บทที่ 181 ปรบมือ
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนไม่เข้าใจว่าผู้เล่นคืออะไร แต่นั่นไม่ได้หยุดเขาจากการทำความเข้าใจส่วนสำคัญของสถานการณ์
มีคนขโมยเป็ดต้มของเขาไป!
“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคำราม
อย่างไรก็ตามหิมะที่ลอยฟุ้งอยู่และความเร็วของรถลากเลื่อนที่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วบนพื้นหิมะ ก็ทำให้เขาไม่ทันเห็นว่าคนที่ช่วยขุนนางหญิงเป็นเด็ก 3 คนที่เขาเคยฆ่ามาก่อน
"อย่ากังวล ตราบใดที่เราขับรถลากเลื่อนได้เร็วพอ ลูกธนูจะไม่มาถึงเรา” ซิมบ้าปลอบผู้โดยสารให้สงบลงขณะที่เขากระตุ้นฮัสกี้
“…แม้พวกเขาจะตามเราทัน พลังของลูกธนูก็ไม่ได้แรงอะไรมาก” เขาเสริม บางทีเขาคงรู้สึกว่าความน่าเชื่อถือก่อนหน้านี้ของเขาน้อยเกินไป
ขณะเดียวกันซาซูก็หันไปมองด้านหลัง และพบว่านักธนูกำลังหยิบผงสีแดงออกจากถุงตรงสะโพกและโปรยมันใส่ลูกธนูของพวกเขา
เมื่อซาซูบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเห็น ใบหน้าของขุนนางหญิงก็ซีด เธอหันไปตรวจสอบด้านหลังและอุทานด้วยความตกใจว่า “มันคือผงคริสตัลส่องสว่างธาตุไฟที่ใช้ร่ายเวท!”
"อะไรนะ?" ซิมบ้าถามอย่างไม่เข้าใจขณะขับรถลากเลื่อน
“มันเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุ ทำจากเศษคริสตัลส่องสว่างที่มีคุณสมบัติของธาตุไฟ มันมีประโยชน์มากในการเล่นแร่แปรธาตุ และราคาก็ไม่แพงเพราะมันไม่ใช่ของหายาก…”
“พูดทุกอย่างให้จบในประโยคเดียว!”
ขุนนางหญิงดูเหมือนจะเรียนรู้เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุมาบ้าง แต่เมื่อเขาไม่มีเวลาฟังคำอธิบายโดยละเอียด ซิมบ้าเลยขัดคำอธิบายของเธอทันทีอย่างหยาบคาย
“สั้น ๆ เลยก็คือ เมื่อเจ้าโปรยมันลงบนโลหะหรืออาวุธ และปล่อยมันบินออกไป…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ลูกศรดอกหนึ่งตกลงบนหิมะข้าง ๆ พวกเขา
บึ้ม!
พื้นหิมะตรงจุดนั้นระเบิดหายไปเป็นไอพร้อมกับหลุมขนาดใหญ่ที่พื้น
ไม่ช้าหิมะที่ถูกละลายเป็นไอน้ำเพราะความร้อนของระเบิด ก็ก่อตัวขึ้นเป็นก้อนเมฆรูปเห็ดขนาดเล็ก ลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ทำให้เกิดภาพลวงตาว่าฤดูหนาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับฉากหิมะตก
“มันจะ…ระเบิด”
“สายไปแล้ว!” ซิมบ้าแทบจะร้องไห้ออกมา ขณะที่เขาพยายามสงบสติอารมณ์และบังคับรถลากเลื่อนยังแลงคาสเตอร์ พร้อมกับหลบลูกศรจุดระเบิดไปด้วย
พวกฮัสกี้ที่มีพึ่งความสุขและอยากจะกลิ้งไปมาท่ามกลางหิมะก็ตกใจกับพลังของลูกศร พวกมันหยุดทำน้ำลายไหลและเริ่มวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซาซูและนาล่าไม่ได้เป็นคนบังคับรถลากเลื่อน พวกเขาพยายามใช้คาถาหรือศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ทำลายลูกศรเหล่านั้นกลางอากาศ
แต่เสาหิมะยังคงปลิวขึ้นทั้งสองด้านของรถลากเลื่อนโดยลดระยะห่างลงทีละนิ้ว ช่างน่ายินดีที่ทหารไม่ได้ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมหรือเทพเจ้าแห่งการล่า ลูกศรของพวกเขาจึงไม่มีตัวช่วยเพิ่มแม่นยำเหมือนที่เรนเจอร์มี
ยิ่งไปกว่านั้นโคโดบอสร่าก็ไม่ได้เป็นเมืองของไรเดอร์ และทักษะการยิงธนูบนหลังสัตว์ขี่ก็ไม่ค่อยจะดีนัก พวกเขาสามารถเล็งเป้าได้ดีขึ้นเมื่อสัตว์ขี่ของพวกเขายืนอยู่นิ่ง ๆ แต่เมื่อสัตว์ขี่เริ่มวิ่ง ความแม่นยำก็ขึ้นอยู่กับโชคเท่านั้น
ตอนแรกซิมบ้าตั้งใจจะหนีไปยังแลงคาสเตอร์...หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไปยังจุดที่มีการคุ้มกันใกล้ ๆ เพราะทหารเหล่านั้นจะไม่กล้าประมาทสร้างเรื่องในที่ที่เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นได้
ความจริงพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปไกลขนาดนั้น เพียงแค่ต้องไปให้ถึงกองทหารของแลงคาสเตอร์ ที่ได้รับมอบหมายให้กำจัดมนุษย์เงือกหนองน้ำรอบเมืองเพื่อพลิกกระดาน!
แต่ลูกศรจุดระเบิดทำให้แผนการของเขายุ่งเหยิง
ลูกศรธรรมดาจะไม่สามารถลด HP ได้มากนัก พวกเขาสามารถใช้โพชั่นรักษาเมื่อ HP ของพวกเขาลดลงถึงระดับวิกฤต ไม่ต้องพูดถึงว่าซาซูและนาล่ายังสามารถเป็นโล่เนื้อให้คนอื่น ๆ ได้อีกด้วย
แต่ลูกศรจุดระเบิดนั้นทรงพลังเกินไป และเขาก็ไม่รู้ว่ามันสามารถสร้างความเสียหายได้แค่ไหน แต่เมื่อเทียบกับขนาดของหิมะที่ฟุ้งกระจายขึ้นมา กับร่างเล็ก ๆ ของพวกเขาที่มีเลเวลน้อยกว่า 10 พวกเขาอาจตรงไปยังห้องมืดทันทีหากโดนลูกศรนั้นเข้าไปเพียงดอกเดียว
“เดี๋ยวก่อน เราจะไปแลงคาสเตอร์ไม่ใช่หรือ” ขุนนางหญิงถามเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าซิมบ้ากำลังบังคับรถเลื่อนไปยังเส้นทางอื่น
“เจ้าพวกนั้นจะโจมตีเราโดนไม่ช้าก็เร็ว ไม่ว่าโชคจะเข้าข้างพวกมันหรือไม่ก็ตาม” ซิมบ้าอธิบาย “ข้าขอโทษ แต่รถลากเลื่อนคันนี้ไม่มีทางไปถึงที่นั่นแน่ มันจะจบลงทันทีหากเราโดนลูกศรนั้นเข้าไปเพียงครั้งเดียว”
เมื่อพวกเขากลับมาช่วยขุนนางหญิงและเกวนโดลิน ซิมบ้าก็ได้ตระหนักแล้วว่ารถลากเลื่อนคันนี้ไม่น่าเชื่อถือพอ การสั่นเพียงเล็กน้อยจะทำให้ข้อต่อของมันดังเอี๊ยด และรถเลื่อนทั้งคันก็จะถูกทิ้งไว้กลางหิมะหากบังเอิญวิ่งเข้าไปชนก้อนหิน
ความจริงเลื่อนได้หดลงหนึ่งในห้าของขนาดเดิมแล้วระหว่างทางมาที่นี่
“แต่มันก็ไม่แตกต่างเลยไม่ใช่หรือ”
ขุนนางหญิงมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ล่าสัตว์
กองทหารที่นี่ทั้งหมดถูกสังหารโดยสัตว์ประหลาดปลาหน้ามนุษย์ และสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ถูกสังหารโดยฆาตกรที่สังหารบารอนไนเจลาเนียไปแล้ว แม้จะมีกระท่อมหลังนั้นที่พวกเขาสามารถใช้หลบภัยได้ แต่ศัตรูก็มีลูกศรจุดระเบิด อาคารไม้ธรรมดาไม่สามารถหยุดยั้งมันได้...
“ไม่เป็นไร ไว้ใจข้าเถอะ!”
ซิมบ้าพูดอย่างจริงจังแต่ไม่ได้อธิบายอะไร เขากำลังบังคับให้รถลากเลื่อนเลี้ยวไปอีกทาง
ขุนนางหญิงเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ
อันที่จริงเธอยังมีคำถามมากมาย
ตอนนั้นหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนดูเหมือนจะไม่โกหก เมื่อเขาบอกเธอว่าเขาฆ่าเด็ก 3 คนนี้ไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี…และยังเอารถลากเลื่อนมาด้วย...
แล้วพวกเด็ก ๆ จะเสี่ยงชีวิตช่วยพวกเธอไปทำไม หรือเธอควรถามว่าทำไมองค์กรของฆาตกรที่สังหารบารอนไนเจลาเนียถึงช่วยพวกเธอขนาดนี้?
หากพวกเขาต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับแลงคาสเตอร์ พวกเขาก็แค่ต้องช่วยเกวนโดลินที่ถูกล้างสมองได้ง่าย เธอและสาวใช้ของเธอไม่จำเป็นเลย โดยเฉพาะเธอที่เป็นเพียงภาระและไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใด ๆ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม การทิ้งเธอไว้เพื่อที่พวกเขาจะหนีได้ไวขึ้นถือเป็นกลยุทธ์การหนีที่เหมาะสมที่สุด
แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ทั้ง 3 คนก็ยังทำทุกวิถีทางเพื่อกันทหารของเมืองโคโดบอสร่าเอาไว้ พวกเขาไม่แสดงท่าทีที่จะทิ้งเธอไปเลยแม้พวกเขาจะตกเป็นรอง และอาจไม่เคยพิจารณาถึงความเป็นไปได้นี้จริง ๆ
เมื่อเห็นเลื่อนกำลังจะถูกลูกศรจุดระเบิดระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ ในที่สุดขุนนางหญิงก็ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้ “ทิ้งข้าไว้ที่นี่แล้วหนีไป ข้าจะพยายามซื้อเวลาให้เจ้า! มันไม่เป็นไรตราบใดที่เจ้าสามารถพาเกวนโดลินไปยังที่ปลอดภัยได้!”
"นายหญิง!" สาวใช้ทั้งสองน้ำตาคลอเบ้า พวกเธอแทบไม่ได้พักหายใจเพราะอาการเมารถ ทำเอาพวกเธอรู้สึกเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง “เราจะตามท่านไปเสมอ!”
ขุนนางหญิงและสาวใช้สบตากัน แม้พวกเธอจะได้เห็นหน้ากันทุกวัน แต่ก็การได้สบตากันเช่นนี้ก็ทำให้พวกเธอรู้สึกเขินอายต่อกัน
หลังจากความเขินอายก็กลายเป็นความทราบซึ้งใจ พวกเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน สาวใช้ทั้งสองได้ติดตามขุนนางหญิงแม้หลังจากที่เธอแต่งงานไปยังแลงคาสเตอร์ในฐานะสินเดิมของเจ้าสาว
ตอนนี้พวกเธอก็ยังคงภักดี และจะไม่มีวันทอดทิ้งนายหญิงของพวกเธอไป
“พวกเจ้ากำลังพูดอะไร”
แต่ซิมบ้าไม่ได้รู้สึกทราบซึ้งอะไรด้วยเลย เขาพบว่าพฤติกรรมของพวกเธอน่างงงวยมาก “ไม่จำเป็นต้องฆ่าตัวตาย เรามาถึงพื้นที่ล่าสัตว์แล้ว!”
“แม้ว่าเจ้าจะหลบหนีไปยังพื้นที่ล่าสัตว์ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร…”
“ถ้าจำไม่ผิด มีมินิโคลอสเซียมที่นี่ใช่ไหม” ซิมบ้าไม่สนใจคำพูดของหญิงสาว เขายังคงบังคับรถลากเลื่อนต่อไปและถาม
เนื่องจากมีสัตว์ป่าดุร้ายบางตัวมักจะเดินหลงเข้ามาในบริเวณพื้นที่ล่าสัตว์ เหล่าขุนนางจึงมักจะจับพวกมันเป็นครั้งคราวและปล่อยพวกมันไว้ในโคลอสเซียม เพื่อดูสัตว์ร้ายเหล่านั้นฆ่ากันเองเพื่อความสนุกสนาน
แต่โคลอสเซียมแห่งนี้มีขนาดเล็กเกินไป เป็นสถานที่เล็ก ๆ สำหรับใช้เพื่อความบันเทิง มันเทียบไม่ได้กับโคลอสเซียมปกติ
“ที่นั่นป้องกันแย่กว่ากระท่อม” ขุนนางหญิงอดไม่ได้ที่จะถาม "เจ้าคิดอะไรอยู่?!"
ซิมบ้าไม่ได้ตอบ เขาขับรถลากเลื่อนตรงผ่านประตูโคลอสเซียมเข้าไปข้างใน
ทหารที่ไล่ตามมาด้านหลัง พุ่งตามเข้ามาภายในมินิโคลีเซียม และตีวงล้อมพวกเขาเอาไว้
แม้ว่าฤดูหนาวจะผ่านไปแล้ว แต่สภาพอากาศก็ยังไม่ดีนัก ท้องฟ้ามีเมฆมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้แม้ในเวลากลางวันก็ยังดูมืดสลัวเล็กน้อย
มินิโคลอสเซียมของพื้นที่ล่าสัตว์มีเพดาน ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมืดกว่าโคลอสเซียมทั่วไปมาก เมื่อมองจากด้านล่าง พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นที่นั่งผู้ชมได้อย่างชัดเจน
"ในที่สุดก็จับได้! ตอนนี้พวกเจ้าไม่มีที่ให้หนีแล้ว ยอมแพ้ซะ!" ในที่สุดหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นขณะที่เข้าล้อมซิมบ้าและคนอื่น ๆ ภายในโคลอสเซียม “พวกข้ามีกัน 20 คนและข้าก็เป็นถึงหนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดของโคโดบอสร่า พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
จบคำ ซิมบ้าก็ยืนขึ้นบนรถเลื่อนและปรบมือ
หัวหน้าหน่วยหน่วยลาดตระเวนรู้สึกสับสนกับการกระทำของเด็กชายอย่างมาก “อย่าขยับ! อย่าพยายามทำอะไรตลก ๆ!”
แต่ซาซูและนาล่าก็ยืนขึ้นบนเลื่อนด้วยเช่นกัน พวกเขายิ้มขณะที่ร่วมปรบมือไปกับซิมบ้า
ในไม่ช้าคริสตัลส่องสว่าที่แขวนอยู่เหนือหลังคา ก็ส่องแสงปัดเป่าความมืดที่ปกคลุมในที่นั่งของผู้ชม
ที่นั่น ผู้เล่นเกือบ 100 ชีวิตที่เพิ่งสังหารเดรคหนองน้ำเสร็จลุกขึ้นจากที่นั่งผู้ชม พวกเขาทั้งหมดเห็นโพสต์ของซิมบ้าในฟอรัมจึงรีบมาที่นี่ทันที พวกเขาทุกคนปรบมือให้กับหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่โอ้อวดว่าตัวเองมีพวกมากถึง 20 คน
------------------------------