรมแดนตงเชิญ!”
ตงหยางมองมายังท่าทีหนักแน่นเด็ดเดี่ยวของฉินเฟิง ก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกจริงๆ
“ในเมื่อคุรพูดแบบนั้น ฉันขอนำไปก่อนก้าวหนึ่ง เอ้อจริงสิ การเดินทางครั้งนี้ ถือว่าฉันได้รับผลประโยชน์จากคุณเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่มาถึงเร็วขนาดนี้!”
ฉินเฟิงกล่าว “นั่นเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ”
“ไม่หรอก มีหนี้ย่อมต้องชดใช้ ถ้าฉันพบอะไรบนเกาะที่เหมาะกับคุณ หลังจบเรื่องฉันจะนำไปมอบให้เอง!”
“และผมขอน้อมรับด้วยความเต็มใจ!”
ฉินเฟิงเองก็ไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังไม่เอ่ยปากว่าไม่ต้องรอคุณหรอก ผมนี่แหละจะไปหามันเอง เกรงว่าถึงเวลานั้น จะเป็นฉินเฟิงมากกว่าที่ต้องรู้สึกผิดต่อตงหยาง
“ดี งั้นฉันขอตัว!”
ฉินเฟิงพยักหน้า เปิดช่องทางลับให้ตงหยางก้าวออกไป ร่างของตงหยางแปรสภาพเป็นน้ำทะเล แหวกว่ายผ่านมหาสมุทร มุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลานี้ ฉินเฟิงมองไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ สีหน้ามั่นคงเด็ดเดี่ยว
ณ ใจกลางจักรวาลแห่งจิตสำนึก หนึ่งวาจาเปล่งผ่านพันธสัญญา
“ไปหลี่ จงมาหาฉัน!”