Chapter 223 - 224: อีกยก, ทายาทตระกูลเศรษฐี
Chapter 223: อีกยก
มีเพียงเลขาของอ้ายกวงเหยาและทนายที่รู้ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ คนอื่นยังไม่มีใครรู้ความจริง
ดังนั้น หลี่เซ่อเหวินมองไปที่คนงานสองคนที่ดูกระตืนรือร้นจนผิดสังเกต ทั้งคู่ดูผิดหวังที่มีคนงานลาออกแค่เจ็ดคน
“ทำไมพวกแกไม่ออกไปด้วยกันตอนนี้ล่ะ? อยากเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุอีกเหรอ?”
“ใช่ อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
ได้ยินผู้ชายสองคนพูดแบบนั้น คนงานที่เหลือก็รู้สึกอยากออกด้วย
ในขณะนั้นหลี่เซ่อเหวินก็เอ่ยปากว่า “พวกคุณได้รับเงินเดือนแล้ว หากยังปั่นป่วนต่อไป เราสามารถฟ้องร้องพวกคุณได้”
ทั้งสองปิดปากทันที พวกเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ที่เหลือก็ช่างเถอะ
“อีกอย่าง ถ้าออกจากเจิ้งหัวไปแล้ว จะไม่ได้กลับเข้ามาทำงานที่นี่อีก ใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะออก” หลี่เซ่อเหวินพูดเสริม
คนงานลังเลอีกครั้ง
ไม่กี่วันต่อมามีข่าวลืออีกว่า เจิ้งหัวเรียลเอสเตทกำลังจะล้มละลาย บริษัทได้ทุ่มเงินจำนวนมา แต่โครงการเกิดติดขัด มีแนวโน้มว่าจะล้มละลาย
ตอนนี้มีความคิดเห็นแตกออกเป็นสองเสียง บางคนบอกว่าเจ้าของคนใหม่ที่สามารถซื้อบริษัทได้ภายในเวลารวดเร็ว แสดงว่าต้องเป็นคนมีเงินทุนหนาพอสมควร ดังนั้นเจิ้งหัวไม่ล้มละลายแน่นอน
ณ ขณะนี้ เจิ้งหัวเรียลเอสเตทกลายเป็นที่สนใจ
รัฐบาลส่งคนมาสอบสวนคดีนี้ด้วย
ข่าวลือดังกล่าวไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเจิ้งหัว แต่ยังส่งผลกระทบต่อรัฐบาลด้วย เนื่องจากรัฐบาลได้ขายที่ดินนี้ให้กับเจิ้งหัว หากข่าวลือเป็นจริง แสดงว่ารัฐบาลตัดสินใจผิด
คดีนี้ยังไม่จบ ไชต์ก่อสร้างจึงหยุดพักชั่วคราว คนงานก่อสร้างทั้งหมดได้หยุดพักร้อนและจะได้รับแจ้งให้กลับมาทำงานต่อในภายหลัง
วันนี้เป็นวันเกิดฉู่เพ่ยหาน เธอจองโรงแรมห้าดาวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังเลิกเรียนจึงค่อยพากันไป
อ้ายยี่ยังอารมณ์ไม่ดีเพราะข่าวลือแย่ๆของเจิ้งหัว ถึงแม้เจิ้งหัวจะไม่ได้เป็นของครอบครัวเขาแล้ว แต่พ่อของเขายังทำงานที่นั่นอยู่ อย่างไรก็ตามวันนี้เป็นวันเกิดของฉู่เพ่ยหาน เขาไม่อยากพลาด อีกอย่างเรื่องนี้เขาทำอะไรช่วยพ่อไม่ได้
เพื่อนๆปลอบใจเขาว่า เจ้านายตัวจริงของเจิ้งหัวจะหาทางจัดการกับปัญหานี้ได้แน่ หากพ่อของเขาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อ้ายยี่จึงสบายใจได้บ้างนิดหน่อย
ฉู่ซวนเฟิงไม่ได้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของฉู่เพ่ยหานเพราะเขาติดงาน ในฐานะผู้นำจู่ชิวกรุ๊ป ฉู่ซวนเฟิงกำลังยุ่งกับการจัดการธุรกิจ เขาแทบจะไม่ได้อยู่ในเมือง F ฉู่ซวนเฟิงหงุดหงิดที่ไม่ได้ไปร่วมงานวันเกิดน้องสาว แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เขาจึงทำใจปล่อยผ่านไปได้ ค่อยชดเชยให้น้องสาววันหลัง
ยกเว้นกู้หนิง ทุกคนที่เหลือไม่ทราบภูมิหลังของฉู่เพ่ยหาน รู้แค่ว่าเธอมีพี่ชาย แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่เธอทำงานอะไร
พวกเขากลายเป็นเพื่อนกัน เพราะมีความสนใจร่วมกัน ไม่ใช่เพราะครอบครัว
ทุกคนมอบของขวัญให้ฉู่เพ่ยหานก่อนกินข้าว กู้หนิงในฐานะลูกพี่ใหญ่ เธอจึงเป็นคนแรกที่ต้องมอบของขวัญ แต่กู้หนิงดันพูดว่า “ฉันไม่ได้เอาของขวัญมาด้วย”
“อะไรนะ? ไม่นะ บอส เธอบอกว่ามีของขวัญล้ำค่าให้ฉัน! เธอรู้ไหมว่าฉันตื่นแต้นแค่ไหนที่ได้ของขวัญจากเธอ” ฉู่เพ่ยหานหน้ามุ่ย อารมณ์เสีย
คนที่เหลือไม่รู้จะกอบกู้สถานการณ์นี้อย่างไร พวกเขาไม่เชื่อว่ากู้หนิงไม่ได้เอาอะไรติดมือมาด้วย
“เธอเคยพูดว่าไม่สนใจของขวัญ” กู้หนิงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันแค่ล้อเล่น เธออย่าถือเป็นจริงเป็นจังสิ!” ตอนนี้ฉู่เพ่ยหานน้ำตาคลอเบ้าแล้ว เธอเข้าใจแล้วว่ายิงถูกเท้าตัวเองรู้สึกยังไง วันนี้เป็นวันเกิดเธอ และเธอตั้งหน้าตั้งตารอของขวัญ!
“นี่ นี่ ฉันก็ล้อเล่นเหมือนกัน” กู้หนิงหัวเราะ จากนั้นก็ล้วงเอากล่องของขวัญออกมาจากกระเป๋า
เมื่อได้ยินเช่นนั้นใบหน้าของฉู่เพ่ยหานก็สว่างขึ้นทันที “บอส ฉันรู้อยู่แล้ว!”
ทุกคนทำหน้าเหลื่อเชื่อ
ฉู่เพ่ยหานคว้าเอากล่องจากมือกู้หนิงอย่างไม่รอช้า กู้หนิงยิ้มเบาๆ
เธอเปิดกล่องของขวัญออกทันที เป็นจี้หยกรูปกระต่าย
ฉู่เพ่ยหานไม่สนใจอัญมณี แต่มันเป็นของขวัญจากกู้หนิงและมีชื่อเธอสลักอยู่ด้วย ดังนั้นเธอจึงชอบมันมาก
“นี่คืออะไรน่ะ?”
ทุกคนเข้ามามุงดู
“เป็นจี้หยกรูปกระต่าย บอส นี่ใช่ไหมที่เธอถามราศีของเรา เธอจะทำจี้หยกให้พวกเรา?” ฮ่าวหรันถาม
“จริงหรอ?” ทุกคนหันมามองกู้หนิง
“พวกนายฉลาดมาก ใช่แล้ว ฉันเตรียมจี้หยกให้ทุกคน แต่วันเกิดของเพ่ยหานมาถึงก่อน ของเธอเลยเสร็จเป็นคนแรก ส่วนของคนอื่นต้องรออีกหน่อย” กู้หนิงตอบ
ทุกคนดีใจ จากนั้นฉู่เพ่ยหานก็ได้ของขวัญหลายชิ้นจากเพื่อนๆ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ไปยังบาร์ V5 เพื่อหาความสนุก หลังจากเกิดเรื่องครั้งก่อน บาร์ V5 ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ตอนนี้ทุกคนรู้กันทั่วว่าบาร์ V5 มีแก๊งฉิงหนุนหลัง
ถึงจะมีบางคนกลัวแก๊งฉิง แต่คนสวนใหญ่คิดว่าบาร์ V5 นั้นปลอดภัย
พวกกู้หนิงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่บาร์นานมากนัก ดื่มนิดๆหน่อยๆ ฉู่เพ่ยหานชวนเพื่อนไปกินมื้อดึก
ทันทีที่ก้าวขาออกจากบาร์ พวกกู้หนิงก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน
เด็กหนุ่มและเด็กสาวคนหนึ่งกำลังโต้เถียงกับเด็กสาวอีกคน พวกเขาทั้งหมดมีอายุประมาณสิบเจ็ดปี
“ซูอันย่า พอได้แล้ว! ฉันบอกเธอแล้วว่าพวกเราเลิกกันแล้ว หยุดตามฉันสักที!” เด็กหนุ่มตะคอกใส่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความโมโห
Chapter 224: ทายาทตระกูลเศรษฐี
“เกาอู๋เซิน ทำไมนายหน้าไม่อายอย่างนี้! ถ้าไม่ชอบฉันก็เลิกกับฉันก่อนหน้านี้สิ ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ทำไมต้องคบผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกันด้วย และทิ้งฉันทันทีที่ฉันรู้เรื่อง นายคิดว่าฉันเป็นใคร? เป็นของเล่นในสายตานายงั้นเหรอ?” ซูอันย่าตะโกนใส่อย่างโกรธเกรี้ยว
เด็กสาวที่ชื่อซูอันย่าไม่ได้ดูเศร้า แต่ดูหัวเสียมากกว่า
กู้หนิงรู้สึกได้ว่าคนที่ชื่อซูอันย่าก็บ้าเหมือนกัน
“ซูอันย่า แล้วเธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกันล่ะ? เธอก็แค่ผู้หญิงสวยที่เรียนเก่ง แล้วไงล่ะ อู๋เซินเป็นถึงทายาทตระกูลเศรษฐี ส่วนครอบครัวเธอก็ธรรมดามาก เธอไม่คู่ควรกับเขาสักนิด และเธออยู่กับเขาก็เพราะเขารวยใช่ไหมล่ะ? เป็นเกียรติมากแค่ไหนแล้วที่เขาลดตัวไปคบกับเธอตั้งหกเดือน ตอนนี้ฉันเป็นแฟนของเขาย่ะ” เด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างเกาอู๋เซินเชิดหน้าพูดภูมิใจ
“พล่ามอะไรไม่ทราบ เป็นเกียรติของเขามากกว่าที่ได้คบกับฉัน เขาเป็นทายาทตระกูลเศรษฐีแล้วไงล่ะ? ฉันไม่สนว่านายจะเล่นกับผู้หญิงคนอื่นยังไง แต่นายต้องรับกับผลที่มาล้อเล่นกับความรู้สึกของฉัน!” ซูอันย่าตบหน้าเกาอู๋เซินทันทีที่พูดจบ
เกาอู๋เซินไม่มีเวลาหลบ เขาถูกซูอันย่าตบหน้าหัน
“ซูอันย่า แกบ้าไปแล้วเหรอ?!” เด็กสาวอีกคนตะโกน
“ส่วนนี่สำหรับเธอ!” จากนั้นซูอันย่าก็เงื้อมือตบหน้าเด็กสาวอีกคน
ยังไม่ทันที่ซูอันย่าจะถอนมือออกมา เกาอู๋เซินก็ผลักเธออย่างแรง ซูอันย่าล้มลงไปกลางถนน ในตอนนั้นเอง มีรถคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง จะเบรกก็เบรกไม่ทันแล้ว
ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างตื่นตกใจ
รถเกือบชนซูอันย่า ทุกคนได้แต่ยืนนิ่ง ในเสี้ยววินาทีมีมือคู่หนึ่งคว้ามือของซูอันย่า ดึงเธอกลับไปที่ทางเท้าโดยไม่ลังเล
รถคนนั้นเบรกเสียงดังเอี๊ยดดด ถ้าหากซูอันย่าไม่ถูกดึง เธอคงถูกรถชนกระเด็น
ทุกคนมองไปที่คนที่เพิ่งช่วยซูอันย่าด้วยความชื่นชม ซูอันย่ากลัวมากและตัวสั่นด้วยความตกใจ เธอแทบยืนไม่อยู่
และคนที่เพิ่งช่วยซูอันย่าคือกู้หนิง
“บอส ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เพื่อนๆของกู้หนิงวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา แม้ว่ากู้หนิงจะดูไม่เป็นไร พวกเขาก็อดห่วงไม่ได้
“ไม่เป็นไร” กู้หนิงตอบ
เมื่อเห็นซูอันย่าปลอดภัย เกาอู๋เซินก็โล่งอก แต่ไม่คิดจะขอโทษ เขาและเด็กสาวอีกคนเดินหนีไป
“เดี๋ยว!” กู้หนิงหยุดเขา ถึงเรื่องนี้เธอจะไม่เกี่ยว ก็อดอยากด่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้
“มีอะไร?” เกาอู๋เซินทำหน้าไม่พอใจ
“นายเกือบฆ่าคนตาย แต่กลับเดินหนีไปง่ายๆเนี่ยนะ?” กู้หนิงถามเสียงเย็น
“เธอก็ไม่ได้เป็นไรแล้วนี่”
“เธอไม่เป็นไรเพราะฉันช่วยเธอไว้ทัน แต่นายจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้” กู้หนิงพูด
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขาไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด
“นายควรขอโทษ!”
“เธอ...” เกาอู๋เซินหงุดหงิด “เธอเป็นใคร? คิดว่าตัวเองเป็นใคร?”
“นั่นไม่สำคัญ ประเด็นคือนายควรรู้สึกละอายกับสิ่งที่ตัวเองทำ!” กู้หนิงพูดด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่ แล้วเธอจะทำอะไรฉัน?” เกาอู๋เซินหยิ่งผยอง และเบนสายตามองซูอันย่าด้วยสายตารังเกียจ เขารู้ว่าซูอันย่าทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
ซูอันย่าได้สติกลับมาแต่ยังคงตกใจอยู่ เมื่อเห็นเกาอู๋เซินไม่สำนึก ตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกโมโหมากกว่าเดิม “เกาอู๋เซิน อู๋ซินหยู วันหนึ่งฉันจะให้พวกแกสองคนชดใช้กับสิ่งที่ทำกับฉันวันนี้แน่!”
ทันใดนั้นซูอันย่าก็ดึงมือกู้หนิงเดินจากไป
กู้หนิงไม่ได้ต่อต้าน ตามเธอไปแต่โดยดี
“เธอ...” ทั้งเกาอู๋เซินและอู๋ซินหยูชักสีหน้าไม่พอใจกับคำขู่ของซูอันย่า พวกเขาไม่คิดว่าคนธรรมดาอย่างเธอจะทำร้ายอะไรพวกเขาได้
ฮ่าวหรันและคนอื่นๆเดินตามซูอันย่าไปด้วย
“ฉันคิดว่าบางทีโลกนี้คงไม่มีผู้ชายดีๆอยู่” ฉู่เพ่ยหานพูดพร้อมถอนหายใจ ส่ายหน้าไปมา
ได้ยินเพื่อนสาวรำพึง บรรดาเด็กหนุ่มก็เถียงว่า “นี่ อย่าพูดแบบนี้เพราะผู้ชายคนนั้นสิ ฉันก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งนะ!”
“ฉันด้วย”
“ฉันด้วย”
“อืม ฉันไม่คิดงั้นนะ” ฉู่เพ่ยหานคิด ในอนาคตพวกเขาอาจเปลี่ยนไปก็ได้
ซูอันย่ายังไม่หยุดจนกว่าจะเดินห่างออกมาไกล เธอโค้งคำนับกู้หนิงและขอบคุณอย่างจริงใจ
“ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตฉัน! ถ้ามันไม่ได้เธอ ฉันคงตายไปแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่” กู้หนิงพูด
“ไปหาอะไรกินด้วยกันเถอะ!” ซูอันย่าพูด
“เธอยังมีอารมณ์กินอยู่เหรอ?” กู้หนิงถาม
“ก็ใช่น่ะสิ ยิ่งเจอกับเรื่องเมื่อกี้ ฉันต้องดูแลตัวเองให้ดีและไม่ร้องไห้เหมือนเด็ก อีกอย่าง ฉันไม่มีวันปล่อยพวกเขาไปง่ายๆหรอก”
“ดี งั้นไปหาอะไรกินกันเถอะ!” กู้หนิงตอบตกลง
พวกเขาจึงพากันขึ้นแท็กซี่
กู้หนิงและเพื่อนผู้หญิงขึ้นแท็กซี่คันแรก ส่วนพวกผู้ชายขึ้นคันที่สอง
“โอ้ ฉันชื่อซูอันย่า เรียนอยู่ ม.6 ที่โรงเรียนอันดับหนึ่ง พวกเธอล่ะ?” ซูอันย่าถาม
“ฉันชื่อกู้หนิง ส่วนนี่ฉู่เพ่ยหาน อีกคนชื่อหยูหมิงซี พวกเราอยู่ ม.6 โรงเรียนอันดับสาม” กู้หนิงตอบ
ต่อมาพวกเขาก็มาถึงถนนของว่างยามค่ำคืน ซูอันย่าและคนอื่นๆแนะนำตัวซึ่งกันและกันก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้านอาหารที่ฮ่าวหรันแวะมาบ่อยๆ
ซูอันย่าเป็นคนสนุกสนาน ดังนั้นเธอจึงเข้ากับกลุ่มของกู้หนิงได้ง่าย พวกเธอแลกเบอร์โทรและวีแชทกัน ครั้งหน้าจะได้ออกมาเที่ยวด้วยกัน