สุดยอดนักสืบในโลกแห่งจินตนาการ (SDFW)-ตอนที่ 32
ตอนที่ 32 ความพากเพียรและการช่วยเหลือจาก FBI
เหล่ามือปืนที่กำลังยิงปืนและสาดกระสุนใส่ลุคและเซลิน่าอย่างสนุกสนานก็ตกใจกับการยิงสวนกลับมาของเซลิน่าและรีบหลบเข้าหาที่กำบังอย่างรวดเร็วแสดงให้เห็นถึงความมืออาชีพของพวกเขา
ในตอนแรกก่อนหน้านี้พวกเขากล้าที่จะยืนยิงปืนจากกลางถนนโล่งๆ ก็เพราะว่าพวกเขามีจำนวนคนที่เหนือกว่ามากและปืนก็เหมาะสมสำหรับการจู่โจมแบบถล่มเป้าหมาย
แต่ทว่าตอนนี้ที่พวกเขาต้องหลบด้วยเช่นกันก็เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามก็มีอาวุธปืนหนักเช่นกัน
ในจังหวะที่เซลิน่ายิงสวนไปนั้นเกือบจะยิงโดนพวกคนร้ายสองคน
เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดยิงต่อสู้กันด้วยอาวุธสงครามการโดนกระสุนเพียงครั้งเดียวนัดเดียวก็เป็นสามารถทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็นศพได้เลย
ในขณะที่เซลิน่ายิงตอบโต้ พร้อมกับเคลื่อนไหวถอยหลังไปเรื่อยๆ พวกแก๊งคาร์ลอสก็ไม่กล้าหยิ่งผยองและยืนอยู่กลางถนนโล่งๆ อีกต่อไป พวกเขาเปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มสลับกันยิงเพื่อกดดันเซลิน่า และพยายามที่จะฆ่าเซลิน่าด้วย
ในขณะที่เซลิน่ากำลังยิงตอบโต้พวกแก็งคาร์ลอสอยู่นั้น ลุคก็รีบวิ่งหลบไปด้านข้าง
ในขณะนี้ด้วยความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่วที่มากกว่าคนทั่วไปของลุค ทำให้เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจลุคก็มาถึงสนามหญ้าหน้าบ้านข้างๆ ลุคได้ยืนพิงกำแพงและมองไปที่การจุดที่มีการยิงตอบโต้กันอยู่
เขาหันหน้าไปมองถนนที่กว้างประมาณ 15 เมตร
ทุกอย่างในเท็กซัสจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับรัฐอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ถนนก็กว้างขึ้นเช่นกัน
ถ้าลุคพยายามข้ามถนนที่กว้างๆ โดยไม่มีแผนอะไรลุคอาจจะถูกฆ่าตายกลางถนนเลยด้วยซ้ำ
จากสิ่งที่ลุคสังเกตุเห็นตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับมือปืนแปดคน และแต่ละคนเป็นมือปืนที่มีประสบการณ์ในการยิงปืนมาพอสมควร
พวกแก๊งคาร์ลอสประสานงานกันเพื่อกดดันเซลิน่าได้เป็นอย่างดี ในขณะที่มีบางคนกำลังเปลี่ยนแม็กกระสุน ก็ยังมีคนที่เหลือยิงกดดันไว้
นอกจากนั้นลุคยังสังเกตเห็นว่ามีมือปืนบางคนยังไม่ได้ยิงแม้แต่นัดเดียว แต่ทว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่หลังรถบรรทุกตลอดเวลา
ซึ่งคนประเภทเหล่านี้เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้
ลุคเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเขาและหยิบก้อนกรวดกลมๆ จากกระถางดอกไม้ขึ้นมา
ลุคกะน้ำหนักหินในมือของเขาและพบว่ามันพอดีกับที่เขาคิดไว้ ถึงแม้ว่ามันค่อนข้างหนัก แต่ไม่หนักมากเกินไปนักสำหรับลุค
ลุคทำการเล็งไปทางพวกคนร้ายจากนั้นก็โยนก้อนกรวดใส่รถบรรทุกอย่างกะทันหันและตะโกนเสียงดัง “ขว้างระเบิดไปแล้ววว!”
เหล่ามือปืนทั้งหมดที่กำลังยิงกราดอย่างสนุกสนานหยุดยิงโดยสัญชาตญาณ และเป็นเพราะตอนนี้เป็นกลางคืนจึงทำให้พวกเขาไม่มีใครมองเห็นว่าแท้จริงแล้ววัตถุทรงกลมที่ตกลงมานั้นเป็นก้อนหิน
ก้อนหินลอยตรงไปที่รถบรรทุกและกระแทกกระจกหน้ารถบรรทุกด้วยเสียงดังก่อนที่จะกระเด็นไปกระแทกกับประตูรถที่เป็นโลหะแล้วตกลงพื้นรถและก้อนหินก็กลิ้งไปมา
เหล่ามือปืนทุกคนตกใจอย่างมาก “ชิ_หายแล้ว? ไอ้เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเล็กๆ มีระเบิดได้ยังไงว่ะ? หรือว่าพวกนี้เป็นสมาชิกหน่วย SWAT ปลอมตัวมารึเปล่า?”
หลังจากที่เหล่ามือปืนสถบเสร็จก็หยุดยิงปืนและทุกคนก็กระโจนหาที่กำบังที่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะหาได้
แต่แล้ว…ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในขณะที่ก้อนหินกระแทกเข้ากระจกรถบรรทุก ลุคก็เห็นปฏิกิริยาของมือปืนที่พยายามหาที่กำบังและคนยืนสังเกตุการณ์อยู่ข้างหลังรถบรรทุกก็ซ่อนตัวหลบระเบิด
ลุคจึงรีบวิ่งข้ามถนนไป ในช่วงเวลาสองวินาทีสั้นๆ เขาก็เข้ามาถึงสนามหน้าบ้านของบิล
เหล่ามือปืนหลับในที่กำบังรอสองสามวินาทีผ่านไปและเมื่อไม่ได้ยินเสียงระเบิดพวกเขาก็รู้ได้ในทันทีว่ากำลังถูกหลอก
การที่พวกเขาตกหลุมพลางครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาโง่หรือว่าเป็นมือสมัครเล่น แต่ความจริงพวกเขาผ่านการต่อสู้ที่นองเลือดมามากเกินไป และได้เห็นว่าระเบิดนั้นได้คร่าชีวิตไปมากมายไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือพรรคพวกของพวก
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาต้องตอบสนองต่อเหตุการณ์ครั้งนี้
เพราะว่าในตอนนี้พวกเขาเข้ามาในถิ่นเท็กซัสซึ่งเป็นรัฐคนในพื้นที่มีอัตราการครอบครองปืนส่วนตัวสูงที่สุดในอเมริกาแล้ว และนี่ยังเป็นรัฐที่มีทหารที่เคยไปรบมากที่สุด เหล่าทหารผ่านศึกที่ออกจากกองทัพอาจจะมีระเบิดมือสอง-สามลูกที่เก็บไว้ในบ้านของพวกเขาก็เป็นได้
หลังจากลุคข้ามถนนมาอยู่หน้าบ้านของบิลได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงกระสุนปืนดังมาจากระยะไกล ลุคหรี่ตาลงและมองไปทิศทางนั้นและพบว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางของบ้านของเขา
ไอ้พวกบ้าคาร์ลาสมันส่งคนมาเก็บเขากี่คนกันแน่ว่ะ? พวกเขาถึงสามารถโจมตีสถานที่ทั้งสามแห่งในเวลาเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้นลุคก็ไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
โรเบิร์ตเป็นใครนะหรอ? โรเบิร์ตเป็นทหารผ่านศึกในกองทัพและเขาประจำอยู่ในเขตสงครามเป็นเวลามาแปดปี ทักษะของเขาน่าไว้ใจมากที่สุดแล้วในสถานการณ์ปัจจุบันในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นโรเบิร์ตก็ไม่ได้ทำงานคนเดียว นอกจากลุคและเซลิน่าแล้วโรเบิร์ตยังมีเจ้าหน้าที่อีกแปดคนที่พร้อมจะสนับสนุนกันได้ทุกเมื่อ อันที่จริงแล้วพวกเขาสามารถเผชิญหน้ากับมือปืนหลายสิบคนหรือมากกว่านั้นได้อย่างสบายๆ
ดังนั้นลุคจึงไม่กังวลเหมือนเซลิน่าก่อนหน้านี้
แทนที่จะรีบไปเปิดฉากยิงพวกมือปืนจากข้างหลัง ลุครออย่างอดทน
สถานการณ์ทั้งหมดเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงแล้วนับตั้งแต่ลุคและเซลิน่าโดนรถบรรทุกชนมันไม่ถึงสามนาทีเลย
สำหรับการซ่อนตัวของเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่น ๆ พวกเขาจึงถูกส่งไปประจำการในสถานที่ต่างๆ ภายในเมืองและจะเปลี่ยนที่ซ่อนเมื่อจำเป็นเท่านั้น
และด้วยขนาดของเมืองเล็กๆ แบบนี้พวกเขาทั้งหมดสามารถใช้เวลาไม่เกินห้านาทีในการเข้ามาช่วยลุคและเซลิน่า
แน่นอนว่าในระหว่างที่มือปืนกำลังยิงใส่เซลิน่า ก็มีรถเชฟโรเลต SUV พุ่งเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่อย่างรวดเร็วแล้ว
รถที่เข้ามาม่ได้เปิดไฟ จึงทำให้สังเกตรถได้ค่อนข้างยากว่า รถพุ่งเข้ามาจากทิศไหนภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิดเช่นนี้
รถ SUV จอดห่างจากพวกมือปืนประมาณ 100 เมตรและเจ้าหน้าที่สี่คนก็ออกมาจากรถพร้อมอาวุธครบมือเต็มรูปแบบ
ทันทีที่พวกเขาลงมาจากรถพวกเขาไม่ได้เปิดฉากโจมตีทันที พวกเขาสำรวจสภาพแวดล้อมและหาที่หลบซ่อนใกล้ๆ เพื่อหาตำแหน่งที่พวกเขาสามารถซ่อนตัวได้ พวกเขาก้าวเข้าไปหลบพร้อมเตรียมเปิดฉากจู่โจม
เป็นปกติอยู่แล้วที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอจะไม่ได้โง่เขลาเหมือนกับในภาพยนตร์ฮอลลีวูด พวกเอฟบีไอไม่มีทางทำอะไรโง่ ๆ เช่นการขับรถเข้าไปในพื้นที่ต่อสู้และตะโกนใส่อาชญากร ถ้าหากพวกเขาทำเช่นนั้นพวกเขาคงจะถูกยิงจนรูพรุนอยู่ทั่วร่างกายแน่ๆ
เมื่อพวกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเคลี่อนที่เข้าใกล้ที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร พวกแก็งคาร์ลอสก็สังเกตุเห็นเจ้าหน้าเอฟบีไอ ละเริ่มหันมายิงพวกเจ้าหน้าที่อย่างบ้าคลั่ง
พวกเอฟบีไอรีบหลบเข้าที่กำบัง และเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ตะโกนว่า“เอฟบีไอ! คุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว! วางอาวุธของคุณและยอมจำนนซะ!”
ลุคยิ้ม
สิ่งเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอกำลังตะโกนเพราะว่าพวกเขาโง่ แต่ทว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนปฏิบัติ
ถ้าหากว่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอได้แสดงตัวตนและบอกให้ยอมจำนน แล้วศัตรูแม้แต่คนเดียวยังไม่ยอมวางอาวุธ และเริ่มโจมตีพวกเขาก่อน เอฟบีไอก็สามารถที่จะยิงตอบโต้ได้ทันที
ในฐานะสมาชิกของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายสิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามขั้นตอน
ตัวอย่างเช่นเจ้าหน้าที่ในนิวยอร์กจะต้องตะโกนว่า“NYPD!” ก่อนที่จะบุกเข้าไปในอาคาร
เสียงตะโกนชี้แจงตัวตนของพวกเขาและถูกใช้เพื่อทำให้เป้าหมายของพวกเขาตกใจกลัว ดังนั้นผู้คนที่อยู่ในอาคารจะได้รับการเตือนว่าการต่อต้านนั้นผิดกฎหมายและหากพวกเขาถูกฆ่าตาย พวกเขาก็จะสามารถโทษตัวเองได้เท่านั้น
พวกแก๊งคาร์ลอสส่งนักฆ่ามืออาชีพมาจากเม็กซิโก แต่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่เพิ่งมาถึงก็ได้รับการฝึกฝนและมีการประสานงานได้เป็นอย่างดี
ระยะห่างประมาน 34 เมตรระหว่างพวกเขา ทั้งสองฝ่ายเริ่มยิงใส่กัน
เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเซลิน่าอยู่ในตำแหน่งมุมฉากของมือปืนเพื่อที่จะได้โจมตีจากสองตำแหน่งทำให้เป็นเรื่องยากที่จะทำให้พวกแก็งคาร์ลอสตอบโต้กลับมา
ส่วนลุคในตอนนี้ตาของเขามองสถานการณ์จากภายนอกอยู่ และลุคก็ยังไม่เปิดฉากยิง ลุควิ่งไปรอบ ๆบ้านของบิลและปีนขึ้นกำแพงเพื่อหามุมที่อับสายตาและสามารถโจมตีได้สะดวก
จากด้านบนของกำแพงในที่สุดลุคก็สามารถมองเห็นมือปืนทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
รถบรรทุกที่พุ่งชนพวกเขาเป็นรถบรรทุกขนขยะ คนที่ยืนอยู่ข้างรถบรรทุกคือผู้ชายที่ออกคำสั่งเหล่ามือปืนทั้งหมด และดูเหมือนว่าในรถยังมีคนขับนั่งอยู่ในรถด้วย
หลังจากที่เห็นคนร้ายทั้งหมดลุคก็สามารถนับจำนวนคนที่เข้ามาโจมตีพวกเขาได้ซึ่งลุคนับได้ทั้งหมดสิบคน
จากการคาดการณ์ของคริสเขาคิดว่ามีพวกแก๊งคาร์ลอสจะส่งคนมาทั้งหมด ประมาณ 20 คน เดินทางเข้ามาในเมือง ซึ่งนั่นนอาจหมายความว่าพวกเขาอาจแยกกันเป็นอย่างน้อย2 ทีมทำการจู่โจมพร้อมกัน (B_R: ไหนว่าโดนจู่โจมพร้อมกัน 3 สถานที่????)
เมื่อนับเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองแล้วก็มีจำนวนประมาณ 20 คนเช่นกันดังนั้นพวกเขาจึงไม่เสียเปรียบในแง่ของจำนวน
และนอกจากนี้พวกเขายังเป็นฝ่ายตั้งรับ พวกเขาจำเป็นต้องถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากจากเมือง Knox City เข้ามาสมทบ และเมื่อถึงเวลานั้นมือปืนเหล่านี้จะไม่สามารถหลบหนีได้เลย