บทที่ 26 ดันเจี้ยนมรดกและราชาแห่งขุนเขา(1)
"งดงามมาก"
เฟรย์นั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่และมองลงมาจากตำแหน่งของเขาบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณใกล้เคียง
เขาสามารถมองเห็นภูเขาอื่น ๆ และอาคารในเมืองอิสปานิโอลาซึ่งดูเหมือนกับตะปูอยู่บนท้องฟ้า แม่น้ำขนาดใหญ่และทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สามารถมองเห็นทั้งหมดได้ในคราวเดียว
การที่เขาเห็นภาพนี่มันช่างน่าทึ่งอย่างมาก
เขามองลงไปที่ชุดเกราะของเขา
ชุดเกราะนั้นมอมแมมและมันก็ค่อนข้างยุ่งเหยิง
เขาไม่มีคาถารักษาใดๆ ดังนั้นเขาจึงถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผล
ถ้าก่อนหน้านี้เขาดูเหมือนขอทานสำหรับโซเนียตอนนี้เขาดูเหมือนอยู่ในสนามรบมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนภูเขาเดรกนั้นสูงกว่าที่เขาคาดไว้มาก
เหล่าเดรกที่เขาได้พบหลังจากที่เขาเข้าสู่ใจกลางของภูเขานั้นแข็งแกร่งพอที่จะทำให้เลือดของเค้าหนาวสั่น
‘โดยเฉพาะเจ้าตัวนั้น…’
เดรกขนาดมหึมาที่เขาเห็นมันครั้งหนึ่ง
มันมีร่างของมังกรซึ่งมีเกล็ดที่ดูแข็งกว่าเหล็กและเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเทือกเขา
เฟรย์สามารถบอกได้คร่าวๆว่าคู่ต่อสู้แข็งแกร่งแค่ไหนเพียงแค่มองไปที่พวกเขา มันเป็นทักษะที่พัฒนาขึ้นตามอายุ
และทักษะนั้นบอกเขาสิ่งหนึ่ง
เขาไม่สามารถเอาชนะมันได้
‘มันคือราชา’
บางทีเทือกเขาทั้งหมดอาจเป็นอาณาเขตของมัน
มันคือมอนสเตอร์ลอร์ด
เฟรย์พยายามหลีกเลี่ยงเจ้านั้น
นี่ไม่ใช่ศัตรูที่เขาสามารถเอาชนะได้แม้ว่าเขาจะพยายามใช้กลอุบายก็ตาม
ในขณะเดียวกันเฟรย์ก็ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งเพื่อควบคุมประสาทสัมผัสและการควบคุมของเขา ด้วยเหตุนี้เขาก็สามารถทำมันได้สำเร็จในที่สุด
‘ในที่สุดฉันก็ทำให้ร่างกายของเฟรย์เป็นของฉันได้แล้ว’
การปรับตัวดังกล่าวเกิดขึ้นได้จากประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง มีเพียงความกดดันเท่านั้นที่จะผลักดันเขาให้เกินขีดจำกัดได้
ตอนนี้เขาเชื่อมั่นว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายของเฟรย์ได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามเขาใช้เวลาสองสัปดาห์กับอีกสามวันในการไปถึงยอดเขาซึ่งมันนานเกินความคาดหมายของเขา
มันเป็นผลมาจากการที่เขาให้ความสำคัญกับการฝึกฝนมากเกินไป
“ฮู”
เฟรย์ตระหนักว่ามานาของเขากลับมาเต็มอีกครั้ง
บนยอดเขาอากาศเบาบาง แต่ความเข้มข้นของมานานั้นหนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาสามารถเติมพลังมานาได้เต็มก่อนที่เขาจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
เขาหันกลับไปและมองไปที่ทะเลสาบที่มีภูเขาไฟด้านหลังเขา
ด้วยขนาดของภูเขาที่เหนือจินตนาการ การมีทะเลสาบบนภูเขาไฟในจุดที่สูงสุดจึงไม่ใช่เรื่องตลก
สิ่งที่เฟรย์ให้ความสนใจอย่างแท้จริงคือเกาะที่อยู่กลางทะเลสาบ
"บิน"
อูววว
เขาบินไปโดยใช้คาถาบิน
อย่างไรก็ตามเขายังคงระวังเกี่ยวกับทะเลสาบนั้น คงไม่แปลกถ้าเพื่อนสุดประหลาดของเขาจะเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้ในทะเลสาบ
ตึง
โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเฟรย์สามารถลงจอดได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
เขามองไปรอบๆ เกาะนี้มีขนาดเล็ก แต่ก็สวยงามมาก
เฟรย์นึกถึงคำพูดของชไวเซอร์ในอดีต
“ยอดเขาสูงตระหง่านที่ทะลุเข้าไปในหมู่เมฆ ที่นั้นจะมีทะเลสาบที่สวยงาม…มีเกาะเล็ก ๆ อยู่ใจกลาง”
มันสอดคล้องกับสิ่งที่เพื่อนเค้าฝันถึงทุกวัน
เฟรย์มองไปที่พื้น
จากนั้นเขาก็หลับตาและตั้งสมาธิสักครู่
“…ฉันรู้แล้ว”
ริมฝีปากของเขาเหยียดเป็นรอยยิ้ม
ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรเขาก็ชอบทำให้มันใหญ่ ดังนั้นไม่มีทางที่จะเกาะเล็กๆแบบนี้จะสามารถบรรจุดันเจี้ยนของเขาได้
และตามที่เขาคาดไว้มีพื้นที่ขนาดใหญ่อยู่ด้านล่างของเกาะ
'ทางเข้าทางเดียวคือเกาะแห่งนี้ หากมีคนพยายามบังคับเส้นทางของพวกเขาจากทิศทางอื่น…ภูเขาทั้งลูกก็จะถล่มลงมา'
ไอ้เจ้าเล่ห์
เฟรย์คิดว่ามันลำบาก แต่เขาก็ดีใจที่ได้พบร่องรอยดันเจี้ยนของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาหลังจากผ่านไปอย่างยาวนาน
เฟรย์มองไปรอบๆ
ทางเข้าดันเจี้ยนไม่ได้หายาก
มันเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะ แท้จริงแล้วมันเป็นต้นไม้ยักษ์
มีโพรงขนาดใหญ่บนต้นไม้ที่ทำหน้าที่เป็นทางเข้า
เฟรย์เดินเข้าไปในดันเจี้ยนโดยไม่ลังเล
ความจริงที่ว่าเขาใจดีพอที่จะสร้างบันไดแสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจให้มีคนหาดันเจี้ยนพบ
มันไม่มืดเกินไปเพราะมีแสงไฟอ่อนๆ ที่บันได
หลังจากเดินไปได้สักพักเฟรย์ก็หยุดและมองไปข้างหน้าเขา
เบื้องหน้าของเขาคือประตูขนาดมหึมาที่ปกคลุมไปด้วยอักษรรูนเวทย์มนตร์
เฟรย์มองด้วยความรวดเร็วและสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง
‘ฉันไม่สามารถเปิดมันได้ด้วยการบังคับ’
มันเป็นเทคนิคเวทย์ที่ชไวเซอร์สร้างขึ้นเอง
ยกเว้นถ้าเขาอยู่ในร่างของลูคัส แต่ในตอนนี้ร่างกายของเฟรย์จะระเบิดเหมือนพลุในวินาทีที่เขาพยายาม
นั่นหมายความว่าเขาต้องทำตามกฎ
สายตาของเฟรย์ถูกดึงไปที่หินอ่อนขนาดเล็กที่อยู่ด้านหน้าประตู
หลังจากปัดฝุ่นออกเล็กน้อยเขาก็ตระหนักว่ามันดูเหมือนจะเป็นอัญมณีบางอย่าง
เฟรย์เริ่มส่งมานาของเขาเข้าไปในอัญมณี
อูววว
หลังจากนั้นครู่หนึ่งควันสีขาวก็เริ่มพวยพุ่งออกมาจากหินอ่อน
ไม่นานควันก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
มันกลายเป็นเด็กผมเทาตาสีทอง
ทาดาห์!!!!.
มีรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้าของเขาและเขาสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ปราศจากฝุ่นใด ๆ
เขาดูเหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่แกล้งทำตัวเป็นพ่อมด
“อะแฮ่ม! คุณได้ยินฉันไหม? คุณได้ยินไหม -?”
“…”
เฟรย์รู้สึกอยากร้องไห้ในชั่วขณะ มันเป็นเสียงที่เขาคิดถึงมากกว่าที่เขาจะรู้ตัว
ร่างควันมีใบหน้าที่เขาไม่มีวันลืมแม้จะผ่านมาหลายปีแม้ว่าเขาจะติดอยู่ในอเวจีก็ตาม
ชไวเซอร์สโตรว์
เฟรย์รู้ว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาธรรมดาๆ แต่เขาไม่ปกปิดความในใจได้
"…ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"
“ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีที่พบดันเจี้ยนใต้ดินของฉัน! แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคุณมาที่นี่เพื่ออะไร”
“ไอ้ตาแก่ที่ไม่มีจิตสำนึก นายรู้สึกดีที่ทำให้ตัวเองดูเด็กขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ถ้าคุณได้พบที่นี้นั่นหมายความว่าคุณมีความสนใจอย่างมากในการศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์! ยินดีด้วย! ไม่ว่าคุณต้องการอะไรคุณจะพบมันได้ที่นี่! เพราะนี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากดันเจี้ยนของมหานักปราชญ์ ชไวเซอร์สโตรว์! อื้อหือ!”
“นาย…นายตายยังไง?”
พวกเขายืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน
อย่างไรก็ตามเฟรย์รู้สึกว่างเปล่าเพราะร่างของชไวเซอร์เอาแต่พูดไปเรือยๆ
มันไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงของเฟรย์ได้เลย
ชไวเซอร์หัวเราะคิกคักและพูดต่อไป
“แน่นอนว่าฉันไม่สามารถปล่อยให้คุณเข้าไปในสถานที่แบบนี้ได้ง่ายๆ ฉันจะถามคำถามคุณ ถ้าคุณตอบถูก คุณจะสามารถเข้าไปในดันเจี้ยนได้”
“…”
เฟรย์กัดฟันแน่นขณะที่เขารู้สึกว่าน้ำตาไหลอาบแก้ม
4000 ปี
มันช่างยาวนานเหลือเกิน
เป็นเวลานานที่เต็มไปด้วยความเหงาและความเจ็บปวดเท่านั้น แต่เขาก็ผ่านมันมาได้
มันเป็นอุบัติเหตุ แต่สุดท้ายเขาก็ยังมีร่างกาย
เฟรย์เชื่อว่าหลังจากที่เขาผ่านมันมาทั้งหมดแล้วเขาจะทนต่อทุกสิ่งได้
แต่มันไม่เป็นความจริง
ทันทีที่เขาเห็นใบหน้าของชไวเซอร์ ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของเพื่อนเขา เขารู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนติดอยู่ในมหาสมุทรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่าอีกครั้ง
ทุกคนที่เขารู้จักตอนนี้ตายไปหมดแล้ว
“…ไม่”
ทุกคนไม่ได้ตาย
ยังมีเหลืออยู่
ประกายไฟดูเหมือนจะลอยออกไปจากดวงตาของเฟรย์
มันช่างน่าขัน
ครอบครัวเพื่อนและทุกคนที่เขามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดในอดีตล้วนตายไปแล้วและพวกเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่คือศัตรูที่เขาเกลียดชังมากกว่าสิ่งอื่นใดในโลก
“ฉันเกลียดการลากยาวนั้นฉันจะถามทันที!”
ในขณะนั้นเฟรย์รู้สึกเหมือนว่าชไวเซอร์กำลังสบตากับเขาจริงๆ
“ชไวเซอร์ สโตรว์เกลียดอะไรมากที่สุด?”
แม้ว่าเขาจะยังยิ้มอยู่ แต่ก็มีแสงสว่างในดวงตาของเขาที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อน
แน่นอนว่าเฟรย์รู้คำตอบสำหรับคำถามนั้น
ทำไมจะไม่ละ
สิ่งที่ชไวเซอร์เกลียดที่สุดคือสิ่งเดียวกับที่เขาเองก็เกลียด
ใบหน้าของเฟรย์กลายเป็นน้ำแข็ง
จากนั้นเขาก็พูดคำๆหนึ่งราวกับว่าเขาต้องการที่จะทำลายมัน
มันเป็นศัตรูตลอดชีวิตของเขา
ผู้ที่ปิดผนึกเขาลงไปในอเวจี
คนที่ฆ่าเพื่อนของเขาทั้งหมด
“เดมิก็อด”