ตอนที่ 29 เข้าภูเขาลมดำ
หญิงสาวกับชายชราเดินไปตามถนนป่า
นางตัวสูง น่าหลงใหล มีกลิ่นหอมเหมือนผีเสื้อ ชายชราไว้เคราแพะสีขาว แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความร้ายกาจ
ทั้งสองมาถึงตีนเขาและมองยอดเขา สาวงามจ้องผู้อาวุโสแต่น้ำเสียงกลับเจือไปด้วยความโกรธ’จั๋วฝาน เจ้าควรทำตัวให้ดี ถ้าข้าพบว่าเจ้ามีเจตนาร้ายต่อภูเขาลมดำ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
“ฮ่าๆ ใจเย็นๆ อย่าลืมว่าตาแก่คนนี้มาเพื่อตรวจสอบเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ชายคนเดียวจะไปทำอะไรได้?”เสียงหัวเราะของชายชราดังไปถึงสวรรค์
เหล่ยยู่ถิงแค่นเสียง ไม่สนใจเขา“และถ้าข้าพบว่าเจ้าทำร้ายเสี่ยวซีแม้แต่เส้นผม ข้าก็จะจบชีวิตเจ้า”
“สบายใจได้ ข้าจับนางเป็นตัวประกันเพราะเราไม่ไว้ใจกัน ในแง่หนึ่ง ข้าต้องการหลักประกัน ส่วนในอีกแง่..”จั๋วฝานพูดด้วยน้ำเสียงลึกลับ“มันเพื่อตัวเจ้าเอง”
“เพื่อข้า?”
เหล่ยยู่ถิงไม่เข้าใจ แต่คำตอบเดียวที่นางได้รับคือการส่ายหัว
ทั้งสองปีนขึ้นไปเงียบๆ ครึ่งทาง พวกเขาก็มาถึงจุดตรวจแรก
“นั่นใคร?”
ชายแข็งแกร่งกระโดดมาขวางทาง แต่เมื่อเขาเห็นเหล่ยยู่ถิง เขาก็ก้มหัว“อ่า คุณหนูนี่เอง ไม่ใช่ว่าท่านไปเมืองเนตรสายลมหรอกหรือ ทำไม..”
“ข้ามีธุระ!”
เหล่ยยู่ถิงเชิดคาง เดินไปโดยไม่เหลียวแลชายคนนั้น
“เขาเป็นคนของหยางหมิง”จั๋วฝานกระซิบ“บอกข้าที ถ้างานเจ้าในเมืองเนตรสายลบเป็นความลับ ทำไมโจรทั่วไปถึงรู้เรื่องนี้?”
เหล่ยยู่ถิงขมวดคิ้ว
ความไว้วางใจที่ไม่สั่นคลอนก่อนหน้านี้ของนางโดนจั๋วฝานขยี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก นางเองก็เริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องมากมายของหยางหมิง อาจกล่าวได้ว่านางกับเขาเพิ่งพบกัน เขาจับตาทุกการเคลื่อนไหวของนาง แต่นางกลับทำตัวชินเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้นางรู้สึกถึงอันราย
“เจ้าจะเห็นเอง เมื่อเราไปถึง หยางหมิงจะมาต้อนรับเจ้า”จั๋วฝานยิ้มขณะเร่งความเร็ว เหล่ยยู่ถิงมองตามเขาด้วยความสงสัย
พวกเขาผ่านจุดตรวจหลายจุดก่อนไปถึงยอดเขา ตอนนี้พวกเขามายืนด้านหน้าประตูค่ายภูเขาลมดำ เนื่องจากจั๋วฝานแอบอ้างเป็นชายชราและถูกพามาโดยเหล่ยยู่ถิง จึงไม่มีใครถามอะไรกับเขา
แต่เมื่อพวกเขาก้าวเท้าข้ามประตู ชายคนหนึ่งก็ปรากฏ
เขาสูงสง่า แต่มีรอยยิ้มชั่วร้ายประดับบนใบหน้าหล่อเหลา จั๋วฝานรู้ได้แต่แรกเห็นว่านั่นคือหยางหมิง
“เห็นไหม ทุกการกระทำของเจ้าโดนรายงานกลับมา”จั๋วฝานเลิกคิ้วให้เหล่ยยู่ถิง เหมือนเด็กที่ชนะการเดิมพัน
แต่เหล่ยยู่ถิงไม่มีอารมณ์เล่นกับเขา แต่กลับสวมสีหน้าเคร่งขรึมแทน
จั๋วฝานทำให้นางสงสัยทุกย่างก้าวโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่าหยางหมิงอาจเป็นสายจากโหยวหมิงกู่
นางไม่อยากเชื่อมันเพราะเขาคือคู่หมั้นที่พ่อบุญธรรมตระเตรียมให้นาง มันยากสำหรับนางที่จะเปลี่ยนมุมมองที่มี
แต่ความสงสัยเหล่านั้นเป็นผลมาจากคำพูดของจั๋วฝานตลอดทาง
เหล่ยยู่ถิงกัดปาก นางมองหยางหมิงด้วยสายตาซับซ้อน
“น้องยู่ถิง เจ้าควรอยู่ในเมืองเนตรสายลมไม่ใช่หรือ?ทำไมถึงกลับมาอย่างกะทันหันเล่า?”หยางหมิงเข้าหานางด้วยรอยยิ้มและหันไปมองจั๋วฝาน“และนี่คือ..”
เหล่ยยู่ถิงลังเล“ศิษย์พี่ ศาลาเฉียนหลงไม่ใช่กลุ่มคนที่เราสามารถตอแยได้ แม้คนของโหยวหมิงกู่ก็ไม่ควรไว้วางใจ แผนการนี้อันตรายเกินไป ข้าจึงทิ้งคนให้คอยสังเกตการณ์”
สีหน้าของหยางหมิงเปลี่ยนไป แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็มากพอให้จั๋วฝานสังเกตเห็นจิตสังหารในดวงตาเขา
“น้องยู่ถิง ความเมตตาของอาจารย์หนักประดุจภูเขา เราจะไม่มอบชีวิตเราให้เขาได้อย่างไร?เราจะเห็นแก่ตัวกันได้อย่างไร?นอกจากนี้ เราไม่ควรล้างแค้นให้อาจารย์หรือ?”
“ข้ารู้ แต่ว่า….”เหล่ยยู่ถิงขมวดคิ้ว“เราไม่สามารถมองข้ามชีวิตของพี่น้องเราได้ นี่คือนักหลอมโอสถระดับสองที่ข้าเชิญมาช่วยพ่อบุญธรรม เราจะยุติการแก้แค้นนี้เมื่อเขาหายดี”
จั๋วฝานรีบประสานมือ“ฮ่าๆๆ ตาแก่คนนี้เร่ร่อนไปทั่วโลกและรักษาโรคร้ายมานับไม่ถ้วน ไม่มีบาดแผลหรือโรคร้ายใดที่เล็ดรอดสายตาข้าไปได้..”
‘ฮึ่ม ถ้าเจ้าสุดยอดขนาดนั้น เจ้าจะมาอยู่แถวนี้ทำไม?’หยางหมิงคิด
หยางหมิงพูดแทรกจั๋วฝาน“น้องยู่ถิง มีแค่ฝ่ามือมังกรหวนกลับถึงสามารถรักษาแผลได้ เจ้าไม่เชื่อข้ารึ?”
เหล่ยยู่ถิงนึกถึงช่วงเวลาที่ใช้กับหยางหมิงและหัวใจก็สับสนไปหมด
จั๋วฝานยืนคั่นกลางระหว่างทัั้งสองและถามหยางหมิง“น้องชาย ให้ข้าได้ลองเถอะ ข้าคือหมอ”
“ไสหัวไป!”
หยางหมิงโกรธและสะบัดฝ่ามือออกไป จั๋วฝานรู้สึกได้ถึงพลังของมันแต่ไม่หลบ ฝืนรับการโจมตี
ปัง!
แม้จะไม่ใช้วิชายุทธ์ แต่ฝ่ามือของผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นต้นก็มากพอจะทำให้เขากระอักเลือด
“ท่านโจมตีเขาทำไม?!”เหล่ยยู่ถิงตะโกน
จั๋วฝานฝืนยืนขึ้นขณะกระอักเลือดออกมาอีกกอง“ตาแก่คนนี้ไม่สามารถรับการทุบตีได้ คุณหนู ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ข้าขอปฏิเสธข้อตกลงก่อนหน้านี้ ข้าควรรู้แต่แรกว่าพวกโจรนั้นคุยไม่ได้”
“เจ้าพูดว่าไงนะ?”
หยางหมิงโกรธและตบอีกครั้ง แต่เหล่ยยู่ถิงขวางเขาไว้
“ข้าเชิญเขามา ถ้าท่านอยากตีเขา ท่านจะต้องผ่านข้าไปก่อน”
“ฮึ่ม งั้นก็ให้เขาลองรักษา แต่ถ้าเขาทำให้อาจารย์ยิ่งแย่ เขาจะไม่ได้ออกไปแบบมีชีวิต”หยางหมิงสะบัดแขนเสื้อ เดินออกไปด้วยความโกรธ
เหล่ยยู่ถิงรู้สึกผิดและจ้องจั๋วฝาน“มันเป็นความผิดของเจ้า ศิษย์พี่ถึงเมินข้า ข้ามันโง่เองที่เชื่อเจ้า ไม่มีทางที่ศิษย์พี่จะเป็นคนทำร้ายพ่อบุญธรรมไปได้”
“คุณหนู พ่อบุญธรรมท่านไม่ได้สอนวิธีตัดสินคนให้เจ้าหรือ?”จั๋วฝานเช็ดเลือดออกจากปากด้วยรอยยิ้ม“แต่นี่ถือว่าสมบูรณ์แบบ”
เหล่ยยู่ถิงตกใจ แต่ก็สงสัย
“ตอนเจ้าคุยกับบางคน เจ้าต้องอย่าสนใจสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ให้ดูการแสดงออก”
จั๋วฝานแสยะยิ้มชั่วร้าย“เหตุผลที่เขาหยุดข้าก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่รู้ระดับของข้า ต้องขอบคุณฝ่ามือนี้ เขาถึงเดาพลังข้าได้ และจึงปล่อยข้าให้ผ่าน เจ้าบอกข้าทีว่าเขาห่วงใยหรือไม่”
เหล่ยยู่ถิงนึกย้อนไป การกระทำทั้งหมดของเขาสอดคล้องกับที่จั๋วฝานพูดจริง จนถึงตอนที่เขาจากไป หยางหมิงยังยิ้มอ่อนให้นาง
[หรือว่า…]
เหล่ยยู่ถิงไม่กล้าสรุป ถ้านางทำแบบนั้น หัวใจของนางคงเจ็บปวดเกินรับได้และคงไม่สามารถหยุดตัวเองจากการเผชิญหน้ากับหยางหมิงได้ ตอนนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงไม่เหลือ
จั๋วฝานตบไหล่นาง“มา พาข้าไปหาพ่อบุญธรรมของเจ้า”
“เจ้าคนขี้โกง!แค่แสดงเป็นหมอก็พอแล้ว มีประเด็นอะไรให้ต้องไปเจอเขา”เหล่ยยู่ถิงแทบควบคุมอารมณ์ไม่ได้
จั๋วฝานยิ้มขณะยักไหล่“ตอนเจ้าแสดง เจ้าต้องทำให้ดี ยิ่งไปกว่านั้น ละครเรื่องนี้ยังไม่จบ”
ด้วยคำพูดสุดท้าย จั๋วฝานจึงเดินไปและเหล่ยยู่ถิงก็ตาม
ขณะเดินผ่าน สายตานับร้อยก็จับจ้องพวกเขา
เหล่ยยู่ถิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความเคารพกลับมีแค่ความระวัง
ทั้งสองเข้าห้องของเจ้าภูเขา เห็นหยางหมิงด้านใน เขาถือชามข้าวต้ม ป้อนอาหารให้ชายชราบนเตียง
“หึ ข้าจะให้เจ้ารับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาจารย์”
หยางหมิงทุบชามลงบนโต๊ะ จากนั้นก็นั่งลงด้านข้างเพื่อสังเกต
จั๋วฝานหัวเราะด้านในขณะตรวจชายชรา
เมื่อนิ้วของเขาแตะเอวของชายชรา เขาก็ใส่ปราณลงไป และสิ่งที่เขาเห็นก็ทำให้เขาตกตะลึง
“เขาไม่มีบาดแผลภายนอก”จั๋วฝานส่ายหัว
หยางหมิงหลอกตา“จำเป็นต้องพูดด้วยเหรือ?”
“และก็ไม่ใช่ทั้งภายใน”
ดวงตาของหยางหมิงหรี่ลง เขากำมือแน่น
เขาคิดว่าจั๋วฝาน ผู้บ่มเพาะกลั่นลมปราณขั้นสี่คงไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่ความเป็นจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขาผิด
จิตสังหารของหยางหมิงแผ่ออกมา!
“ถ้าท่านพ่อไม่ได้บาดเจ็บ แล้วทำไมเขาถึงขยับตัวหรือพูดไม่ได้?”เหล่ยยู่ถิงสงสัยการวินิจฉัยของจั๋วฝาน คิดว่าเขาแค่แสดง
[เจ้าจะอธิบายยังไงว่าผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูกกลับขยับตัวไม่ได้ทั้งๆที่ไม่มีแผล?]
จั๋วฝานเกาจมูก“ตาแก่คนนี้มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตัว”
ปัง!
หยางหมิงทุบโต๊ะขณะที่ชายชราบนเตียงจ้องจั๋วฝาน เขาอยากพูด แต่ก็ไม่มีแรง
แต่สายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเขากลับบอกทุกอย่าง..