ตอนที่ 9 เปิดเผย
“สุดยอด!! เขาเอามือลงไปในอ่างน้ำมันแต่กลับไม่เป็นอะไรเลย!!” จางหยุนซีตกตะลึง ดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“นั่นมันก็แค่กลอุบายที่เอาไว้หลอกคนอื่นก็แค่นั้นแหละ” เหย่หลิงเฉินเม้มริมฝีปากและยิ้มออกมาอย่างใจเย็น
จางหยุนซีรีบยกมือขึ้นปิดปากของเขา เธอรีบมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังเหมือนเด็กที่เพิ่งกระทำความผิด “ชู่ววววว!!! เธอพูดแบบนั้นได้ยังไง?! ระวังไว้เถอะ เธออาจจะไปยั่วโมโหพระโพธิสัตว์ท่านได้นะ ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้!”
มือของเธอช่างนุ่มนวลและบอบบางราวกับไม่มีกระดูก มือเล็ก ๆ ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ หัวใจของเหย่หลิงเฉินเต้นรัวราวกับม้าที่วิ่งแข่งในสนาม สาวน้อยคนนี้ทำให้เขาหวั่นไหวเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย
“เอาล่ะ ฉันจะถอนคำพูดก็ได้” เหย่หลิงเฉินพูดพลางยิ้มไปด้วย
จางหยุนซีจึงหยุดแต่เพียงเท่านั้น ถึงกระนั้นเธอก็ยังพูดกระตุ้นเขาซ้ำ ๆ ด้วยความกังวล “กันไว้ดีกว่าแก้น่า อย่าไปยั่วโมโหพระโพธิสัตว์เพียงเพราะคำพูดที่ไม่คิดเลย โชคของเราก็สำคัญมากในชีวิตนะ”
“อืมอืม!...” เหย่หลิงเฉินพยักหน้าอย่างรุนแรงจากความขบขัน ‘ฉันไม่คิดว่าคุณจะรู้ตัวว่าฉันมีพรสวรรค์จากระบบนี้ ฉันนี่แหละอัจฉริยะ!’
ปัจจุบันพระลัทธิเต๋าเริ่มประมูลสิ่งของชิ้นที่สามแล้ว มันเป็นเครื่องกระเบื้องหลูทรงขวดสีฟ้าขาวขนาดจิ๋ว ถูกสลักด้วยอักขระและสัญลักษณ์แปลก ๆ รอบตัว อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้หรือเข้าใจถึงความสำคัญของมัน แต่มันช่างดูวิจิตรงดงามอะไรแบบนี้นะ
จ๋อม!
ขวดถูกทิ้งลงอ่างน้ำมัน จากนั้นพระเต๋าหยิบมันขึ้นมาเหมือนเดิม
“ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนี่วาได้ทิ้งดินเหนียวจำนวนหนึ่งเอาไว้ขณะที่เธอกำลังซ่อมแซมเสาแห่งสวรรค์ ขวดนี้ทำจากดินเหนียวโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังหลอมรวมไปด้วยเสน่ห์ของลัทธิเต๋าที่สวรรค์ได้ทิ้งเอาไว้ เครื่องกระเบื้องขวดนี้จะช่วยปรับให้ฮวงจุ้ยของบ้านดีขึ้นและให้พรกับทุกคนในบ้านปลอดภัยและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว!”
“มันคือสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพ มันจะต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าทวยเทพอย่างแน่นอน!” ฝูงชนเริ่มตื่นตกใจ
“ฉันให้ 10,000 ไม่มีใครให้ได้มากกว่าฉันแน่!”
“ฉันให้ 15,000 เครื่องกระเบื้องนี้จะต้องเป็นของฉัน!”
…
เจ้าขวดเล็ก ๆ นี่ถูกประมูลไปในราคาที่สูงถึง 66,000 หยวนในที่สุด!
พระลัทธิเต๋าลูบหนวดของเขาและหยิบพู่กันหมึกขึ้นมา พร้อมกล่าวว่า “ฉันเชื่อว่าของชิ้นสุดท้ายนี้ทุกคนจะต้องสนใจเป็นแน่ นั่นก็คือ พู่กันหมึก!”
“นี่คือหมึกที่เทพเว็งขื่อใช้เมื่อเขากลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ที่ได้ครอบครองพู่กันนี้จะกลายเป็นคนมหัศจรรย์และมีความรอบรู้ในเผด็จการทั้งหมดของสวรรค์และโลก การสอบเข้าวิทยาลัยจะไม่มีอะไรนอกจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ !”
‘นี่เขากล้าเอาเรื่องนี้มาหลอกคนอื่นเลยงั้นเรอะ?’
เหย่หลิงเฉินรู้สึกพูดไม่ออก เขาเหลือบไปเห็นฝูงชนรอบ ๆ ตัวของเขา เหล่าพ่อแม่ทุกคนเริ่มตื่นเต้นและต่างปรารถนาให้ลูก ๆ มีอนาคตที่สดใส
คราวนี้พระลัทธิเต๋าไม่ได้รีบร้อนที่จะประมูลขายสินค้านี้ สายตาของเขาค่อย ๆ กวาดผ่านฝูงชนและหยุดลงทันที
‘ช่างเป็นหญิงสาวที่สวยงามและดูใสซื่อบริสุทธิ์จริง ๆ!’
แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้าเลยและแต่งกายสบาย ๆ แต่เธอก็โดดเด่นราวกับดอกแดฟโฟดิลที่บานเต็มที่ เธอโดดเด่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เมื่อเธอยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่คล้ายกับนกกระเรียนมงกุฎแดงที่ล้อมรอบไปด้วยฝูงแม่ไก่
ความโลภพุ่งผ่านสายตาของพระลัทธิเต๋า ดวงตาของเขากลอกไปตามความคิดที่เกิดขึ้นในใจของเขา เขาพูดเสียงดังว่า “พู่กันหมึกอันนี้ไม่เหมือนใคร มันต้องเชื่อมโยงกับคน ๆ หนึ่งโดยโชคชะตา!”
หลังจากนั้นไม่นานเขายกมือขึ้นและชี้ไปที่จางหยุนซิน “สาวน้อยเจ้าเป็นคนที่โชคดี เชิญมาได้เลย”
"ฮะ? ฉะ ฉะ…ฉัน? ฉันเหรอ???” จางหยุนซีตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ ในทางกลับกันฝูงชนได้แยกทางกันเพื่อสร้างเส้นทางเล็ก ๆ ให้เธอผ่านไป พวกเขามองเธอด้วยความอิจฉา
"ถูกต้อง! คนที่โชคชะตากำหนดไว้ก็คือคุณ!” พระนิกายเต๋าพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่เขาเดินตามจางหยุนซีไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ
“แปรงหมึกเป็นของคุณนับจากนี้” พระลัทธิเต๋าส่งพู่กันหมึกให้จางหยุนซีอย่างเคร่งขรึม
จางหยุนซีไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ พร้อมพูดว่า “แต่…ฉันไม่มีเงินเลย”
“คุณเป็นคนที่ชะตาได้กำหนดเอาไว้ นี่คือพระประสงค์ของพระโพธิสัตว์ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ละเมิดสิ่งนั้น” พระลัทธิเต๋ากล่าวอย่างลึกลับว่า “ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่มีเงิน คุณจะต้องอนุญาตให้ฉันศึกษาโครงสร้างกระดูกของคุณและได้รับการอนุมัติจากพระโพธิสัตว์เท่านั้น!”
“ศึกษาโครงสร้างกระดูกของฉัน?” จางหยุนซีถอยห่างออกไปเล็กน้อย
“อย่ากลัวเลยหญิงสาวตัวน้อย พระผู้ยากไร้นั้นอุทิศให้แก่ผู้เป็นทิพย์ รากแห่งความรู้สึกทั้งหกของฉันปราศจากความปรารถนาและตัณหาของมนุษย์ เป็นเพียงการศึกษาโครงสร้างกระดูกที่บริสุทธิ์มาก ช่วยเชื่อมโยงคุณกับพระโพธิสัตว์ด้วย” พระเต๋าก้าวไปข้างหน้า
“ถูกต้องสาวน้อย เธอโชคดีจริง ๆ เพราะฉะนั้นเธอไม่ควรพลาดโอกาสนี้ไปนะ…”
“หญิงสาวคนนี้ได้รับพรอย่างแท้จริง…”
“ท่านปรมาจารย์ แล้วฉันล่ะ ฉันเป็นอย่างไรบ้าง ได้โปรดช่วยศึกษาโครงสร้างกระดูกของฉันด้วย…”
ฝูงชนรอบ ๆ ต่างพากันถามคำถามต่อพระลัทธิเต๋า ทุกคนอิจฉาจางหยุนซีเป็นอย่างมาก และเธอพบว่าตอนนี้ตัวเองได้ติดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเข้าแล้ว
มือของพระภิกษุเต๋าค่อย ๆ คลำร่างของหญิงสาวคนสวยคนนี้ มือคลำของพระภิกษุเต๋าขยายออกไปเรื่อย ๆ ในขณะที่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เขาเลวร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เหมือนหมาป่าสีเทาที่หิวโหยกำลังพุ่งเข้าหาลูกแกะตัวน้อยขนปุย
มือคลำของเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถสัมผัสเอวเรียวของจางหยุนซีได้แล้วตอนนี้!
ในขณะเดียวกัน เหย่หลิงเฉินก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างกะทันหันในช่วงเวลาวิกฤตนี้! เขาปกป้องจางหยุนซีที่ทำอะไรไม่ถูกและตะโกนดัง ๆ ว่า “หยุดซะ! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้!”
พระของลัทธิเต๋าหยุดเคลื่อนไหวชั่วขณะ เขามองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างดุร้าย "เจ้าเป็นใคร? เจ้ากล้ารบกวนพระโพธิสัตว์อย่างนั้นเรอะ! เจ้าจะถูกลงโทษ!”
“ใครบอกกันว่าคุณเป็นตัวแทนของพระโพธิสัตว์? คุณหลอกคนอื่นได้ แต่คุณหลอกผมไม่ได้!” เหย่หลิงเฉนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา เขาควรจะมาที่นี่เพียงเพื่อแค่ยืนร่วมชมกับฝูงชนที่พลุกพล่าน แต่เขาจะไม่ยอมให้พระเต๋าพยายามคุกคามผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้านของเขาแน่!
โหหหหหหหห!
ฝูงชนเริ่มปั่นป่วน พวกเขาออกห่างจากเหย่หลิงเฉินทีละคน ๆ
"หึ? ไอ้หนุ่มนี่มันไปกินอะไรมา มันถึงกล้าถึงขนาดมาว่าท่านอาจารย์ได้”
“เด็กชายคนนี้มีความกล้าที่จะดูหมิ่นปรมาจารย์สูงสุด ฉันว่าเขาจะต้องมีอันเป็นไปใน 3 วัน 7 วันแน่!”
“เราต้องอยู่ห่างจากเขาให้ไกลกว่านี้ ระวังตัวด้วยทุกคน! โชคร้ายอาจเข้าตัวเองได้ถ้าคุณเข้าใกล้เขามากเกินไป!”
“เป็นเด็กที่โอ้อวดจริง ๆ เฮ้อเด็ก ๆ สมัยนี้…”
พระลัทธิเต๋าดูพึงพอใจหลังจากเห็นปฏิกิริยาของฝูงชน เขายกคางขึ้นและหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับชี้ไปที่เหย่หลิงเฉินและพูดว่า “อาตมาเห็นว่าเธอยังเป็นนักเรียนอยู่ล่ะนะ ตอนนี้เธอได้ถูกพระโพธิสัตว์ทอดทิ้งไปแล้ว ดังนั้นการสอบเข้าวิทยาลัยของเธอก็ถึงวาระเช่นกัน!”
ทันทีที่สิ้นพูดคำเหล่านั้น ฝูงชนก็ยิ่งตกตะลึง จางหยุนซีกำลังมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความกังวลอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน
“แม่สาวน้อย เธอควรเว้นระยะห่างจากเขาเสียตอนนี้ ถ้าเธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเองและให้อาตมาศึกษาโครงสร้างกระดูกของเธอต่อ” พระลัทธิเต๋ากล่าวต่อ
“ไปศึกษากระดูกขาของยายแกเถอะ!” เหย่หลิงเฉินยกขาขึ้นและถีบพระเต๋าออกไปในทันที!
“ไอ้เด็กอวดดี! นี่แกกล้าถีบฉันเหรอ!” พระลัทธิเต๋าลุกขึ้นจากพื้นอย่างโซซัดโซเซและชี้ไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความโกรธ “แกจะต้องตายไม่ดีแน่ไอ้เด็กน้อย แกจะถูกฟ้าผ่าและแตกออกเป็นสองซีกในเวลาไม่ถึง 3 วัน!”
“โดนฟ้าผ่าและแตกออกเป็นสองซีก? 5555555” เหย่หลิงเฉินหัวเราะเยาะ
“ถูกต้อง!” พระลัทธิเต๋ามองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเยาะเย้ยราวกับว่าเขามั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะเหย่หลิงเฉินได้ “กลัวแล้วเหรอ? อย่างไรก็ตามสวรรค์มีคุณธรรมในการช่วยชีวิตคนอยู่แล้ว ตราบเท่าที่แกเต็มใจที่จะคุกเข่าและกล่าวคำขอโทษดัง ๆ ให้ฉัน 3 ครั้ง ฉันสามารถขอความกรุณาจากพระโพธิสัตว์ให้ช่วยชีวิตของแกได้!”
ในขณะเดียวกันก็มีแม่คนหนึ่งเดินออกมาจากฝูงชนและพูดเกลี้ยกล่อมเขาว่า “รีบขออภัยพระอาจารย์เร็วเข้า! ลูกยังมีโอกาสรอดนะ!”
"ถูกต้อง อาจารย์ท่านอุตส่าห์มีน้ำใจ รีบรับโอกาสนี้เสีย ขอโทษท่านอาจารย์ซะ!”
“นี่ไม่ใช่แค่เธอจะทำให้ตัวเองโชคร้ายหรอกนะ ครอบครัวเธอจะต้องโชคร้ายไปด้วยแน่!”
“นี่ไอ้หนุ่ม คิดให้ดี อย่าทำสิ่งที่เธอจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”
…
“หลิงเฉินพระโพธิสัตว์ท่านจะไม่ลงโทษเธอจริง ๆ ใช่ไหม.. ทั้งหมดนี่มันเป็นความผิดของฉันเอง…” จางหยุนซีมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เธอตำหนิตัวเองไม่หยุดหย่อน น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
“ไม่เป็นอะไรหรอก” เหย่หลิงเฉินยิ้มและปลอบใจจางหยุนซี ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจที่เปล่งประกาย ทำให้จางหยุนซีรู้สึกสงบขึ้น
เหย่หลิงเฉินก้าวไปข้างหน้า “ผมจะให้โอกาสคุณเช่นกัน ขอโทษสุภาพสตรีที่อยู่ข้าง ๆ ผมซะ ถ้าคุณไม่ต้องการให้ผมเปิดเผยเรื่องหลอกลวงของคุณ มิฉะนั้นผมจะแฉให้หมด!”
“อาตมากำลังช่วยมนุษย์ให้ขอพรด้วยความจริงใจ แต่เธอก็มาสงสัยอาตมา เธอมีแรงจูงใจที่ไม่บริสุทธิ์!” พระลัทธิเต๋าแสร้งทำเป็นนิ่งสงบ อาตมาไม่เคยโกหก แล้วเธอจะมาแฉอาตมาได้อย่างไร”
“หึหึ ผมถือว่าคุณขอเองนะ!” เหย่หลิงเฉินก้าวไปข้างหน้าและเดินตรงดิ่งไปที่อ่างน้ำมันท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่จับจ้องไปที่เขา จากนั้นเขายกมือขึ้นมาและจุ่มไปในอ่างน้ำมัน!
“หลิงเฉิน! อย่า!!!!” จางหยุนซีตะโกนห้ามในทันที ดวงตาของเธอแดงก่ำและมีน้ำตาไหลลงบนหน้าของเธอ
เหย่หลิงเฉินยอมเสียสละกระทำการเช่นนี้ก็เพราะเธอ!
แต่อย่างไรก็ตาม เหย่หลิงเฉินก็ยังคงจุ่มมือลงในอ่างนั้นต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขากล่าวว่า “แหม อุณหภูมิในอ่างน้ำมันนี่เหมาะสำหรับผ้าซักมือจริง ๆ เลยนะ”
“………….” เหล่าฝูงชนมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
จางหยุนซีรีบเดินมาหาเหย่หลิงเฉินพร้อมดึงมือของเขาออกมาจากอ่างน้ำมันพลันรีบสำรวจมือของเขาว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ทว่าเธอก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีเพราะมือของเขาไม่ได้รับอันตรายใด ๆ จากอ่างน้ำมันเดือดนั่นเลยแม้แต่น้อย
“นี่เธอก็จุ่มมือลงไปในอ่างน้ำมันนี้ได้เหมือนกันเหรอ! หรือว่าเธอก็เป็นเทพกลับชาติมาเหมือนเขา?!” จางหยุนซีอ้าปากค้างพร้อมมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความประหลาดใจ
“เด็กโง่ ไม่มีทงไม่มีเทพอะไรทั้งนั้นล่ะ นี่มันก็แค่เทคนิคมายากลเอาไว้หลอกลวงก็แค่นั้นเอง” เหย่หลิงเฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง “เติมน้ำส้มสายชูขาวลงในอ่างน้ำมัน น้ำส้มสายชูจะจมลงไปที่ก้นหม้อ เมื่อจุดไฟ น้ำส้มสายชูที่มีจุดเดือดต่ำกว่าก็จะเดือดก่อนเพื่อให้ดูเหมือนกับว่าอ่างน้ำมันนี้กำลังเดือดน่ะสิ ซึ่งความจริงแล้วอุณหภูมิที่แท้จริงคือแค่ 40 องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง”
“เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?” ชายร่างกำยำเดินไปข้างหน้า เขายื่นมือออกไปอย่างประหม่าและพยายามจุ่มลงในอ่างน้ำมัน... เขาร้องออกมาด้วยความตกใจว่า “เห้ย?! มันไม่ร้อนเลยสักนิดนี่หว่า!”
เหล่าฝูงชนเริ่มตระหนักแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ใบหน้าของพระภิกษุลัทธิเต๋าเปลี่ยนเป็นสีซีดอย่างน่ากลัว เขาตำหนิและพูดเสียงแข็งว่า “หยุดพูดจากล่าวหาร้าย ๆ แบบนี้ให้คนอื่นเข้าใจผิดเดี๋ยวนี้! นี่คือการปรากฏตัวพระโพธิสัตว์อย่างแท้จริง!”
เหย่หลิงเฉินยิ้ม “นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งตะเกียบลงในน้ำอีกสินะ นี่มันก็แค่การใช้หลักการการจัดตำแหน่งเยื้องศูนย์ของน้ำเอง”
เขาเดินไปที่หน้าโต๊ะแล้วชี้ไปทีกระจก “ตั้ง!”
“ตั้ง ตั้งแล้ว! มันตั้งขึ้นจริง ๆ ด้วย!”
“พ่อหนุ่มคนนี้ช่างน่าประทับใจจริง ๆ เขาช่างรอบรู้ยิ่งนัก!”
“ความรู้คือพลังจริง ๆ คงจะดีถ้าลูกชายของฉันฉลาดได้สักครึ่งหนึ่งของเขา”
“ไอ้เวรเอ้ย! งั้นแสดงว่าพวกเราโดนไอ้พระนักต้มตุ๋นนี่หลอกแล้วสินะ!”
…
“เงียบก่อนทุกคน เขากำลังใช้มนต์ดำหลอกเราอยู่ อย่าไปหลงเชื่อเขาเด็ดขาด!” พระลัทธิเต๋าพยายาดิ้นรนแถต่อไปอย่างไม่ยินยอม
“ดูเหมือนว่าความหวังที่จะทำให้คนอื่นมาเชื่อคุณมันหมดลงแล้วแหละนะ”
เหย่หลิงเฉินส่ายหัว จากนั้นเขาเดินไปที่หน้าชายชราคนที่ซื้อขวดกระเบื้องไปก่อนหน้านี้
“คุณซื้อเครื่องกระเบื้องทรงขวดนี้มาเพราะพระปลอมคนนี้อ้างว่าขวดนี้จะให้พรเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านของคุณสินะ ดูอักขระที่สลักบนขวดนี่สิ มันเป็นสัญลักษณ์ที่พบได้ทั่วไปในพระพุทธศาสนาไม่ได้เป็นของพิเศษเฉพาะเลย ถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองเช็คดูในเน็ตได้”
ชายชราถ่ายรูปขวดและอัพโหลดไปยังอินเทอร์เน็ต ไม่นานเขาก็ตกตะลึง! อินเทอร์เน็ตไม่เพียงแต่ให้คำอธิบายแก่เขาเท่านั้น แต่เขายังพบผลิตภัณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่ดูเหมือนกับขวดนี้ที่วางขายในราคาเพียง 8.80 หยวน!
“@#$%^&*_” เขาดูแลขวดกระเบื้องนี้อย่างมีค่า แต่ใครจะไปคิดว่าเขาเพิ่งจะโดนหลอกให้ซื้อขยะชิ้นนี้มาในราคาถึง 66,000 หยวน
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ คนที่เหลือเริ่มลังเลใจหลังจากได้รู้ความจริงแต่ละอย่าง พวกเขาหยิบของล้ำค่าที่ซื้อมาเพื่อถ่ายรูปและอัพโหลดลงในอินเทอร์เน็ตเพื่อสืบค้นข้อมูล ภายใต้การตรวจสอบอย่างใกล้ชิดภายในไม่กี่วินาทีเขาถึงรู้ได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกเสียแล้ว...
“ไอ้เวร! มันเป็นพวก 18 มงกุฎ! ทุกอย่างที่มันขายเป็นของหลอกลวงทั้งนั้น พวกนี้มันเป็นแค่ขยะไร้ค่า!”
“พวกเราทุกคนถูกเขาหลอก!”
พวกเขาจับจ้องไปที่พระลัทธิเต๋าและพบว่านักต้มตุ๋นคนนี้พร้อมที่จะหลบหนีแล้ว
เหล่าฝูงชนคลุ้มคลั่งด้วยความเดือดดาล พวกเขารวมตัวกันแน่นในจัตุรัสแห่งนี้และเฝ้าดูพระต้มตุ๋นกับคนของเขาอย่างใกล้ชิดอย่างโกรธแค้น
เงินของพวกเขาจะต้องสูญเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์เป็นแน่หากไม่ได้รับการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับกลลวงนี้จากเหย่หลิงเฉิน
“อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของไอ้เจ้าเด็กนั่นเลย ฉันเป็นตัวแทนและสามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้จริง ๆ ฉันกำลังขอพรให้ท่านปกป้องคุ้มครองดูแลทุกคนให้ปลอดภัย..”
“ไอ้เวร! กล้าดียังไงจะมาหลอกพวกเราอีก นี่แกเห็นว่าพวกฉันโง่มากนักรึไงวะ!”
“ไอ้ 18 มงกุฎ เอาเงินของฉันคืนมาเดี๋ยวนี้!”
“หน็อย! แกกล้ามาหลอกฉัน โดนนี่ไปซะ!!!!”
เหล่าฝูงชนต่างบันดาลโทสะจากความโกรธที่ถูกนักต้มตุ๋นคนนี้หลอก
พัวะ พัวะ พัวะ พัวะ!!!!
#$%^&*(-
...
? ติดตามผลงานและข่าวสารก่อนใครได้ที่
Facebook : June6 Translate นิยายแปลไทย
Thank you ?
June6