Ep.668 - ทัศนคติกลุ่มเฟิงหลี
3/5
Ep.668 - ทัศนคติกลุ่มเฟิงหลี
สิ่งที่เหอเจี๋ยคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเธอบอกข่าวแก่โกวก๋วน อีกฝ่ายกลับไม่แสดงออกถึงสีหน้าว่าฟ้าได้ถล่มทลายลงมา หากแต่ยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบแทน สองคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย คล้ายกำลังใช้ความคิด
“หรือถ้าให้พูดอีกแบบนึงก็คือ คุณไม่ได้เห็นประธานตายกับตา เห็นแค่ว่าสัตว์ทะเลกลืนเขาลงไปเท่านั้นใช่ไหม?”
“นั่นไม่ใช่สัตว์ทะเลธรรมดา! ฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้คุณไม่อาจยอมรับ แต่มันคือเขมือบฟ้าที่ทรงพลัง มันมีความแข็งแกร่งในระดับจักรพรรดิเลเวล A เป็นอย่างน้อย อยู่ห่างจากระดับเทวะอีกเพียงก้าวเดียว การดำรงอยู่ของมัน ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังเลเวล A ก็คงตายอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงแค่เลเวล C !”
โกวก๋วนยกมือขึ้น ขัดจังหวะคำอธิบายฟุ่มเฟือยยาวเหยียดของอีกฝ่าย
“ฉันเข้าใจ แต่ประธานของพวกเราก็ไม่ใช่เลเวล C ธรรมดาเหมือนกัน”
ยิ่งได้ติดตามฉินเฟิง ก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความลึกล้ำที่ไม่อาจคาดหยั่งของอีกฝ่าย
จากนั้น โกวก๋วนเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และโทรหาหมายเลขหนึ่ง
อุปกรณ์สื่อสารร้องขอการเชื่อมต่ออยู่นาน ในที่สุดก็มีคนรับสาย ปรากฏผู้หญิงที่มีผมและดวงตาสีเงินขึ้นบนหน้าจอสื่อสาร เธอดูดี สวย และทรงเสน่ห์มาก กระทั่งเหอเจี๋ยที่อยู่ข้างๆ ยังเกิดความรู้สึกละอาย
ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นนางสวรรค์มิใช่มนุษย์!
โกวก๋วนตระเตรียมตัวมาพักหนึ่งแล้ว เขาก้มหน้าลง ไม่มองหน้าไป๋หลีตรงๆ แสดงออกถึงความเคารพอย่างแท้จริง
“รองประธาน ขอโทษที่โทรมารบกวนคุณ พอดีฉันได้รับข่าวจากคนข้างๆ เลยอยากขอคุณช่วยยืนยันให้หน่อย”
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” ไป๋หลีมองโกวก๋วนด้วยความฉงน เธอไม่มีหน้าที่รับผิดชอบสิ่งต่างๆ ดังนั้นหากจู่ๆมาขอให้เธอยืนยัน มันคงฟังดูแปลกพิกล
โกวก๋วนเมื่อได้ยินแค่ว่า ‘เกิดอะไรขึ้น?’ เขาก็พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้หลายส่วน สีหน้าการแสดงออกผ่อนคลายลงกว่าเดิมเยอะ
“คือเรื่องมันมีอยู่ว่า ท่านประธานได้ออกทะเล ต่อมาผู้ใช้พลังที่ไปด้วยกันกับเขา บอกว่าท่านประธานอาจตกอยู่ในอันตราย โดนกลืนกินโดยสัตว์ทะเลยักษ์ จนตอนนี้ยังไม่ทราบสถานการณ์”
ไป๋หลีขมวดคิ้วและกล่าว “นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉินเฟิงยังปลอดภัยดี”
โกวก๋วนพยักหน้า แสดงออกว่าเข้าใจ
“ฉันเข้าใจแล้ว ขบโทษที่รบกวน” โกวก๋วนกล่าว
“ถ้าคุณยังรู้สึกไม่สบายใจ ให้ฉันไปตรวจสอบดูก็ได้ ..”
“ไม่ ไม่เลย ฉันเชื่อมันในความสามารถของท่านประธาน!”
“อืม งั้นวางสายแล้วนะ เล่นเกมอยู่”
ไป๋หลีวางสายทันที สีหน้าของโกวก๋วนดูดีขึ้นหลายส่วน จากนั้นก็ติดต่อหาหมายเลขอื่น
เหอเจี๋ยที่คอยมองอยู่ด้านข้างพ่นลมหายใจฮึดฮัด กล่าวทันทีว่า “แค่นี้ก็จบแล้วหรอ? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
โกวก๋วนยกมือท่าปางห้ามญาติ หยุดคำพูดของเหอเจี๋ย ปลายสายที่โทรหาก็กดรับพอดี
“สหายโกว มีอะไรงั้นหรอ?” ปลายสายมิใช่ใครอื่น เป็นซูซิงฝูผู้ร่ำรวย
“สหายซู คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ ประธานออกทะเล ฉันกลัวว่าเขาน่าจะหายหน้าหายตาไปสักพัก ธุรกิจที่นี่อาจต้องหยุดลง”
“หายไปอีกแล้วหรือ? ท่านประธานหาเรื่องวุ่นวายให้คนอื่นตลอดเลยสิน่า งั้นคุณควรกลับมาก่อน หลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ อย่าให้ใครคิดว่าเจ้านายของพวกเราตายไป พวกมันจะเร่งปล้นสะดมในช่วงที่ไฟยังร้อน โชคยังดีที่ครั้งนี้มิสไป๋ไม่ได้ติดตามไปด้วย พวกเลเวล B ทางฝั่งฉันเลยยังไม่กล้าทำอะไรมากนัก”
“อืม เข้าใจแล้ว ระงับธุรกิจที่นี่เอาไว้ก่อน ฉันจะรีบถอนตัวทันที”
“ตกลง แล้วเจอกัน”
หลังจากนั้นก็วางสายไป เหอเจี๋ยเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “มิสเตอร์โกว คุณยังไม่เชื่ออีกหรือว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับผู้การฉิน? ฉันเห็นฉากนั้นกับตาตัวเอง!”
โกวก๋วนพยักหน้าและกล่าว “ฉันเข้าใจคุณ แต่เป็นคุณต่างหากที่ไม่เข้าใจประธานฉินของพวกเรา ดังนั้น รับรู้ไว้เถอะ ว่าสิ่งที่คุณเห็นกับตาตัวเอง ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณพูด ยังไงซะประธานฉินยังปลอดภัยดีแน่นอน โปรดเชื่อฉัน ขอเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน เขาจะกลับมา บางทีอาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ!”
“นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร? ทำไมคุณดื้อรั้นแบบนี้ มีหลักฐานหรือเปล่าว่าเขายังปลอดภัย นั่นมันก็แค่การคาดเดาและคาดหวังไปเองของคุณ! ถ้าสิ่งต่างๆไม่เป็นอย่างที่คุณคิดมันจะเกิดอะไรขึ้น! ถึงตอนนั้นทุกอย่างอาจสายเกินแก้แล้ว!” เหอเจี๋ยโวยวาย
เธอรู้สึกว่าสิ่งที่โกวก๋วนต้องทำในตอนนี้ คือการแจ้งแก่สมาชิกกลุ่มเฟิงหลีให้ทุกคนได้ทราบ ไม่ก็แจ้งแก่ผู้คนทางรัฐทะเลเหนือ เตรียมพร้อมรับมือทุกสิ่ง และอาจถึงขั้นกระจายทรัพย์สินของกลุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูทั้งในอดีตและอนาคตมาเคาะประตูถึงหน้าบ้าน
แต่โกวก๋วนดันสวนกลับมาว่า “พวกเรามีเกณฑ์ในการพิจารณาของพวกเราเอง คุณไม่ต้องกังวลกับจุดนี้ หรือต้องให้ยืนยันคำเดิม? ถ้าคุณยังไม่เข้าใจ ฉันก็ไม่สามารถบอกคุณได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะนี่คือความลับของกลุ่มเฟิงหลีของพวกเรา!”
ความลับนี้ เกรงว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะล่วงรู้เกี่ยวกับมัน
ในความเป็นจริง ความลับนี้เรียบง่ายมาก นั่นคือผู้บริหารระดับสูงหลายคน เริ่มคาดเดาสถานะของไป๋หลีออกแล้ว!
ไป๋หลีบริสุทธิ์เหมือนกับกระดาษเปล่า จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเพิ่งใช้ชีวิตอยู่ในมิติมนุษย์ได้เพียงสองปีเท่านั้น หมายความว่าระยะเวลาในการทำความเข้าใจสังคมมนุษย์มันสั้นมากเช่นกัน หลังจากได้สื่อสารกันเป็นเวลานาน ก็ชวนให้ผู่คนคาดเดาถึงความลับได้เป็นธรรมดา
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าไป๋หลีจะไม่มีความคิดปกปิดมันแม้แต่น้อย กระทั่งฉินเฟิงเองก็ไม่ใส่ใจ
ในช่วงแรกๆที่เขาใส่ใจ นั่นเพราะฉินเฟิงยังไม่แข็งแกร่งพอ การทำสัญญากับสัตว์ร้ายที่มีศักยภาพระดับราชันย์ตั้งแต่เลเวล G มันไม่ต่างจากการกระตุ้นความริษยาของผู้คน
แต่ตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เลเวล A ขึ้นไปย่อมไม่มีทางรู้ลึกถึงความลับของไป๋หลี และสุดท้ายเมื่อเลเวล S ไม่คิดเข้ามาแทรกแซง ต่อให้ฉินเฟิงไม่เอ่ยปากเรื่องไป๋หลี แต่ก็ไม่คิดปกปิดมันเป็นพิเศษอีกต่อไป
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่ามีคนล่วงรู้สถานะของไป๋หลีมาตั้งนานแล้ว นั่นคือโจวฮ่าว
ดังนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ เมื่อได้พูดคุย พบเจอกันเป็นเวลานาน ย่อมคาดเดาถึงความลับได้ไม่ยาก
ตัวอย่างเช่นในตอนแรกหลายคนคิดว่าผมของไป๋หลีถูกย้อม ส่วนดวงตาใส่คอนเทคเลนส์ แต่พอได้ใกล้ชิด กลับพบว่าไป๋หลีไม่ได้ย้อมผม ดวงตาก็ไม่ได้มีอะไรมาปกปิด อีกฝ่ายมีกระทั่งอบิลิตี้มิติ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยู่ในขอบเขตความเชี่ยวชาญของมนุษย์
เช่นเดียวกัน ในบางครั้ง ไป๋หลีมักเปิดเผยแรงกดดันออกมาโดยไม่ตั้งใจ และแรงกดดันที่ว่า แตกต่างจากของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
ยิ่งนานวัน ผู้บริหารระดับสูงของเฟิงหลีก็ค่อยๆคาดเดาและล่วงรู้ เกรงว่าไป๋หลีแท้จริงแล้วจะเป็นสัตว์ร้ายรูปลักษณ์มนุษย์ และสัตว์ร้ายตนนี้ ยังได้ทำพันธสัญญากับฉินเฟิงเป็นที่เรียบร้อย
ดังนั้น เมื่อทำสัญญากันแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับฉินเฟิง คนแรกที่จะรู้สึกวิตกกังวลย่อมเป็นไป๋หลี แต่เมื่อครู่ ไป๋หลียังมีท่าทีผ่อนคลาย ไม่เหมือนกับว่าคู่พันธสัญญาของเธอกำลังเดือดร้อนอยู่เลย
อย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านี้ โกวก๋วนแน่นอนย่อมไม่มีทางบอกมันแก่เหอเจี๋ย
เขาเรียกระดมพลอย่างรวดเร็ว สำหรับเรือดำน้ำเฟิงหลีไม่สนใจใดๆ ขึ้นเรือเหาะจั๊มป์ผ่านมิติ พาสมาชิกกลับไปยังรัฐทะเลเหนือทันที
…
ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงผู้ไม่ทราบถึงเรื่องราวอะไรเลยในโลกภายนอก กำลังพบกับวิกฤตไม่แพ้กัน
ฉินเฟิงทำร้ายเขมือบฟ้าจากภายใน เห็นได้ชัดว่าชักนำอันตรายมาสู่มัน นอกจากนี้ เขมือบฟ้าเหมือนจะเริ่มไม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดในร่างกายของตนได้แล้ว ดังนั้นบังเกิดความคิดแก้ปัญหาหนึ่งขึ้นมา
อักษรรูนมืดนับไม่ถ้วนก่อร่างเป็นอบิลิตี้ ไหลบ่ามายังตำแหน่งที่เกิดความรู้สึกเจ็บปวด บ่งบอกจุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการสังหารสิ่งมีชีวิตที่ทำให้มันบาดเจ็บ
กระบวนการนี้เช่นเดียวกันกับกายมนุษย์ยามติดเชื้อหวัด ภูมิคุ้มกัมจะออกมาต้านทานไวรัส
รอบกายฉินเฟิงในเวลานี้ ฟุ้งไปด้วยเงามืดนับไม่ถ้วน
“ฮู้มมมมม!”
ในความมืดมิด เริ่มปรากฏเงาร่างเสมือนของเขมือบฟ้า มันเป็นสัตว์ทะเลอันน่าหวาดกลัว ทั้งยังมีปากยาว ผุดออกมาจากกำแพงเนื้อ กระโจนเข้ากัดฉินเฟิงอย่างดุร้าย
“เทคนิคมังกรไฟ!”
ฉินเฟิงเร่งเร้าพลังสมาธิ เรียกมังกรไฟออกมา สั่งการให้มันว่ายวนรอบกายเขา ต้านทานเงาดำเหล่านั้น
“เทคนิคลมหนุน!” หยูหยางเต๋าใช้ออกด้วยรูนลมในเวลาเดียวกัน ก่อร่างกระแสลมช่วยสนับสนุนมังกรไฟ หนุนเสริมเพิ่มพูนอำนาจขึ้นเป็นสองเท่าทันที