ตอนที่ 109 ปิดตาของคิง
ตอนที่ 109 ปิดตาของคิง
ไนเรลยืนนิ่งอยู่สักพักหลังจากที่ไม่สามารถตามอูคาได้แล้ว เขาจึงย้อนกลับมาที่เดิม ถึงแม้ว่าบริเวณภูผาลาวาจะพังถล่มลงมา แต่ก็มีเส้นทางอีกหลายเส้นทางที่สามารถออกไปจากที่นี่และเชื่อมต่อไปยังเส้นทางอื่น ๆ ได้อีกมาก
ผ่านไปประมาณ 30 นาที ไนเรลก็กลับออกมาจากภูผาลาวาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าในระหว่างทางจะมีเหตุให้ต้องเจอกับทหารยักษ์เถื่อนที่หนีตายบ้าง แต่พอทั้งหมดเห็นไรเรลพวกมันก็ไม่คิดจะรอไนเรลรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว
แต่แน่นอนว่าไนเรลไม่ได้ปล่อยพวกนั้นไปจึงจัดการส่งพวกมันลงไปคุยกับรากต้นไม้อยู่หลายตน
ขณะนี้ไนเรลกำลังเดินทางด้วยความรีบร้อน แต่ไม่ใช่ไปที่อุโมงค์หลัก หมายเลข 3 แต่เขาต้องไปทำอย่างอื่นก่อนนั้นก็คือไปรับคิงและเด็ก ๆ ทั้ง 3 เพราะหลังจากที่เขาไปที่อุโมงค์หลักแล้วจะฝ่าออกไปในทันทีไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
ไนเรลเดินทางด้วยความเร่งรีบด้วยความสามารถ [ปีกแห่งความตาย B] แต่ในบางครั้งเมื่อเจอกับที่ต่ำ ๆ เขาก็จะใช้ความสามารถ [ราชานักวิ่ง C] จนมาถึงจุดที่คิงและเด็กทั้งสามหลบซ่อนตัวอยู่
แต่เมื่อมาถึงไนเรลก็ต้องขมวดคิ้วเพราะมันมีรอยเท้านับสิบของยักษ์เถื่อน ไนเรลไม่รีรอรีบวิ่งไปที่จุดที่ซึ่งคิงอยู่ทันที
แต่พอไปถึงไนเรลก็ไม่เจอใครอยู่เลย มองจากร่องลอยดูเหมือนว่าพวกมันจะไล่ตามมนุษย์ไปอยู่และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือคิงและเด็ก ๆ ส่วนทิศทางที่หนีไปนั้นก็คือทางที่ไนเรลเคยสร้างห้องหินไว้
ไนเรลวิ่งตามไปทันที แต่ดูเหมือนเขาจะมาช้าไปประตูห้องหินพังทลายลงไปแล้ว
เมื่อเดินมาด้านไนเรลที่เห็นภาพตรงหน้าก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เขารีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที
ด้านในมีสภาพที่พังถล่มลงมา มีศพที่พึ่งตายร่างกายและเลือดยังอุ่น ๆ อยู่ดูเหมือนว่าจะเป็นร่างของเด็กชายและเด็กสาว 10 ขวบสองคนที่ตายโดนหินทับตายไปแล้วโดยมีคิงที่กอดเด็กทั้งสองไว้ แต่สภาพร่างของเขานั้นดูไม่ดีเอามาก ๆ
“เหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้น” ไนเรลพึมพำกับตนเอง แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง
ซึ่งก็ต้องทำให้เขาแปลกใจเพราะคิงยังไม่ตาย แม้ร่างของเขาจะเละไปแล้วครึ่งหนึ่ง
นิ้วของคิงขยับเล็ก ๆ ไนเรลที่เห็นดังนั้นก็รีบยกก้อนหินที่ฝังร่างของเขาออกในอย่างรวดเร็ว
คิงที่ตอนนี้สภาพกึ่งเป็นกึ่งตายเมื่อรู้ว่าเป็นไนเรล เขาก็ชี้ไปทิศทางหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้กับไนเรล ดูเหมือนเขาจะพูดบางอย่างแต่เสียงของมันเบาเป็นอย่างมาก
ไนเรลจึงเอียงหูฟังในสิ่งที่คิงจะพูด
“เซลี่...เซลี่” นี่คือสองคำพูดสุดท้ายของคิงจากนั้นเขาก็เงียบลง หมดลมหายใจไปจากโลกใบนี้
ไนเรลมองไปที่ดวงตาคิงที่ไร้ซึ่งแสงแห่งชีวิตแล้ว เขาไม่สามารถช่วยคิงได้เลย เพราะดูจากสภาพที่ครึ่งร่างเละไปแล้ว คิงเสียเลือดมากเกินไป บางทีมันอาจจะยังคงมีความหวังถ้าใช้โลหิตแห่งชีวิต แต่ไนเรลไม่มีมันอยู่แม้แต่หยดเดียว
เพราะเขาไม่สามารถใช้ความสามารถ [โลหิตแห่งชีวิต A] ได้ในตอนนี้ยังอยู่ใต้ดินแบบนี้ การที่จะใช้ได้นั้นเขาต้องได้รับแสงแรกจากดวงอาทิตย์
ไนเรลปิดตาของคิงจากนั้นก็ถล่มห้องหินแห่งนี้ เพื่อเป็นที่ฝังศพให้กับทั้งสามร่างที่เสียไป จากนั้นก็รีบตามรอยของยักษ์เถื่อนกลุ่มนั้นไปด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
เมื่อไนเรลนึกถึงสองคำพูดสุดท้ายที่คิงฝากไว้นั้นก็คือ เซลี่ ซึ่งเป็นชื่อของเด็กสาวคนโตพี่ใหญ่สุด ที่มักจะคอยดูแลเด็กสองคนที่ตายไปนั้น ดูเหมือนเธอจะถูกพวกนั้นพาตัวไป
......
ในชายป่าที่ไม่ไกลมากนักยักษ์เถื่อนสี่ตนกำลังเดินกลับไปด้วยรอยยิ้ม ที่หลังของยักษ์เถื่อนมีกรงไม้ที่ทำมาจากไม้ง่าย ๆ สะพายไว้อยู่ ในกรงนั้นมีเด็กสาวอายุราว ๆ 14-15 ปี เธอมองไปที่ยักษ์เหล่านั้นด้วยความกลัว แต่มันมีความเสียใจที่อยู่ในแววตานั้นมากกว่าเพราะเธอพึ่งจะเสียคนรอบข้างไป
และเด็กสาวคนนั้นก็คือเซลี่ที่ถูกพวกยักษ์เถื่อนจับตัวมา
“เจ้าว่าเด็กนี่จะขายได้เท่าไหร่ ถ้าขายให้ขุนนางชั้นสูง”
“ข้าไม่รู้ว่ามากเท่าไหร่ แต่ราคาของเด็กมนุษย์นี่ต้องไม่ใช่ถูก ๆ แน่นอน แต่ก่อนหน้านั้นเราควรที่จะเอาไปให้พวกทหารก่อนหรือไม่เพื่อดูว่ามนุษย์นี่มันเกี่ยวอะไรกับคนที่ทหารพวกนั้นตามหาหรือไม่ ข้าว่ามนุษย์ธรรมดาพวกนี้น่าจะมีคนที่ทรงพลังช่วยไว้ไม่อย่างงั้นจะรอดมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร เห็นว่ามีรางวัลเยอะพอสมควรถ้าใครหาเบาะแสของมนุษย์ผู้นั้นเจอ”
“งั้นก็ตกลงตามนั้น แต่ถ้าได้รางวัลข้าขอ 3 ใน 10 ส่วน เพราะถ้าไม่มีสัตว์เลี้ยงของข้าก็คงไม่มีทางพบมนุษย์นี่” ยักษ์เถื่อนร่างใหญ่กล่าวขณะที่โยนเนื้อขึ้นไปบนอากาศทันใดนั้นก็มีค้างคาวตัวใหญ่เท่ากว่า 1 เมตรโฉบมากินเนื้อชิ้นและบินหายไป
ตุบ!
แต่ในจังหวะนั้นเองที่อยู่ ๆ ก็มีเลือดหมดลงมาจากด้านบน พร้อมกับที่ตัวของค้างคาวนั้นร่วงหล่นลงมาอยู่ข้างหน้าของยักษ์เถื่อนทั้ง 4 ตน
“ใคร” ยักษ์เถื่อนผู้เป็นเจ้าของค้างคาวตนนั้นถึงกับตกใจและโกรธมากที่อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาฆ่าค้างคาวสัตว์เลี้ยงของเขา
พวกมันแหงนหน้ามองไปที่ด้านบนก็ต้องตกใจเพราะด้านบนนั้นมีค้างคาวตัวใหญ่ไม่สิต้องบอกว่าเป็นมนุษย์ที่ด้านหลังมีปีกเหมือนค้างคาวบินได้ลอยตัวอยู่
“เจ้าคือ...?” แต่ก่อนที่พวกมันจะพูดจบประโยค พวกมันก็ไม่มีโอกาสได้พูดอีกตลอดไป
......
ไนเรลมองไปที่เด็กสาวที่ตอนนี้ถึงกับน้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นไนเรล หลังจากฟังเรื่องราวจากปากของเด็กสาวไนเรลก็ได้แต่คิดว่าคงจะเป็นโชคชะตาของคิงและเด็กสองคนนั้นที่ตายไป เพราะยักษ์เถื่อนที่เจอพวกเขานั้นเป็นแค่พวกที่ผ่านทางมา ส่วนพวกมันผ่านมาและไปไหนนั้นคงมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้
และพวกคิงและเด็ก ๆ ก็โดนค้างคาวนั้นพบตัวจึงทำให้พวกยักษ์เถื่อนพวกนั้นจับตัวไป แต่เพราะตอนที่พังห้องหินพวกมันลงมือรุนแรงไปทำให้ตายไปสาม รอดมาหนึ่งจึงจับไปแค่เด็กสาว เพราะพวกมันก็ไม่คิดที่จะเอาศพที่ตายแล้วไปทำอะไร
“ช่างเถอะ ถึงยังไงเธอก็รอดมาแล้วดังนั้นพวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ” ไนเรลถอนหายใจมองไปที่เด็กสาวที่ดูจากแววตาตอนนี้จะเศร้าอยู่ แต่ก็พยักหน้าตอบตน
จากนั้นไนเรลก็ส่งเด็กสาวเข้าไปในเงาและบอกให้เธอทนอยู่ในความมืดสักหน่อย เพราะเขากำลังจะไปบุกฝ่าทางอุโมงค์ ถ้าเกิดเธอไม่เข้าไปหลบในนั้นก็คงมีแต่ความตายเท่านั้น เนื่องจากไนเรลก็คงไม่สามารถดูแลเธอได้ตลอดเวลาคงได้แต่ทำแบบนี้เท่านั้น
หลังจากนั้นไนเรลก็รีบกลับไปทางอุโมงค์เพราะเขายังไม่อยากให้พวกยักษ์เถื่อนที่นั่นได้มีเวลาเตรียมตัวมากนัก
......
ก่อนหน้านั้นสักพักทางด้านของอูคาที่หนีกลับมาที่อุโมงค์หมายเลข 3 ที่ด้านล่างของอุโมงค์เต็มไปด้วยกองกำลังยักษ์เถื่อนหลายพันพร้อมด้วยอาวุธอย่างหน้าไม้ยักษ์ พร้อมด้วยศรดำที่ประจำอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ เล็กจากด้านบนลงมาและอีกสารพัดเครื่องมือโจมตี ซึ่งบรรยากาศดูพร้อมรบเป็นอย่างมาก
อูคาที่กลับมาด้วยสภาพแขนขาดไปข้างและใบหน้าที่ซีดขาวก็ทำให้ที่ปรึกษาเรนตกใจพอสมควรว่ามันเกิดอะไรขึ้น
หลังจากทราบเรื่องทั้งหมดจากทหารที่รอดกลับมาได้ ใบหน้าของเขาก็เข้มขึง จากสองร้อยหน่วย ทหารนับพันที่ออกไปกับอูคาหนีรอดกลับมาได้แค่ไม่ไม่ถึง 1 ใน 10
มนุษย์นั้นดูจะไม่ธรรมดาซะแล้ว แต่ก็โชคดีที่ด้วยความที่ที่ปรึกษาเรนรอบคอบจึงแอบรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปทางเบื้องบนแล้ววให้พวกเขาส่งหน่วยพิพากษามา
“หมายความว่าไง เจ้ารายงานเรื่องนี้ให้เบื้องบนรับทราบแล้ว และทางนั้นจะส่งผู้พิพากษามาเป็นไปไม่ได้ผู้พิพากษาจะออกมาได้อย่างไรในเมื่อกำแพงชั้นกลางยังคงขวางกันไม่ให้ระดับที่มากกว่า 4 ออกมา” เมื่ออูคาที่ได้ยินเรื่องที่ที่ปรึกษาเรนแอบรายงานเรื่องนี้ลับหลังเขาก็ต้องตกใจ แต่กลับไม่ได้รู้สึกโกรธ กลับกันเขาเกิดกลัวขึ้นมาแทน
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้แต่พวกเขาบอกว่าจะส่งมาหนึ่งหน่วยและขอแค่ให้พวกเรากักมนุษย์ผู้นั้นไว้ที่โลกใต้พิภพให้ได้ก็พอ ดังนั้นถึงแม้ท่านอูคาจะบาดเจ็บ แต่คงต้องให้ท่านถ่วงเวลา ประมือกับมนุษย์ผู้นั้นอีกรอบ” ที่ปรึกษาเรนพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“เจ้า...” อูคาพูดออกมาแต่ก็ต้องรีบกลืนน้ำลายตนเองลงไป เขามองไปที่ท่านที่ปรึกษาเรน ดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีทางเลือก “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขออยู่ตนเดียวสักพัก”
.....
ผ่านไปราว ๆ 1 ชั่วโมงก็ยังมีทหารยักษ์เถื่อนหนีตายกลับมาที่อุโมงค์หมายเลข 3 มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่แล้วอยู่ ๆ ก็มีคำสั่งลงมาว่าห้ามให้ทหารยักษ์เถื่อนที่หนีตายเข้ามาในด้านในกองกำลัง แต่ให้แยกออกไปรวมอีกด้านหนึ่งจากนั้นให้สอบประวัติเพื่อไม่ให้มีคนที่แอบปลอมตัวมา เพราะดูเหมือนว่าจะมนุษย์นั้นจะกลายร่างเป็นเทพไททันแบบพวกเขาได้
แต่พวกนั้นดูเหมือนจะคิดมากไป เพราะไนเรลนั้นไม่ได้ซ่อนหรือปลอมตัวมาเลยแม้แต่น้อย แต่เลือกที่จะเดินออกมาเผชิญหน้าโดยตรง
“อูคาออกมายอมรับความตายซะ”
เสียงของไนเรลดังก้องกังวานไปทั่วทั้งอุโมงค์หมายเลข 3 ทหารยักษ์เถื่อน และหน้าไม้อาวุธทั้งหมดหันไปทางไนเรลทันที
“มนุษย์ผู้นี้” ท่านที่ปรึกษาเรนมองไปที่ไนเรลอย่างเหลือเชื่อ
อูคาเองก็กลัวเล็กน้อย แต่ก็รีบสงบใจตัวเองลง
“ยิง” เสียงสั่งการของหน้าไม้ยักษ์ที่มีศรดำใส่ไว้ โดยเป้าหมายเป็นไนเรล
ฟิ้ววว!!!
เสียงของหอกที่ยิงออกมาเพื่อหยั่งเชิงไนเรลเป็นเหมือนกับการเปิดฉากการต่อสู้นี้ ไนเรลที่ใช้ความสามารถของตนเองหลบ ศรดำอย่างฉิวเฉียด
แต่ยังไม่ทันที่ศรดำจะปักลงพื้นไนเรลก็คว้าจับไปที่จากนั้นก็อาศัยแรงหมุนตัวปาศรดำไปเป็นเหมือนหอกกลับไปที่หน้าไม้ยักษ์เช่นเคย
ตูม!
ทหารยักษ์เถื่อนที่ควบคุมหน้าไม้ถึงกับหน้าเสีย เพราะศรดำเล่มนั้นคาดออกไปแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น แต่แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะศรดำเล่นั้นกับปักทะลุร่างของยักษ์เถื่อนตนหนึ่ง
“สู้!!!”
“ฆ่ามัน!!!”
เสียงของยักษ์เถื่อนดังขึ้นพร้อมกับที่อูคาสั่งให้ทหารยักษ์เถื่อนที่อยู่พื้นล่าง ถาโถมเข้าใส่ไนเรล
“ย้า!!!” ไนเรลที่มีอยู่เสียงเดียวก็ไม่ยอมตะโกนกลบเสียงของยักษ์เถื่อนพวกนั้นจากนั้นก็กระโจนเข้าไปหาพวกมันเช่นกัน
ครั้งนี้ไม่มีการเล่นเลเหลี่ยมหรือลูกไม้อะไรกันอีก แต่ตอนนี้มันคือสงครามของไนเรลที่ต้องฝ่ายักษ์เถื่อนพวกนี้ออกไปด้านบนให้ได้