ตอนที่ 10 งานเลี้ยงสังสรรค์
ในขณะเดียวกันนี้ เหย่หลิงเฉินก็ได้ฉวยโอกาสดึงจางหยุนซีออกไปจากฝูงชนในช่วงที่เกิดความวุ่นวายนี้
“ขอบคุณนะ เหย่หลิงเฉิน” ?
ถ้าวันนี้เธอไม่ได้เหย่หลิงเฉินมาช่วยไว้ เธอก็นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้ววันนี้เธอจะเป็นอย่างไร
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกน่า เธอเองก็ดีกับฉันมากเหมือนกันตอนเด็ก ๆ ฉันยังจำได้ที่เธอช่วยติวหนังสือให้บ่อย ๆ น่ะ” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
จางหยุนซียิ้มและถามต่ออย่างสงสัยว่า “นี่เธอกลายเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งอย่างแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มันน่าประทับใจมากจริง ๆ”
“ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ฉันรู้ ฉันว่าเธอคงจะพูดได้เลยแหละว่าฉันรู้ทุกอย่างในสวรรค์เบื้องบนและโลกเบื้องล่างจริง ๆ” เหย่หลิงเฉินกล่าวด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
จางหยุนซีปิดปากของเธอเพื่อปกปิดไม่ให้เขาเห็นว่าเธอหัวเราะอยู่ “งั้นฉันขอเลี้ยงข้าวกลางวันเธอเพื่อเป็นการขอบคุณที่เธอช่วยฉันเอาไว้วันนี้นะ”
“ได้เลย” เหย่หลิงเฉินตอบรับ ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะทำให้เขาปฏิเสธอาหารกลางวันจากสาวงามคนนี้
ทั้งคู่เดินอยู่ริมถนนอย่างเงียบ ๆ ราวกับคู่รัก ไม่มีใครต่างแนะนำว่าให้นั่งรถไป เหย่หลิงเฉินแอบมองจางหยุนซีภายใต้แสดงแดดจ้า เขาสามารถมองเห็นความละเอียดงดงามบนใบหน้าของเธอจนทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
พวกเขามาถึง New City Plaza ซึ่งเป็นศูนย์รวมเด็กชายหญิงหน้าตาดีมากมายในชุดนักเรียนที่กำลังเดินเล่นอยู่ พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ช่างเป็นภาพที่สวยงามอะไรแบบนี้
ที่นี่มีร้านอาหารทุกประเภททั้งร้านขายสเต็ก อาหารทะเล บาร์บีคิว และอาหารตะวันตก อย่างไรก็ราคาก็สูงใช่เล่นเหมือนกัน ทันใดนั้นเองเหย่หลิงเฉินก็จำได้เกี่ยวกับภูมิหลังฐานะครอบครัวของจางหยุนซี เขาจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “หยุนซี นี่เราไม่ได้เจอกันมานานมากแล้วเนอะ ทำไมไม่ให้ฉันเลี้ยงเธอแทนล่ะ”
“อะไรกัน นี่เธอกำลังดูถูกฉันอยู่เหรอหื้ม?” จางหยุนซีเย้ยหยัน “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่บ่อย ฉันมีเงินเก็บพอที่จะเลี้ยงเธอได้น่า”
“งั้นฉันจะยอมให้เธอเลี้ยงก็ได้” เหย่หลิงเฉินกล่าวต่ออีกว่า “ฉันรู้จักร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากที่นี่ ทำไมเราไม่ไปกินร้านนั้นกันล่ะ”
จางหยุนซีดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย
“นับประสาอะไรกับก๋วยเตี๋ยว ฉันพนันได้เลยว่าแม้แต่น้ำก็ยังมีรสชาติหวานสำหรับฉันเพราะได้นั่งกินกับเธอ” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างเร่งรีบก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปด้านในของพลาซ่า
จางหยุนซีหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินชั่วครู่ก่อนที่เธอจะเดินตามไป
เหย่หลิงเฉินมองไปที่สาวสวยที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาขณะที่เขากำลังกินบะหมี่ เขารู้สึกอิ่มเอมมากและกินบะหมี่หมดภายในเวลาไม่นานโดยไม่เหลือน้ำซุปเลยแม้แต่หยดเดียว เขาเลียริมฝีปากและนึกถึงรสชาติบะหมี่ที่ถูกใจชามนี้พลางนั่งมองหน้าสาวสวยตรงข้ามเขา
...
“เฮ้หยุนซี บังเอิญจัง!”
เสียงที่ฟังแล้วไม่คุ้นเคยนี้ทำให้เหย่หลิงเฉินหลุดออกมาจากภวังค์ หญิงสาวผู้ดูชื่นชอบแฟชั่นและรักการแต่งตัว เธอใส่ชุดสีแดงสุดเปรี้ยวยืนอยู่ข้างนอกร้าน หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ก้าวเข้ามาในร้านก๋วยเตี๋ยวด้วยความมั่นใจ
เธอแต่งหน้าหนาและประดับประดาด้วยเครื่องประดับแฟนซี เอวของเธอช่างเรียวเล็ก ทุกย่างก้าวของเธอสะกดไปที่ทุกสายตาของชายหนุ่มในร้าน เธอช่างดูงดงามและเซ็กซี่อะไรเช่นนี้
จางหยุนซีเป็นเหมือนแอปเปิ้ลที่ยังไม่สุก ในขณะที่ผู้หญิงคนนี้สุกงอมเต็มที่จนสามารถที่จะคั้นน้ำออกมาจากเธอได้
ผู้คนที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในร้านเริ่มหันเหความสนใจมามองดูเธอด้วยความงุนงง
ผู้หญิงคนนี้ทำตัวราวกับว่าเธอเคยชินกับทุกสายตาที่จับจ้องมาที่ตนเองเป็นประจำ ในทางตรงกันข้ามเธอดูเหมือนจะเพลิดเพลินและชื่นชอบที่จะเป็นจุดสนใจแบบนี้ เธอจะมองไปที่บางคนบ้างเป็นครั้งคราว ช่างน่าหลงใหลอะไรปานนี้
“พี่กงเหว่ย! บังเอิญจัง!!” จางหยุนซีทักทาย อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกเหมือนเธอก็กำลังถูกจับจ้องอยู่เช่นเดียวกัน
“หยุนซี ถ้าฉันรู้ว่าเธอจะมาที่นี่ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอเอง บะหมี่นี่ไม่ได้มีคุณค่าทางโภชนาการหรอก มีร้านอาหารทะเลอยู่ข้าง ๆ วัตถุดิบสดใหม่มาก ค่าอาหารประมาณ 500 หยวนต่อคน มา ไปกินกัน ฉันเลี้ยงเอง” หญิงสาวกล่าวอย่างยิ้มแย้มหลังจากที่เธอมานั่งข้าง ๆ ถัดจากจางหยุนซีโดยไม่ได้รับเชิญ
“ไม่เป็นไรพี่ ฉันมากับหลิงเฉินน่ะ” จางหยุนซีส่ายหัว
“พี่กงเหว่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”
กงเหว่ยเป็นลูกพี่ลูกน้องของจางหยุนซี เธอมาจากหมู่บ้านเดียวกันกับเหย่หลิงเฉิน ใบหน้าของเธอดูมีความละม้ายคล้ายกับจางหยุนซีเพียงเล็กน้อย
เหย่หลิงเฉินอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่ายีนตระกูลของจางหยุนซีช่างทรงพลังจริง ๆ กงเหว่ยเป็นสาวสวยที่มีใบหน้าที่งดงามเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันแค่เพียงอารมณ์และนิสัยของเธอเท่านั้น เธอเป็นคนที่ดูจะเปิดเผยมากกว่าจางหยุนซี เธอเคยเดทกับแฟนหนุ่มสองสามคนจากครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่เธอเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และเธอมักจะแต่งตัวหรูหราด้วยเสื้อผ้าหรูแบรนด์เนม รวมถึงกระเป๋าในมือของเธอนั้นก็มีมูลค่ามากกว่า 10,000 หยวน
ว่ากันว่าเธอเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว เธอเคยแสดงภาพยนตร์ 2-3 เรื่อง และเคยรับบทเป็นตัวประกอบหญิงมาก่อน
ในขณะเดียวกันกงเหว่ยจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เธอพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “อ้าวหลิงเฉินนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เธอสามารถเลี้ยงอาหารแค่นี้ให้กับหยุนซีได้”
“พี่กงเหว่ย ฉันเป็นคนเลี้ยงเขาน่ะ วันนี้เขาช่วยเหลือฉันอย่างมากเลย” จางหยุนซีกล่าวด้วยความลำบากใจ
“อะไรนะ? เธอเลี้ยง?!” กงเหว่ยมีท่าทีการแสดงออกที่เปลี่ยนไปอย่างมาก สายตาของเธอจ้องมองด้วยความดูถูกเหยียดหยามไปที่เหย่หลิงเฉิน “หยุนซี มากับฉัน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเป็นการส่วนตัว”
กงเหว่ยดึงจางหยุนซีไปที่ห้องน้ำโดยไม่ฟังคำอธิบายใด ๆ เพิ่มเติม หลังจากนั้นไม่นาน เธอกล่าวด้วยความจริงจังและตั้งใจว่า “หยุนซี ฉันผ่านมาหมดละ ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอจะต้องเลือกคบคนให้ถูก คนบางคนก็ช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้ หนำซ้ำพวกเขายังอาจจะพาเรื่องเดือดร้อนมาให้อีก นี่มันเรียกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่ไร้ประสิทธิภาพ เธอยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอจะต้องไปคบกับพวกผู้ชาย!”
“พี่กงเหว่ย หลิงเฉินเขาเป็นคนดี วันนี้เขาช่วยฉันเอาไว้นะ!” จางหยุนซีเน้นย้ำอีกครั้ง
"คนดี? ไม่มีผู้ชายหน้าไหนเป็นคนดีหรอก! เธอไม่ใช่เด็กแล้วนะ อย่าทำตัวไร้เดียงสา จากนี้ไปผู้ชายจะดีก็ต่อเมื่อเขาให้เงินเธอเท่านั้นแหละ เข้าใจไหม“กงเหว่ยโกรธมากเพราะเธอรู้ว่าจางหยุนซีสามารถหาผู้ชายได้ดีกว่านั้น”เธอควรรู้เอาไว้ถึงฐานะครอบครัวของเขาด้วย ฉันว่ารายได้ต่อปีของครอบครัวเขายังไม่พอที่จะซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับบนตัวฉันตอนนี้ได้เลย”
“ถ้าเราไม่ได้โตและอยู่มาในหมู่บ้านเดียวกันนะ ไอ้เด็กเวรนี่ยังไม่มีค่าพอที่จะมาเป็นคนใช้ของฉันด้วยซ้ำ!” กงเหว่ยกล่าวต่อ
จางหยุนซีเริ่มโกรธ เธอพูดด้วยความโมโหว่า “พี่กงเหว่ย! ฉันจะไม่ยอมให้พี่มาพูดถึงเพื่อนของฉันแบบนี้หรอกนะ!”
“อะ ก็ได้ ฉันจะไม่พูดถึงเขาตอนนี้ก็ได้” กงเหว่ยพูดต่อ “แล้วนี่เธอจะให้คำตอบเรื่องนั้นกับฉันได้รึยัง? แค่เธอตกลง เธอก็จะได้เป็นตัวประกอบหญิง และนักแสดงนำหญิงในภาพยนตร์เรื่องต่อไปได้เลยนะ อย่างเธอน่ะไปได้ไกลแน่ ๆ”
“พี่กงเหว่ย ฉันว่าฉันจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก่อนน่ะ” จางหยุนซีกล่าว หลังจากที่เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“โอ๊ยย เธอนี่มันดื้อจริง ๆ!! นี่เธอคิดว่าเธอเรียนมหาวิทยาลัยแล้วจะรวยได้ไหม? แม้แต่อธิการบดีก็ยังอยากให้เธอเป็นคนดังเลย!” กงเหว่ยหยุดไปชั่วขณะ “นี่ คืนนี้จะมีงานสังสรรค์กัน เธอต้องมากับฉันด้วย! ผู้จัดหวังไม่ได้ชมหรือชอบใครง่าย ๆ นะ แต่เขาชมและชอบเธอ! อย่าปล่อยโอกาสนี้ไปล่ะ!”
10 นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็กลับไปที่โต๊ะ
“ไปงานสังสรรค์ ???” เหย่หลิงเฉินมองไปที่จางหยุนซีด้วยความประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขาเป็นพวกไม่ค่อยชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่
จางหยุนซีพยักหน้าและวิงวอนโดยกล่าวว่า “ใช่ ฉันว่าฉันคนเดียวไม่รอดแน่เลย เธอไปกับฉันได้ไหม”
“เอ่อ... เอางั้นก็ได้” เหย่หลิงเฉินหยักหน้าตอบรับ
“หึหึ เป็นแบบนี้แล้วงั้นเราต้องมาร่วมมือกันแล้วแหละ” กงเหว่ยลอบมองเหย่หลิงเฉินด้วยสายตาที่ดูถูก ‘หึ คนจน ๆ แบบนี้เนี่ยนะ กล้าดียังไงถึงจะไปงานสังสรรค์นี้ ฉันล่ะอยากเห็นจริง ๆ ว่าแกจะทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าได้แค่ไหน!’
ต่อมาในช่วงบ่าย กงเหว่ยได้ซื้อชุดและเครื่องประดับให้จางหยุนซีด้วย ทั้งสามคนช็อปปิ้งกันอย่างคึกคักจนเดินออกจาก New City Plaza เวลา 4 โมงเย็น และเข้าไปในรถของกงเหว่ยพร้มออกเดินทาง
กงเหว่ยขับรถมินิคูเปอร์สีแดง ซึ่งเป็นรถไซส์ไม่ใหญ่ เหย่หลิงเฉินจึงทำได้แค่เบียดตัวเองเข้าไปที่เบาะหลังคนเดียว
กงเหว่ยอายุมากกว่าเหย่หลิงเฉิน 4 ปี แต่อย่างไรก็ตามเธอสวมใส่เสื้อผ้าหรูหราตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอมีรถและบ้านหรูหรา เธอใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยอย่างหาที่เปรียบมิได้ เธอสวย รวย เริ่ด เป็นอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเพื่อน ด้วยเหตุนี้เธอจึงทำตัวเป็นพี่สาวที่คอยแนะแนวทางในชีวิตของจางหยุนซีมาโดยตลอด
บรรยากาศบนรถเงียบสงัด ไม่มีใครพูดจากัน รถชะลอตัวลงทีละน้อยหลังจากขับมาครึ่งชั่วโมง อาคารสีทองปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา แสดงสีทองส่องประกายระยิบระยับภายใต้การส่องสว่างของดวงอาทิตย์
เขตไฮ่เหลียงตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับเมืองรูเกา อาคารสีทองที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองไฮ่เหลียงรู้จักกันในชื่อว่า “Gold Tycoon”
แค่เห็นตัวอาคารสีทองแห่งนี้แล้วก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเจ้าของได้อย่างลึกซึ้ง
มีรถหลายคันจอดอยู่รอบ ๆ บริเวณ Gold Tycoon เหย่หลิงเฉินมองดูและสังเกตว่ารถเหล่านี้ล้วนมีแต่ยี่ห้อ Mercedes Benz, BMW และรถหรูยี่ห้ออื่น ๆ
“ถ้าเข้าไปข้างในแล้วอย่าเดินไปไหนมาไหนตามใจชอบและเที่ยวพูดจาอย่างไม่คิดล่ะ! ฉันจะแนะนำเธอให้กับแขกในงาน แขกที่ได้รับเชิญมางานนี้มีแต่คนระดับท็อป ๆ ทั้งนั้น ร่ำรวย มีอำนาจ เป็นนักธุรกิจใหญ่โตและข้าราชการระดับสูงทั้งนั้น มีทั้งนักลงทุน ผู้ผลิตภาพยนตร์ และเซเล็บด้วย นี่แหละวันนี้เป็นวันที่เธอจะได้ทำความรู้จักกับพวกเขาซะ” กงเหว่ยพูดกับจางหยุนซี
การออกแบบภายในของ Gold Tycoon นั้นหรูหรามาก โคมระย้าขนาดใหญ่ราคาแพงห้อยลงมาจากเพดานสูง เสาขนาดใหญ่ล้อมรอบห้องและมีภาพวาดหายากล้ำค่าทุกประเภทแขวนอยู่บนผนัง ที่สำคัญที่สุดคือขนาดของห้องโถงใหญ่กว่าหลายพันตารางเมตรเป็นอย่างน้อย
ปัจจุบันห้องโถงทั้งห้องสว่างไสว ผนังสีทองสะท้อนแสงสีทองอย่างยิ่งใหญ่ เราสามารถใช้คำว่ามั่งคั่ง สวยงาม ยิ่งใหญ่ โอ่อ่า และหรูหราเพื่ออธิบายสถานที่แห่งนี้ เหล้าและขนมหวานชื่อดังทุกประเภทได้วางกระจายอยู่ตรงกลางห้องโถง พนักงานเสิร์ฟชายและพนักงานเสิร์ฟหญิงที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีกำลังรินและส่งเครื่องดื่มให้กับแขกที่แผนกต้อนรับด้วยรอยยิ้มตลอดทาง
เหย่หลิงเฉินมองขึ้นไปและพบว่ามีคนจำนวนมากที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคนในห้องโถง พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนานในกลุ่มเล็ก ๆ ผู้ชายทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดสูทและเครื่องหนังคล้ายกับคนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ผู้หญิงแต่งตัวด้วยท่าทางที่ยั่วยวนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และเปิดเผยเรือนร่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“รอฉันอยู่ตรงนี้ก่อน อย่าเดินไปไหนล่ะ ฉันจะไปทักทายเพื่อนของฉันสักสองสามคน” กงเหว่ยหยิบเครื่องดื่มจากพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้ ๆ เธอโยกเอวเรียวขณะเดินเข้าไปในฝูงชน
“หลิงเฉิน เธอว่าฉันแต่งตัวดีแบบนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง ดีหรือเปล่า...” ถามจางหยุนซีอย่างกังวลในขณะที่เธอตรวจสอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เธอแต่งกายด้วยชุดเดรสเปิดไหล่สีขาวบริสุทธิ์ กระดูกไหปลาร้าที่สวยงามของเธอสามารถมองเห็นได้อย่างคลุมเครือ วัสดุของชุดของเธอเป็นสีขาวจนดูโปร่งใสเกือบ ชุดของเธอสะท้อนแสงคล้ายกับปีกนางฟ้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เปิดออกเลย ชายเสื้อด้านล่างของชุดของเธอมีรอยแยก มันเปล่งประกายออกมาอย่างสง่างามและเผยให้เห็นเรียวขายาวและเรียวยาวของหญิงสาวราวกับหยก ส่วนมุมของชุดประดับด้วยเพชร เพชรที่เปล่งประกายเปรียบได้กับหยดน้ำค้างที่สวยงามนับไม่ถ้วน
หลังจากที่เธอปฏิเสธชุดเปลือยอกนับไม่ถ้วนมานี้ นี่เป็นชุดเดียวที่จางหยุนซีตกลงที่จะใส่ อย่างไรก็ตามเธอก็ยังรู้สึกอึดอัดและแปลกมากอยู่ดี
“เธอสวยมาก เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในห้องโถงนี้” เหย่หลิงเฉินยกย่องอย่างจริงใจ
เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะแสดงความคิดเห็นเกินจริงแม้แต่น้อย จางหยุนซีสง่างามราวกับดอกกล้วยไม้ เธอเป็นคนเรียบง่ายสง่างามและบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความงามภายนอกหรือความงามภายใน ผู้หญิงมากมายในที่นี้ก็เทียบเธอไม่ได้ทั้งนั้น
หลายสายตานับสิบ ๆ คู่จับจ้องเขม็งมาที่จางหยุนซีเป็นครั้งคราว ผู้หญิงที่นี่แทบจะกินเธอเข้าไปอยู่แล้ว
เหย่หลิงเฉินก็กลายเป็นจุดสนใจด้วยเช่นเดียวกันเนื่องจากการปรากฏตัวของหยุนซี
เขาเป็นคนเดียวที่แต่งกายด้วยชุดสูทราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับทุกคนในที่นี้ และที่สำคัญที่สุดคือเขามาพร้อมกับผู้หญิงที่สวยที่สุด มันยากมากที่จะไม่ให้เขาและเธอตกเป็นจุดสนใจ
เหย่หลิงเฉินก็ยังทำตัวง่าย ๆ สบาย ๆ แม้ว่าจะถูกจ้องมองจากผู้คนเหล่านี้ เขากินของหวานอย่างใจเย็น “หยุนซี อย่าไปสนใจสายตาพวกเขาเลย คิดว่าพวกเขาเป็นหุ่นไล่กาเถอะ นี่ ขนมพวกนี้น่ากินมากนะ เธออยากลองไหม”
“ได้เลยย” จางหยุนซียิ้มขณะที่ใจของเธอสงบลงเล็กน้อย
…
กงเหว่ยเดินไปที่กลุ่มเพื่อนของเธอที่เป็นกลุ่มหญิงสาวที่แต่งตัวทันสมัยและหรูหรา
“กงเหว่ยนั่นน้องสาวของเธอหรือ เธอสวยอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ช่างดูดีจริง ๆ”
“แหม เธอนี่เป็นพี่สาวที่ดีจริง ๆ เลยนะ มาหาเสี่ยให้น้องสาวของเธอล่ะสิ”
“นั่นแฟนของน้องเธอเหรอ คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ น่ะ.. เขาดู... กระจอกจัง”
กงเหว่ยหัวเราะเยาะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ไร้สาระน่ะ นั่นไม่ใช่แฟนของเธอ พวกเขาอยู่หมู่บ้านเดียวกันและโตมาด้วยกันน่ะ ตอนเด็ก ๆ มักจะไปไหนมาไหนกับน้องของฉันตลอด อย่างกับหมามองเครื่องบิน!”
"โอ้ แย่แล้วล่ะแบบนี้ เธอต้องเตือนน้องเธอด่วนเลยนะว่าอย่าไปยุ่งกับไอ้พวกขี้แพ้แบบนี้ ไม่งั้นชีวิตน้องเธอพังแน่ ๆ”
“ถูกต้อง เด็กผู้หญิงแบบนี้ใสซื่อและเชื่อในเรื่องของความรักมาก เธอจะถูกความหลงใหลทำให้หน้ามืดตามัวแน่”
กงเหว่ยพยักหน้า “ฉันพาเธอมาด้วยเพราะจะได้ให้เธอมาเปิดโลกและฉันตั้งใจจะแนะนำเธอให้รู้จักกับผู้จัดหวัง”
“ผู้จัดหวัง???”
พวกผู้หญิงเล่านั้นจ้องตากันอย่างรวดเร็วราวกับว่าความคิดของพวกเธอได้สื่อถึงกันแล้ว
กงเหว่ยเป็นนางบำเรอของผู้จัดหวัง อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าผู้จัดหวังไปติดพันอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง กงเหว่ยไม่พอใจมาก เธอจึงเตรียมรับมือด้วยการพบน้องสาวของเธอมาเข้าสังกัด
...
? ติดตามผลงานและข่าวสารก่อนใครได้ที่
Facebook : June6 Translate นิยายแปลไทย
Thank you ?
June6