ตอนที่ 106 ภูผาลาวา
ตอนที่ 106 ภูผาลาวา
หัวหน้าหน่วยกล่าวจบ ทหารยักษ์เถื่อนทุกนายก็มองหน้ากันไปมาทันทีด้วยงุนงง
“หัวหน้าหมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงว่ามีคนเยอะกว่าเก่า” หนึ่งในยักษ์เถื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นรองหัวหน้าพูดออกมาด้วยความแปลกใจ
“ตอนเราออกจากที่รวมพลมามีกันอยู่กี่ตน” หัวหน้ายักษ์เถื่อนกล่าว
“มี 11 ตนไม่ใช่หรือ ตอนนี้พวกเราก็มีกัน ไม่สิเดียวก่อนทำไมถึงมี 12 ตนได้” รองหัวหน้าหน่วยพูดออกมาด้วยความตกใจ
ทหารที่เหลือก็พากันหวาดระแวงขึ้นมาในทันที อยู่ ๆ ก็มียักษ์เถื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ตกลงแล้วใครกันแน่ที่เพิ่มขึ้นมา เพราะตอนนี้ทุกตนนั้นก็แต่ตัวเหมือนกันหมดจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
“ใคร เจ้าเป็นใครที่เพิ่มเข้ามาในหน่วยแสดงตัวออกมาซะ” หัวหน้ายักษ์เถื่อนกล่าวออกมาพร้อมกับจอดาบไปที่ทหารที่เหลืออีก 9 นาย รองหัวหน้าหน่วยก็ทำตามเช่นกัน
“เดี๋ยวสิหัวหน้าไม่ใช่ข้านะ ข้าคือเจเอง” ทหารที่โดนชี้ดาบรีบถอดหมวกเกราะออกเพื่อให้เห็นหน้าตา
“งั้นก็เจ้า” เมื่อเห็นว่าตนแรกเป็นพวกของตนเองจริง ๆ หัวหน้าหน่วยก็ชี้ดาบไปที่อีกตน ยักษ์เถื่อนตนนี้รีบบอกชื่อของตนและถอดหมวกเกราะออกในทันที ยักษ์เถื่อนที่ยืนยันตัวตนของตัวเองแล้วก็หันไปมองพวกที่ยังคงใส่หมวกเกราะปิดหน้าตามิดชิด
เมื่อตนอื่น ๆ เห็นดังนั้นจึงรีบถอดหมวกเกราะของตนเช่นกัน เพราะกลัวว่าตนอื่น ๆ จะเข้าใจผิดว่าคือพวกที่แฝงตัวมา
แต่แล้วสายตาของทุกตนก็ต้องไปตกอยู่บนร่างของยักษ์เถื่อนตนสุดท้ายที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ
“เจ้า...เป็นใคร อยู่หน่วยไหนถอดหมวกออกให้ข้าเห็นหน้าซะ ถ้าช้าละก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายที่จะฆ่าเจ้าทิ้งที่นี่” หัวหน้าหน่วยยักษ์เถื่อนยกดาบพาดไปที่บ่าของยักษ์เถื่อนตนสุดท้ายพร้อมที่จะลงมือในทันที
ยักษ์เถื่อนตนอื่น ๆ ก็ล้อมทหารยักษ์ตนนั้นไว้เช่นเดียวกัน
ขณะที่ทุกคนรอให้ยักษ์เถื่อนตนนั้นถอดหมวกออก ทุกอย่างก็ตกสู่ความเงียบ เหลือแต่เสียงของลมหายใจและเสียงลมที่พัดผ่านเท่านั้น
มือของยักษ์เถื่อนที่ต้องสงสัยค่อย ๆ ยกขึ้นมาอย่าง ๆ ทุกการกระทำของยักษ์เถื่อนตนนั้นส่งผลให้ยักษ์ตนอื่น ๆ เพิ่มความระมัดระวังเช่นเดียวกัน
แต่แล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ ๆ ยักษ์ตนนั้นจับไปแขนขวาของหัวหน้าหน่วยที่ถือดาบอยู่ มันรวดเร็วมากจนกระทั่งพวกเขานั้นก็ยังตอบสนองไม่ทัน
จากนั้นก็มีแรงบีบมหาศาลส่งไปที่เกราะแขนจนมันยุบลงตามแรง ส่งผลให้หัวหน้าหน่วยยักษ์เถื่อนร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ดาบที่อยู่ในมือหล่นลงทันที ดาบที่หล่นจากมือของหัวหน้าหน่วยยังไม่ทันที่จะหล่นลงพื้น มือของยักษ์ต้องสงสัยก็ยืนมารับดาบนั้นไว้ จากนั้นก็อาศัยความเร็วแทงสวนเข้าไปที่รอยต่อของเกราะอก
อึก! ยักษ์เถื่อนหัวหน้าหน่วยที่พึ่งรู้ว่าตนโดนเล่นเข้าให้แล้ว มันยืนมาจับที่ไหล่ของยักษ์ตนนั้นแต่ก็ไม่มีแรงมากนักเลือดที่ไหลออกมาจากปากและบาดแผลหยดลงสู่พื้นดินได้ปลุกให้ทหารยักษ์เถื่อนที่เหลือนั้นหายจากอาการตกใจ
แต่มันก็ตายไปแล้ว เพราะยักษ์เถื่อนต้องสงสัยออกแรงไปที่ดาบมากขึ้นจนมันแทงผ่านหน้าอกทะลุลำคอจากนั้นก็เข้าสู่สมองทะลุศีรษะส่งผลให้ยักษ์เถื่อนผู้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยตายในทันที
“เจ้า...ทำอะไร บัดซบฆ่ามันเร็ว” รองหัวหน้าหน่วยที่ได้สติกลับมาก็สั่งการให้ลูกน้องฆ่ายักษ์เถื่อนตนนั้นทันที แต่แน่นอนว่ายักษ์เถื่อนตนนั้นก็ไม่รอให้พวกทหารยักษ์ได้มีเวลาตอบสนอง เพียงแค่ใช้หมัดที่หนักและรุนแรงราวกับปืนใหญ่ ต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของทหารยักษ์ที่เหลือตนละหนึ่งหมัด พร้อมกับหลบการโจมตีของทหารยักษ์พวกนั้นอย่างง่ายดาย
หลังจากการปะทะที่รวดเร็วทุกอย่างก็จบลง ตามตัวของทหารยักษ์เถื่อนขั้น 3 มีรอยของหมัดอยู่หลายจุดโดยเฉพาะที่ใบหน้าที่ไร้ซึ่งหมวกเกราะปกต้องบางตนถึงกับมีรอยยุบจนสมองด้านในไหลออกมาและตายไปทั้งอย่างงั้น
ยักษ์เถื่อนต้องสงสัยที่ยืนอยู่เพียงหนึ่งเดินไปหาศพของหัวหน้ายักษ์เถื่อนขั้น 4 จากนั้นมือของเขาก็กลายเป็นกาบหอยแครงปีศาจขนาดใหญ่สองเมตรกลืนกินร่างของหัวหน้าหน่วยยักษ์เถื่อนลงไป
และไม่กี่วินาทีก็คลายเศษเหล็กจากชุดเกราะทิ้งออกมา ยักษ์เถื่อนตนนั้นมองไปที่เครื่องวัดระดับพลังงานที่ข้อมือของตนและกล่าวออกมา
“ได้มาอีกไม่กี่สิบหน่วย คงต้องไปหาต่อ”
และแน่นอนว่ายักษ์เถื่อนต้องสงสัยตนนั้นก็คือไนเรลนั้นเอง ไนเรลเดินไปที่รองหัวหน้าหน่วยค้นหาไปตามตัวของมันอยู่สักพักก็เจอกับแผนที่เส้นทางรับผิดชอบของแต่ละหน่วย
รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏที่ใบหน้าของไนเรลจากนั้นเขาก็หายเข้าไปในความมืด หลังจากที่ไนเรลหายไปอยู่ ๆ ร่างของหนึ่งในทหารยักษ์เถื่อนก็ขยับ มันค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาจากการสลบไป
“ข้ายัง ข้ายังไม่ตาย ฮ่า ๆ ข้ารอดตายมาได้ ไม่ได้การต้องรีบไปเตือนท่านอูคาและตนอื่น ๆ” ยักษ์เถื่อนตนนั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากกับการรอดเคราะห์กรรมครั้งนี้มาได้ มันจึงไม่รอช้ารีบวิ่งกลับไปที่ทางอุโมงค์หลัก แต่ในตอนนั้นมันหารู้ไม่ว่าไนเรลยังคงแอบดูอยู่
.....
หลังจากนั้นเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้นกับหน่วยอื่น ๆ บางหน่วยก็มีทหารยักษ์เถื่อนที่รอดตายมาได้แบบปาฏิหาริย์ แต่บางหน่วยก็ตายลงไปไม่เหลือแม้แต่ซาก
ขณะนี้ไนเรลกำลังจัดการฆ่าหน่วยยักษ์เถื่อนเป็นหน่วยที่ 20 อยู่ ยักษ์เถื่อนผู้เป็นหัวหน้าก็ร้องขอชีวิตด้วยทุกอย่างที่มี
แต่มันก็ไม่มีทางรอดไปได้เพราะไนเรลนั้นต้องการพวกระดับ 4 ในการเพิ่มระดับพลังงาน
หลังจากจัดการแล้วไนเรลก็จงใจกลับไปร่างของมนุษย์เพื่อให้ยักษ์เถื่อนที่รอดอยู่ได้รับรู้ว่าเป็นไนเรลที่ตามล่าพวกมัน
เหตุที่ไนเรลทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะปล่อยข่าวออกไปและให้พวกมันตามมาหาไนเรลได้ถูก เขาจะได้จัดการระเบิดพวกมันให้ตายไปพร้อม ๆ กัน
ต้องบอกก่อนว่าพวกมันมีกันนับร้อยหน่วย ซึ่งหมายถึงยักษ์เถื่อนนับพันที่กระจายกันออกไปหลายสิบ หลายร้อยกิโลเมตรรอบอุโมงค์ หมายเลข 3 ไนเรลคงไม่สามารถตามไปฆ่าพวกมันได้ทุกตัวดังนั้นการทำให้มันมารวมกันน่าจะดีที่สุด และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ไนเรลคาดการไว้เพราะหลังจากนั้นไม่นานอูคาที่ได้รับรายงานก็ต้องตกใจที่มีหน่วยยักษ์เถื่อนถูกฆ่าไปจำนวนมาก และยังที่มีที่หายไปอีกหลายหน่วย
“ท่านที่ปรึกษาเรน นี่มันหมายความว่าอย่างไร! ทำไมถึงตายกันมากขนาดนี้หรือพวกทาสมนุษย์จะมีมากกว่าหนึ่ง?” อูคากล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ที่ปรึกษาเรนที่ตอนนี้ก็ขมวดคิ้วมองไปที่รายงานที่อยู่ในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดกันก็มีทหารยักษ์เถื่อนเข้ามารายงาน “ท่านอูคาเราเจอตัวคนร้ายแล้วอยู่ห่างจากที่นี่ไป 10 นาที ตอนนี้มีพวกเรา 20 หน่วยกำลังจะล้อมมันไว้ที่ภูผาลาวา”
“เจอมันแล้ว ดีมากเรียกทุกตนกลับมาและไปที่ภูผาลาวาส่งกำลังทั้งหมดไป” อูคาสั่งการออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด
“ท่านอูคาข้าว่ามันแปลก ๆ นะกับเรื่องนี้”
“หึ จะแปลกใจอะไร ถึงอย่างไรต่อให้มันเจ้าเล่ห์ขนาดไหนแต่ถ้าโดนจำนวนที่มากกว่าล้อมต่อให้มีพลังมากก็สิ้นท่า และดูแล้วจากการที่มันโดนล้อมน่าจะมีพลังแค่ระดับ 4 หรือต่อให้มีระดับ 5 เจ้าจะกลัวอะไรมีข้าอยู่ทั้งตน” อูคากล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ และไม่สนใจคำค้านของที่ปรึกษาเรนอีก
“แต่ข้าก็กลัวว่านี่จะเป็นกับดักดังนั้นเจ้าเรียกรวมพลทหารที่อยู่ด้านบนอุโมงค์ทั้งหมดให้เตรียมพร้อมเผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นจะได้ลงมือได้ทันการ” หลังจากกล่าวเสร็จอูคาก็เดินออกไปพร้อมกับหน่วยทหารที่กลับมารวมตัวกันมุ่งหน้าไปที่ภูผาลาวาทันที
ที่ปรึกษาเรนที่ตอนนี้ถึงจะมีสีหน้าเข้มขึงพยายามนึกถึงเรื่องพวกนี้ว่ามันมีอะไรกันแน่ แผนของผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องการอะไร แต่ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังคงทำตามคำสั่งของอูคา สั่งการให้ยักษ์เถื่อนนับครึ่งหมื่นเตรียมพร้อมไว้และยังมีบางส่วนที่ลงมาจากด้านบนมาที่ก้นอุโมงค์ซึ่งนี่คือการกระทำของท่านที่ปรึกษาเรนเอง เพราะเขารู้สึกไม่ชอบมาพากล
......
ทางด้านของอูคาที่มาถึงบริเวณภูผาลาวาก็มองไปรอบ ๆ สูงขึ้นไปบนเนินเขาที่ด้านหลังเป็นภูผาลาวา ตอนนี้ทหารยักษ์เถื่อนจำนวนมากล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา แม้แต่แมลงก็ไม่สามารถบินผ่านได้
อูคามองไปที่ยักษ์เถื่อนที่ใส่เกราะยืนถือดาบอยู่ด้วยท่าทีองอาจ ที่เท้าเบื้องล่างมีศพของยักษ์เถื่อนจำนวนหลายนายอยู่ ยักษ์ตนนั้นก็คือ ไนเรลที่ใช้ความสามารถ [เทพไททัน A] เพื่อรอการมาถึงของอูคาอยู่ก่อนแล้ว
“บัดซบเจ้าเป็นใคร เหตุใดต้องฆ่าพวกพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ของตนด้วย” อูคาตะโกนถามออกไปจนสุดเสียง แต่ไนเรลก็ไม่ได้ตอบเขาทันที
ไนเรลมองไปที่ทหารยักษ์จำนวนหลายนับพันเบื้องล่างด้วยท่าทีขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนว่าอูคานั้นจะระวังพอสมควรไม่รีบร้อนเข้ามา เพราะอูคาสั่งให้กองกำลังของตนแบ่งออกเป็นสองส่วนและให้แค่ยักษ์เถื่อนไม่กี่ร้อยเป็นแนวหน้าก่อน
“หึ ไม่เจอกันแค่ไม่นานแกก็ลืมฉันไปแล้วอย่างงั้นหรือ” ไนเรลที่ไม่ต้องเล่นบทยักษ์เถื่อนอีกแล้วจึงคืนล่างกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม
เมื่ออูคาเห็นไนเรลที่กลับมาเป็นมนุษย์ ด้วยแสงสว่างของลาวารอบ ๆ ทำให้อูคามองดูก็รู้ในทันทีว่ามันคือ ไนเรล มนุษย์ที่สร้างบาดแผลไว้ที่ใบหน้าและร่างกายของมัน
บาดแผลที่อูคาเริ่มชินกับมันแล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมาในทันที
“เจ้านั้นเอง หึ! ...ในเมื่อเจ้าหนีออกมาได้แล้วยังกล้ามาเผชิญหน้ากับข้าอีก หรือเจ้าไม่กลัวข้าที่จะฆ่าเจ้าทิ้งอย่างงั้นหรือ”
“กลัวแกอย่างงั้นหรือ ช่างน่าขัน ถ้าแกมีความสามารถในการฆ่าฉันได้ก็เข้ามา” ไนเรลพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากนั้นเขาก็ไม่รอช้าหยิบดาบที่ไม่สมกับขนาดตัวของมนุษย์อย่างไนเรลวิ่งลงปะทะกับทหารยักษ์เถื่อนแนวหน้าทันที
“รนหาที่ตายนัก ทุกตนฆ่ามัน ใครก็ตามที่ตัดหัวมันมาได้ข้าจะมอบรางวัลให้อย่างงาม” อูคามองไปที่ไนเรลด้วยสายตาอาฆาตและสั่งให้ทหารยักษ์เถื่อนทั้งหมดเดินหน้าเต็มกำลัง
ยักษ์เถื่อนแนวหน้านับร้อยที่ตอนนี้เตรียมตัวมาอย่างดี พากันยกโล่ขึ้นเป็นแนวกำแพงเหล็กหมายจะล้อมกรอบไนเรลไว้ด้านใน เพราะต่อให้ไนเรลเก่งขนาดไหนก็ไม่ต่างจากหมูในอวย ตกอยู่ในกำมือพวกเขา
แต่พวกมันทหารยักษ์เถื่อนก็ถึงกับต้องตกใจ เพราะทันทีที่ไนเรงจะปะทะกับกำแพงโล่ ไนเรลก็หยิบบางสิ่งออกมาจากเงา
นั้นก็คือโซ่โลหะพิภพที่รากยาวออกมาหลายเมตรและที่สำคัญปลายของมันผูกติดไว้กับกางเขนมนุษย์
ตอนนี้สิ่งที่ไนเรลถืออยู่นั้นกลายเป็นเหมือนกับสมอเรือขนาดยักษ์ไปแล้ว
“หลีกไปซะ” ไนเรลวิ่งลากโซ่โลหะพิภพไปจนสุดปลายโซ่จากนั้นก็กระตุกเหวี่ยงกางแขนมนุษย์ที่ติดอยู่กับโซ่ ทำให้กางแขนมนุษย์ที่อยู่ด้านหลังพุ่งตรงเข้าหากำแพงโล่ด้วยพลังที่มหาศาล