Ep.675 - การกลับมาที่ทุกคนต้องตกตะลึง
**ตอนพิเศษ
Ep.675 - การกลับมาที่ทุกคนต้องตกตะลึง
“ได้ไงกัน!?” เห็นได้ชัดว่าเหอเจี๋ยไม่คาดฝันว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฉินเฟิงกลับมา หากเขาบังเอิญปะทะมันเข้า ไม่ใช่ว่าฉินเฟิงที่อุตส่าห์รอดชีวิตมาได้ ต้องถูกโยนลงสู่อันตรายถึงตายอีกรอบหรอกหรือ?
แต่ทันใดนั้นเอง เหอเจี๋ยพลันนึกขึ้นได้ถึงคำประหลาดที่ฉินเฟิงเอ่ยทิ้งท้ายไว้ก่อนหน้านี้
“อย่าบอกนะว่าจะเป็นอย่างที่คิด!” เหอเจี๋ยรีบติดต่อหน่วยลาดตระเวนของท่าเรือ ขอให้พวกเขาเร่งทำการตรวจสอบ ว่าสัตว์ร้ายที่บุกมาคือตัวใด
ขณะเดียวกัน ผู้คนบนท่าเรือ เลเวล B ทั้งที่เตรียมออกทะเล และยังอยู่ในแถบชายฝั่ง ทุกคนต่างตกใจ เปิดระบบปืนใหญ่ไว้พร้อมสรรพ หากสัตว์ร้ายเลเวล A เผยโฉมสู่สายตา จะเปิดฉากถล่มยิงทันที
พวกเขาจะพยายามถ่วงเวลา ยันเอาไว้จนกว่าจ้าวพรมแดนตะวันออกจะปรากฏตัว ถึงเวลานั้นทุกอย่างย่อมได้รับการแก้ไข
เหอเจี๋ยเป็นหนึ่งในผู้บริหารเมืองตงไห่ แม้เจ้าตัวเป็นเพียงผู้ใช้พลังเลเวล C แต่ถือเป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ภายใต้คำสั่งของเธอ โดรนได้ถูกส่งออกไป และถ่ายทอดภาพที่อยู่ห่างชายฝั่ง 20 กิโลเมตรกลับมา
บนท้องทะเลสีคราม โครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตอันน่าหวาดกลัว กำลังลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำอย่างเงียบๆ
รูปลักษณ์ของมันดูดุร้าย น่าพรั่นพรึง ชวนให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกจากก้นบึ้งของหัวใจ
โครงกระดูกสีหมึก ถูกถ่ายทอดผ่านหน้าจอ ยามผู้คนจ้องมอง ยังอดสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัว
“เดี๋ยวก่อน บนตำแหน่งหัวของโครงกระดูก มีอะไรบางอย่างอยู่!”
“รีบซูมเข้าไปเร็ว”
“รับทราบ กำลังดำเนินการ”
ช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นเหอเจี๋ย หรือหน่วยลาดตระเวน ทั้งหมดต่างเพ่งสมาธิไปยังจุดเดียวกัน กล้องจากโดรนเริ่มทำการซูมภาพใกล้เข้าไป
ไม่นาน บนโครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัว ก็ปรากฏเงาร่างของมนุษย์ขึ้น!
เหอเจี๋ยพอเห็นหน้าผู้มาเยือนชัดๆ ก็รู้สึกตื่นเต้นจนคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
“เป็นผู้การฉิน! และนั่น … น่าจะเป็นมิสเตอร์หยูที่หายตัวไปพร้อมกันเมื่อสามวันก่อน!”
“ทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่จริงๆหรือนี่?”
“ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบติดต่อให้ระงับสัญญาณเตือนภัย!”
เหอเจี๋ยสั่งการ หน่วยลาดตระเวนใช้งานเรือเร็วออกทะเล กระทั่งนายพลหน่วยลาดตระเวนยังติดตามไปพิสูจน์ด้วยตาตนเอง
ระยะทาง 20 กิโลเมตร สำหรับเทคโนโลยีปัจจุบัน ขอเวลาแค่ 10 นาทีหรือน้อยกว่านั้น ก็สามารถไปถึงที่หมายได้แล้ว และในช่วงเวลาดังกล่าว ฉินเฟิงยังคอยควบคุมเขมือบฟ้าให้เคลื่อนที่เช่นกัน
ดังนั้นใช้เวลาแค่ 5 นาที สัตว์ยักษ์ก็ปรากฏสู่สายตาผู้คนบนเรือเร็ว
พอได้มองมัน ผู้คนถึงได้เข้าใจว่าตนเองเล็กจ้อยเพียงใด
“ฉันคือจางเกิง ผู้บัญชาการกองทัพลาดตระเวนเมืองตงไห่ โปรดแสดงสถานะ ยืนยันตัวตนของคุณ!” เสียงของจางเกิงถ่ายทอดผ่านพลังสมาธิ
ฉินเฟิงได้รับพลังสมาธิของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันสั่งการหยุดเคลื่อนไหวเขมือบฟ้า ปล่อยให้สัตว์ยักษ์ลอยเหนือผิวน้ำ
เพราะสำหรับเขมือบฟ้า เกรงว่านี่คงเป็นจุดเทียบท่าของมันแล้ว น้ำเทละที่นี่แม้ลึก แต่ก้นทะเลชนเข้ากับโครงกระดูกของเขมือบฟ้าเป็นที่เรียบร้อย หากตรงเข้าไปมากกว่านี้คงเกี่ยวเข้ากับปะการังใต้ทะเล
แน่นอน แม้จะบอกว่าโครงกระดูกชนก้นทะเล แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับคนอื่นๆ ร่างของเขมือบฟ้าใหญ่โต น่าหวาดกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผมคือฉินเฟิง ผู้การรัฐทะเลเหนือประจำภูมิภาคเหนือ ได้รับคำเชิญในฐานะกำลังเสริมมาเป็นกรณีพิเศษ เรื่องนี้คุณลองตรวจสอบดูได้”
หยูหยางเต๋า เลือกที่จะอ้าปากตะโกนโดยตรง “นายพลจาง เป็นฉันเอง หยูหยางเต๋า!”
จางเกิงผงะไปชั่วขณะ เอ่ยด้วยความตกใจ “มิสเตอร์หยู คุณ … ไม่ใช่ว่าคุณถูกเขมือบฟ้ากินไปแล้วหรือ?”
สองสามวันก่อนเขมือบฟ้าอาละวาดไปทั่ว คนอื่นๆพากันหลบหนีหัวซุกหัวซุน แต่รายชื่อผู้เสียชีวิตยังคงถูกส่งกลับมาเรื่อยๆ และหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้นคือหยูหยางเต๋า
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ พอได้ลองนึกดูดีๆแล้ว เหมือนว่าชื่อของฉินเฟิงก็จะอยู่ในรายการเช่นกัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ต้องขอบคุณประธานฉิน ฉันเลยรอดชีวิต ทั้งยังกลับมาพร้อมอนาคตอันสดใส!”
หยูหยางเต๋าแสดงออกถึงความสุขจนเห็นได้ชัด
แต่ขณะนี้ จางเกิงยังคงขับเรือแล่นเข้าไปใกล้ คนอื่นๆบนเรือเร็วล้วนเป็นเลเวล C เมื่อตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล สีหน้าของพวกเขาเริ่มซีดขาว
และเมื่อเข้าไปใกล้ในระยะ 100 เมตร แม้จะเป็นแค่กระดูกของเขมือบฟ้า แต่มันก็น่าสยองขวัญ มีขนาดเทียบเท่ากับเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งกลางทะเล!
จางเกิงจึงไม่ปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้มากไปกว่านี้อีก ร่างเขาวูบไหวดั่งสายฟ้า โฉบกายอย่างรวดเร็วไปยังกระดูกยักษ์ หยั่งเท้าลงเบื้องหน้าฉินเฟิงกับหยูหยางเต๋า
“เป็นพวกคุณจริงๆ ว่าแต่นี่มันอะไรกัน? แล้วสัตว์ยักษ์ตัวนี้ …” ในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล B ในฐานะการดำรงอยู่ที่เคยข้ามผ่านประสบการณ์มามากมาย จางเกิงสามารถตระหนักถึงบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว “นี่มันเทคนิคควบคุมศพ?”
“ถูกอย่างที่นายพลจางคิด สัตว์ร้ายตัวนี้ได้ตายไปแล้ว และผมเพิ่งเดินทางกลับมาพร้อมกระดูกของมัน โอ๊ะ ไม่ต้องกังวลไป มันไม่มีอันตรายใดๆ” ฉินเฟิงอธิบาย
“ฉันเข้าใจ ฉันขอให้หน่วยลาดตระเวนปิดการแจ้งเตือนแล้ว แต่สารภาพตามตรง ว่าพวกคุณขู่ขวัญจนฉันกลัวแทบตายแล้ว”
การรุกรานของสัตว์ร้ายเลเวล A ร้ายแรงถึงขั้นต้องรายงานแก่จ้าวพรมแดน แต่ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไร ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคน
จางเกิงเร่งยกเลิกการแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าพวกผู้ใช้พลังแถวๆท่าเรือยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร พวกเขาพบแค่ว่าเหอเจี๋ยนั่งเรือเร็วตามออกทะเลไป
ช่วงเวลานี้ จางเกิงบังเกิดข้อสงสัย
“ก่อนหน้านี้ได้ยินผู้ช่วยเหอบอกว่า คุณได้ตายไปแล้วในปากของเขมือบฟ้า แต่ทำไมตอนนี้คุณกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย? ไม่ทราบว่าหนีมาได้อย่างไร”
หยูหยางเต๋าแทบรอไม่ไหวที่จะบอกทุกคนเกี่ยวกับผลงานอันยอดเยี่ยมของฉินเฟิง แต่หลังจากที่เขาคิดถึงมัน และเตรียมจะเอ่ยเล่า ก็ต้องหุบปากลง หันมามองฉินเฟิง
ฉินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณว่าไม่มีเจตนาที่จะปิดบัง
เพราะบางครั้งบางคราว ความแข็งแกร่งก็มาในรูปแบบของความน่ายำเกรง ดังนั้นถ้าไม่ปิดบังมันก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในบางครั้ง ต่อให้คิดซ่อน ก็ปิดไม่มิดอยู่ดี
“อะแฮ่ม! นายพลจาง หลังจากที่ได้เห็นหุ่นเชิดแห่งความตายใต้เท้าของพวกเราแล้ว คุณคิดว่าอย่างไร?” เวลานี้หยูหยางเต๋ารู้สึกตื่นเต้นจนตัวแทบลอย แต่ยังไม่ยอมเฉลย แสร้งทำตัวเป็นลึกลับให้ผู้คนคาดเดา
จางเกิงขบคิดครู่หนึ่ง สักพักกล่าวว่า “มันทรงพลังมาก สัญญาณแจ้งเตือนก่อนหน้านี้ระบุว่ามันมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล A หรือนี่จะเป็นไพ่ตายของผู้การฉิน?”
เพราะท้ายที่สุดแล้ว จางเกิงรู้จักกับหยูหยางเต๋า ความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เขากระจ่างแก่ใจ มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะครอบครองสัตว์ร้ายที่ทรงพลังเช่นนี้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่ไม่ใช่ไพ่ตาย แต่เป็นกระดูกของเขมือบฟ้า!”
“อ๋อที่แท้ก็กระดูกของเขมือบฟ-- ห๊ะ? ว่าไงนะ!!” จางเกิงหน้ามืดแทบเป็นลมกับข่าวนี้
ขณะเดียวกัน โครงกระดูกของเขมือบฟ้าถูกซัดสาด ขยับเข้ามาใกล้ชายฝั่งอย่างช้าๆ ส่งผลให้ร่างอันน่าสยองเกล้าของมัน ค่อยๆปรากฏสู่สายตาของผู้ใช้พลังเลเวล B มากมายที่ประจำอยู่ในท่าเทียบเรือ
ช่วงเวลานี้ ผู้คนต่างรู้สึกตึงเครียด ทั้งคนทั้งร่างตื่นตัวเต็มที่ ขนแขนลุกชัน แผ่นหลังผุดพรายไปด้วยเหงื่อเย็น
แม้เขมือบฟ้าจะตายไปแล้ว แต่กลิ่นอายสยดสยองที่ชวนให้อึดอัดแทบลืมหายใจยังคงอยู่!
คลิก คลิก คลิก
กระบอกปืนใหญ่ทั้งหมดมุ่งเป้ามายังตำแหน่งของฉินเฟิง เล็งไปทางสัตว์ยักษ์
ภายในภาพจากกล้องส่องทางไกล มันได้ถ่ายทอดภาพกลับมายังห้องควบคุมหลักของเรือดำน้ำ บางคนยกมือขึ้นสั่งห้าม
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งโจมตี!”
“เหมือนจะมีคนอยู่ข้างบนตัวมัน!”
“นั่นนายพลจางกับหยูหยางเต๋า! ว่าแต่อีกคนเป็นใครกัน”
“โอ้สวรรค์ ที่แท้นั่นคือหุ่นเชิดแห่งความตาย!”
“ใครกันที่ทรงพลังถึงขั้นปราบสัตว์ยักษ์ตัวนี้ลงได้? ใครกันที่ครอบครองพลังชนิดต่อต้านเจตจำนงสวรรค์?”
ทุกเสียงร้องอุทานตกใจ บ้างสูดหายใจลึก
แต่ในตอนนั้นเอง ปรากฏเรือเร็วขนาดเล็กอีกลำหนึ่ง พุ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อถึงระยะ 100 เมตร เรือลำนั้นก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้อีก
“ผู้ช่วยเหอ!” ฉินเฟิงเห็นเหอเจี๋ย ก็เอ่ยปากทักทาย
“ผู้การฉิน คุณ … นี่ .. นี่คงไม่ใช่เขมือบฟ้าหรอกกระมัง?”
เหอเจี๋ยต้องตะลึงลานเป็นครั้งที่สอง
และเมื่อฉินเฟิงเข้าใกล้ท่าเรือพร้อมกับกระดูกของเขมือบฟ้า ผู้คนก็เริ่มพบเห็นฉากนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวดังกล่าว แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
ว่าสิบอันดับสัตว์ยักษ์ในทะเลนรก มีตนหนึ่งถูกล่าได้สำเร็จอย่างกะทันหัน
เพียงพริบตา ทุกคนต่างตกตะลึง มันน่าเหลือเชื่อเกินไป และในเวลานั้นเอง บางคนก็เริ่มนึกไปถึงรางวัลมหาศาล ที่ระบุไว้ในภารกิจล่าค่าหัวสัตว์ยักษ์!