Ep.673 - เลเวล B
3/4
Ep.673 - เลเวล B
ที่ฉินเฟิงเอ่ยปากว่าเขาไม่สามารถควบคุมเขมือบฟ้าได้ มิใช่เรื่องล้อเล่น!
เพราะพลังสมาธิของเขา ยังไม่ได้ทรงพลังถึงขนาดนั้นจริงๆ โดยเฉพาะขนาดตัวของเขมือบฟ้า ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
ไหนจะสถานการณ์ปัจจุบัน ตอนนี้พวกเขาอยู่ตรงจุดไหนของแผนที่ อยู่ช่วงต้นหรือช่วงปลายก็ไม่อาจทราบ เพราะท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป บางทีพวกเขาอาจถึงขั้นหลุดพ้นจากอาณาเขตทะเลนรก มายังตำแหน่งที่มนุษย์ไม่เคยสำรวจแล้วก็ได้
หลังจากเดินหน้ามาได้เพียงครึ่งชั่วโมง ฉินเฟิงก็ต้องหยุดการควบคุม เพราะเวลานี้ เขาไม่มีพลังสมาธิมากพอจะสนับสนุนอีกต่อไป ใบหน้ากลายเป็นซีดเซียว ถ้าในตอนแรกไม่ถูกสัตว์ทะเลมากมายรุมล้อม ฉินเฟิงคงไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานถึงขนาดนี้
แต่ปัจจุบันเขาฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว!
“ฉินเฟิง พักก่อนเถอะ” หยูหยางเต๋ากล่าว เวลานี้ท้องฟ้าเริ่มสาดแสงของวันใหม่ พวกเขาไม่ได้พักผ่อนมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว
ฉินเฟิงพยักหน้า “อ่า ผมต้องพักจริงๆ คุณเองก็พักฟื้นด้วยแล้วกัน”
ฉิินเฟิงกล่าวว่าจะพักฟื้น แต่อันที่จริงกลับปลดปล่อยรูนมืดออกมา ขยายกว้างออกไปปกคลุมบดบังร่างของเขมือบฟ้า และโชคดีที่เขมือบฟ้าเป็นสัตว์ทะเลธาตุมืดอยู่แล้ว เลยช่วยประหยัดแรงฉินเฟิงได้เยอะ
ฉินเฟิงนั่งขวาทับซ้ายทำสมาธิ
‘อาศัยพลังสมาธิระดับจักรพรรดิในเลเวล C9 ของฉัน คิดควบคุมเขมือบฟ้าซึ่งเป็นจักรพรรดิเลเวล A แค่ยื้อไว้ให้สักครึ่งชั่วโมงก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ไหนจะเรื่องขนาดใหญ่โตของร่างกายมันอีก!’
ด้วยเลเวลที่ต่างกันถึงสองระดับ ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกว่าตอนนี้เขากำลังฝืนเค้นพลังสมาธิออกมามากเกินไป
ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดจึงมีดังนี้ ประการแรก ละทิ้งศพของเขมือบฟ้า แม้การดำรงอยู่ของเขมือบฟ้าจะสามารถช่วยปกป้องพวกเขาได้ แต่ก็ต้องพักผ่อนทุกๆครึ่งชั่วโมง แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงที่หมาย?
ประการที่สอง คือเร่งยกระดับความแข็งแกร่งของตน ต้องไปเหยียบเลเวล B ให้จงได้ ถึงเวลานั้น พลังสมาธิของฉินเฟิงจะก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
--และฉินเฟิงไม่ลังเลเลยที่จะเลือกประการที่สอง!
ฉินเฟิงหยิบแก่นอบิลิตี้ของเขมือบฟ้าออกมาอีกครั้ง
แก่นอบิลิตี้นี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร และอักษรรูนที่กักเก็บเอาไว้ภายใน มันดูไม่น้อยไปกว่าศิลานรกที่เขาเคยครอบครองเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เจ้าสิ่งนี้คือการดำรงอยู่ที่เกือบก้าวขึ้นสู่ระดับสัตว์เทวะ ดังนั้นถึงสู้ในเรื่องคุณภาพไม่ได้ แต่ยังครอบครองพลังงานมหาศาลเกินกว่าจะคาดคำนวณ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ พลังสมาธิมหาศาลที่กักเก็บอยู่ภายในแก่นอบิลิตี้นี้
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงเหยียดมือ วางแตะลงบนแก่นอบิลิตี้เขมือบฟ้า
จากนั้น สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ว่าสีดำหมึกภายในแก่นอบิลิตี้ กำลังเข้าสู่ฝ่ามือของฉินเฟิง ไหลผ่านแขน ผ่านช่วงไหล่ ลำคอ มาจนถึงศีรษะ!
กลางหน้าผาก บังเกิดกระแสวังวน พลังสมาธิของฉินเฟิงได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที พลังงานที่สูญเสียไปเมื่อครู่ก็ถูกเติมเต็ม
ไม่เพียงแค่นั้น แต่พลังสมาธิของฉินเฟิงยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตัวเขาในปัจจุบัน ครอบครองพลังสมาธิมหาศาล หากต้องการเติมเต็มเงื่อนไขในการยกระดับ นับว่าใกล้ถึงจุดหมายแล้ว
ยังไม่พอ ระหว่างฉินเฟิงกำลังใช้งานพลังพิเศษดูดกลืน บางสิ่งรอบตัวเขา ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นฉากนี้ หยูหยางเต๋ายังจะนอนหลับได้อย่างไร? ในหัวใจของเขาบังเกิดความผวาขึ้นอีกครั้ง
‘มาอีกแล้ว! ความรู้สึกนั้น!’ หยูหยางเต๋าบังเกิดความรู้สึกว่าฉินเฟิงในตอนนี้ช่างน่าหวาดกลัว เป็นสัตว์ประหลาดในคราบมนุษย์ขนานแท้ ราวกับว่าเพียงอีกฝ่ายอ้าปาก ก็สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งได้ในคำเดียว
หยูหยางเต๋ายังรู้ว่าหากฉินเฟิงคิดสังหารตน ตอนนี้มันง่ายดายไม่ต่างจากการบี้มด นี่ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองโดยตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แต่เขารู้เช่นกันว่าฉินเฟิงจะไม่ทำแบบนั้น
หยูหยางเต๋าทำได้เพียงจ้องมอง เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงรอบตัวที่เกิดขึ้น
แก่นอบิลิตี้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตร ปัจจุบันหดเล็กลงเหลือ 90 เซนติเมตร
ขณะเดียวกัน ศพของเขมือบฟ้าก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้อักษรรูนมืดจะปนเปื้อนอยู่ในเลือด เนื้อ และหนังของมันอยู่ก่อนแล้ว แต่ปัจจุบันมันคือซากศพ ดังนั้นต่อให้เลือดเนื้อยังมีพลังงานแฝงอยู่ แต่ก็สามารถติดตัวหุ่นเชิดแห่งความตายมาได้ระยะหนึ่งเท่านั้น
และเนื่องจากพลังพิเศษดูดกลืนของฉินเฟิง สภาพของหนังเหล่านั้นเลยค่อยๆแห้งแตก กลายเป็นสีเทา เมื่อถูกคลื่นซัดสาด ก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ
เลือดและเนื้อก็เริ่มแห้งกรัง และกลายเป็นผงสีดำ ร่วงหล่นลงมา
จากเดิมปรากฏการนี้เกิดขึ้นแค่ในส่วนหัวของเขมือบฟ้า ปัจจุบันค่อยๆแพร่กระจายไปตามร่างกาย สุดท้ายลุกลามถึงหาง
ห้วงเวลาค่อยๆไหลผ่านไป จากเช้าตรู่ถึงช่วงค่ำ ฉินเฟิงก็ยังรักษาสภาวะดูดกลืนของเขา
และในที่สุด
ฉินเฟิงก็รู้สึกว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกายกำลังตอบสนอง พวกมันส่งเสียงโห่ร้องยินดีที่ถูกเติมเต็มจนอิ่มหนำ
ตูม!
ความแข็งแกร่งทางกายภาพยกระดับขึ้นสู่เลเวล B !
ในที่สุด หลังจากที่กำลังภายในของฉินเฟิงไปถึงเลเวล B ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิง สุดท้ายก็ตามทัน แต่เอาจริงๆแค่ดูจากการผลงาน ฉินเฟิงสมควรอยู่ในระดับเลเวล B ตั้งแต่แรกแล้ว
กลิ่นอายอันน่าตื่นตะลึง แพร่กระจายออกมา
‘เลเวล B ล่ะ … แถมยังไม่ใช่เลเวล B ระดับสามัญ แต่เป็นลูกรักของพระเจ้าเลเวล B !’ หัวใจของหยูหยางเต๋าคล้ายถูกกระหน่ำซัด
นั่นเพราะลูกรักของพระเจ้ามีระดับเทียมเท่ากับราชันย์ ทว่าเบื้องหน้าเขากลับรู้สึกได้ว่ามันสูงกว่านั้น!
ปัจจุบันนี้ กลิ่นอายของฉินเฟิง ได้บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงให้แก่หยูหยางเต๋าทราบ
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่ายังไม่จบลงเพียงเท่านี้
แก่นอบิลิตี้ในมือของฉินเฟิง หดจนเหลือขนาดเพียง 10 ซม. เท่านั้น
เปรี๊ยะ!
บนแก่นอบิลิตี้ เริ่มปรากฏรอยร้าว และเมื่อรอยร้าวปรากฏขึ้น ตลอดทั้งแก่นอบิลิตี้ก็เริ่มเกิดเสียง คลิก คลิก คลิก และแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เงื่อนไขการยกระดับพลังสมาธิถูกเติมเต็ม โซ่ตรวนที่อยู่ในจักรวาลแห่งจิตสำนึก คล้ายถูกพลังงานใหม่ทำลายออก
วู้มมมม!
เพียงพริบตา พลังสมาธิของฉินเฟิงยกระดับไปอีกขั้น ทุกสิ่งรอบตัวคล้ายตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา และพลังสมาธิที่ปลดปล่อย รัศมีของมันไกลจนน่าใจหาย
กลิ่นอายนี้ ท่วมทับหยูหยางเต๋าจนเขาไม่อาจสูดหายใจ บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งทางกายภาพเลเวล B และพลังสมาธิในเลเวล B --ยกระดับขึ้นทั้งคู่!
ใช้เวลากว่า 5 นาทีเต็ม แรงกดดันนี้ถึงค่อยหยุดลง ฉินเฟิงลืมตาขึ้น
ดวงตาของเขามืดมิดราวสีหมึก ให้ความรู้สึกลึกล้ำไร้ที่สิ้นสุด
“ฟู่ว …”
ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจ เสียงฟังคล้ายเป็นการถอนหายใจหลังจากรับประทานอาหารจนอิ่มหนำ
จากนั้น ฉินเฟิงเริ่มกระพริบตาของเขา กลิ่นอายทางกายภาพอันทรงพลัง และแรงกดดันจากพลังสมาธิก็ค่อยๆจางหายไป
นี่คือรูนมืดที่ใช้กลบซ่อนกลิ่นอายของฉินเฟิง ถึงจะมีมัน แต่กระนั้นมองยังไง ก็เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล B !
ฉินเฟิงผุดลุกขึ้น
“ยินดีด้วยนะฉิน …. เฟิง !” ไม่ใช่สิ เมื่ออีกฝ่ายยกระดับได้แล้ว แบบนี้หยูหยางเต๋าสมควรเรียกว่าท่านผู้ใหญ่ฉินถึงจะถูก แต่ทัศนคติมันไม่ได้เปลี่ยนกันง่ายๆแบบนั้น เลยกลืนคำพูดนี้ลงไป แต่ถ้าจะให้เรียกชื่อเฉยๆก็รู้สึกไม่ดี
“ขอบคุณ!”
ฉินเฟิงผงกหัวยิ้มเล็กน้อย เขาไม่คาดฝันเลยว่าหลังจากมาถึงทะเลนรก จะได้รับผลประโยชน์ดีๆเช่นนี้ การเก็บเกี่ยวในครั้งนี้ มหาศาลกว่าที่คิดเอาไว้มาก
เขาหันไปมองรอบๆ และพบว่าขณะนี้ รูปลักษณ์ของเขมือบฟ้า ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงโครงกระดูกซีดๆขนาดใหญ่โต ส่วนเนื้อหนัง และอวัยวะภายในล้วนหายไปหมดสิ้นแล้ว
“ดูเหมือนว่าพวกเราคงไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเลือดของมันจะแพร่กระจายออกไป” ฉินเฟิงกล่าว
“ใช่ แต่ฟันของเขมือบฟ้ายังคงแหลมคม และตัวมันเองก็ยังครอบครองประสิทธิภาพในการรบที่ดีอยู่!”
ถูกต้อง อันที่จริงสภาพในตอนนี้ ยิ่งทำให้หุ่นเชิดแห่งความตายดูน่ายำเกรงกว่าเดิมซะอีก
สัตว์ทะเลยักษ์ที่มีหัวเป็นปากใหญ่ ครอบครองฟันอันแหลมคม สามารถฉีกกัดทุกสรรพชีวิต ภายใต้การปกคลุมของรูนมืด โครงกระดูดสีซีดเหล่านี้ค่อยๆกลายเป็นสีดำเหมือนหมึก
น่าสยองขวัญชวนผวาเป็นอย่างยิ่ง!
“ไปกันเถอะ” ฉินเฟิงเริ่มกระตุ้นพลังสมาธิของเขาอีกครั้ง ควบคุมเขมือบฟ้าแหวกว่ายต่อไปข้างหน้า