ตอนที่ 10: หม่าล่าลูกกุ้ง (ส่วนที่ 3)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
--------------------------------------------------------------------------------------------
ก่อนจะเริ่มทำหม่าล่าลูกกุ้ง, ชิยูต้องเตรียมวัตถุดิบอื่นก่อนและก็ต้องขอขอบคุณธรรมชาติ. เพราะในหุบเขาข้างๆศาลร้างนั้นมีสมุนไพรป่าที่สามารถนำมาทำเป็นเครื่องปรุงได้อยู่. ส่วนหนึ่งก็ถูกย้ายมาปลูกไว้ในสวนของชิยูด้วย.
ปู้ หยานเห็นเธอหยิบใบไม้และผลไม้แห้งมา. จากนั้นชิยูก็ใส่น้ำมันลงไปในกระทะนิดหน่อย พอมันร้อนเธอก็หยิบขิง, หัวหอม, พริกและอื่นๆใส่ลงไปในกระทะแล้วผัดมัน.
พวกนี้เอามาผัดได้ด้วยหรอ?
ปู้ หยานตื่นเต้นมาก.
จากนั้นเขาก็เห็นชิยูใส่ใบไม้และผลไม้แห้งพวกนั้นลงไปผัดในกระทะด้วย.
ไม่นานกลิ่นหอมยั่วน้ำลายก็โชยขึ้นมา. เนื่องจากมีพริกอยู่กลิ่นนั้นทำให้ทุกๆคนที่ดมจามออกมา.
ด้วยเหตุผลแปลกๆบางอย่าง ปู้ หยานกับชอบกลิ่นนี้.
ตอนนั้นเองเล่าเอ๋อก็ล้างลูกกุ้งเสร็จแล้วนำมาให้. ชิยูใส่ลูกกุ้งลงไปในกระทะแล้วผัดมันซักพัก. พอลูกกุ้งเปลี่ยนสีจากเทา-ดำเป็นสีแดง ชิยูจึงใส่ไวน์กับน้ำตาลลงไป. พอกลิ่นเริ่มหอมมากขึ้นเธอก็ใส่น้ำแล้วปิดฝา.
“เอาล่ะ ทำอีกซักจานแล้วกัน”
เนื่องจากพวกลูกกุ้งนี้ค่อนข้างเผ็ด, พวกเขาคงคอแห้งเพราะความเผ็ดแน่. ดังนั้นพวกเขาต้องหาอะไรดื่มเพื่อล้างความเผ็ดไป. เนื่องจากส่วนใหญ่มีแต่เด็กๆและพวกเขาก็ดื่มเบียร์ไม่ได้ ชิยูจึงมอบหมายให้เสี่ยว วูกับเสี่ยว หลิวไปซื้อน้ำลูกพลัมเปรี้ยวมา.
พอลูกกุ้งสุกดีแล้ว, ชิยูก็เปิดฝาออก. กลิ่นหอมน่าอร่อยก็ฟุ้งออกมาและพวกเด็กๆก็น้ำลายสอ.
ปู้ หยานเคยกินลูกกุ้งมาก่อน. รสชาติมันห่วยมากเหมือนดินกับทรายเลย. แต่เพราะอะไรไม่รู้พอเขาได้กลิ่นหอมนั้น เขาก็น้ำลายหกออกมา.
“ชิมสิ!” ชิยูยื่นตะเกียบคู่นึงให้. เธอชอบที่จะดูสีหน้าตอนที่คนกินอาหารของเธอ.
ปู้ หยานไม่ปฏิเสธ เขาหยิบลูกกุ้งขึ้นมาหนึ่งตัว. พอแกะเปลือกมันออกเขาก็เอาเนื้อเข้าปากไป. รสชาติเนื้อเด้งของลูกกุ้งบวกกับความเผ็ดร้อนของซอสละลายในปากเขา. นี่...นี่มันสวรรค์ชัดๆ.
“อร่อยมากครับ!” ปู้ หยานร้องออกมา.
เนื้อกุ้งที่เด้งและนุ่มเต็มไปด้วยซอสเผ็ดนั้นรสชาติดีมากๆ. เขายังเคี้ยวไม่ได้รสเต็มที่เลยก็กลืนเข้าไปแล้ว.
พอเห็นปู้ หยานกินต่อหน้าพวกเขา พวกเด็กๆจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป. เด็กแต่ละคนหยิบกุ้งขึ้นมาด้วยมือโดยไม่สนว่ามันร้อนหรือป่าวเลย จากนั้นก็แกะเปลือกมันออกแล้วกัดเข้าเนื้อไปทันที.
“ป้ะ ไปกินกันด้านนอกเถอะ” ชิยูเทกุ้งใส่ถ้วยใหญ่แล้วเอาถ้วยไปวางไว้ที่โต๊ะใต้เงาต้นไม้ใหญ่.
ทันทีที่เธอวางถ้วยลง, พวกเด็กๆก็กรูกันเข้ามาแล้วกินอาหารทันที. ชิยูเทน้ำพลัมใส่จอกให้พวกเด็กแล้วนั่งลงกินกับพวกเขา.
ลูกกุ้งหนึ่งถ้วยใหญ่กับน้ำพลัมจอกเล็กๆ. ใต้แสงดาวของคืนนั้นมีกลุ่มเด็กและชายชราหนึ่งคนกำลังนั่งดื่มด่ำกับพวกมันอยู่.
พอคลุกกับซอสเผ็ดแล้วพวกลูกกุ้งก็อร่อยมากจริงๆ. พอกุ้งหมด พวกเขาก็ตักน้ำซอสใส่ข้าวแล้วกินทั้งอย่างนั้นเลย.
ปู้ หยานลูบท้องโตๆของเขาขณะกลับบ้านไป. เขาชอบอาหารนั้นมากและเขาก็บอกกับชิยูว่าต่อให้อาจารย์ของเขาไม่บอกให้มาที่นี่ก็ตาม เขาก็จะมาเองแน่.
วันต่อมาชิยูก็ไปขายซาลาเปาเหมือนเคย. เธอได้ยินคนบ่นว่า “ซาลาเปาที่ร้านนั้นรสชาติเหมือนของร้านนี้เลย” เธอยิ้ม. จากนั้นก็เข็นรถออกไปขาย.
พอเธอกลับมา เธอก็มีตำลึงเงินเต็มกระเป๋า.
พอวันที่3ร้านส่วนใหญ่ในเมืองชิงฉานก็ขายซาลาเปาที่เหมือนกับของเธอเป๊ะ.
“คุณตาคะ, ตอนีน้เรามีเงินประมาณ100ตำลึงเงินแล้ว, มาเปิดร้านอาหารของเราเองเถอะ!” ชิยูนับเงินแล้วเสนอความคิด.
“โอ้, ตามใจหนูเลย!” คุณตาเหมือนจะเข้าใจ - เด็กที่เทพเจ้าอวยพรนั้นแตกต่างและชาญฉลาดกว่าเด็กทั่วๆไป.
“ดีค่ะ, งั้นเราหาเช่าที่เปิดร้านกัน” ชิยูได้หาข้อมูลมาบ้างแล้ว. การเช่าที่ต่อปีส่วนใหญ่มีราคาไม่เกิน50-100ตำลึง. ตอนนี้พวกเขาสามารถลองดูได้. อีกอย่างตอนนี้ก็อยู่ในฤดูผสมพันธุ์ของพวกกุ้งและลูกกุ้งก็มีอยู่เยอะมาก. บางทีลูกกุ้งอาจจะกลายเป็นอาหารเด่นของเมืองนี้เลยก็ได้.
“คุณตาคะ, หนูยังเด็กและบางอย่างน่าจะให้ผู้ใหญ่แบบคุณตาจัดการจะดีกว่า. หนูอยากให้คุณตาช่วยค่ะ”
เพื่อที่จะปลุกเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ให้ตื่นขึ้น เธอต้องหาเงินและซื้อวัตถุดิบที่เลอค่ากว่านี้.
หลายวันมานี้เธอรู้แล้วว่าแต่ละคนชอบกินอะไร. เสี่ยว ฉีชอบกินซาลาเปา, เสี่ยว วูชอบกินไก่, คุณตาชอบกินอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ปราณ. เล่าเอ๋อกับเสี่ยวหลิวอยากกินอะไรก็ได้ที่ใช้วัตถุดิบปราณ.
ในโลกนี้, ประเภทของอาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารแบบทั่วๆไป. เหนือขึ้นไปคืออาหารที่ใช้วัตถุดิบปราณ, เหนือขึ้นไปอีกคืออาหารที่ใช้เนื้อของสัตว์ปราณ. แถมยังมีอาหารที่ระดับสูงกว่านั้นด้วย แต่ตอนนี้พวกเขาเอื้อมมันไม่ถึงหรอก.
ในเมืองชิงฉานนี้ นอกจากตระกูลใหญ่ๆแล้ว, คนส่วนใหญ่ในเมืองไม่มีปัญญาซื้อเนื้อปราณนั่นหรอก. ถ้าพวกเขาอยากกินเนื้อสัตว์ปราณ, พวกเขาก็ต้องไปฆ่าสัตว์ปราณเอาเอง. แต่คนส่วนใหญ่ก็ถูกสัตว์ปราณล่าแทนที่จะไปล่ามัน. มีเพียงแค่ผู้ฝึกวิชาซิ่วเจิ้นเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับสัตว์ปราณได้.
พูดถึงผู้ฝึกวิชาซิ่วเจิ้นแล้ว พวกเขาสามารถแบ่งได้หลายระดับ: ระดับพื้นฐาน, ระดับฝึกหัด, ระดับปานกลาง, ระดับสูง, ระดับราชันย์, ระดับอาจารย์, ระดับปรมาจารย์, ระดับเทพ, และระดับจักรพรรดิ. ทั้งหมดก็ 9 ระดับ. และแต่ละระดับเองก็มีแบ่งย่อยๆออกมาอีก9ระดับด้วย.
(ไม่รู้ว่าจะใช้ฮ่องเต้หรือจักรพรรดิดี ขอใช้จักรพรรดิไปก่อนนะครับ)
ชิยูเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆที่ไม่ได้เดินเส้นทางของซิ่วเจิ้นเลย. ศิษย์ส่วนใหญ่ในสำนักอย่างต่ำก็มีระดับพื้นฐาน4ขึ้นไป ไม่น่าเกินนั้น. ตอนนี้หลิน ฟ่านมีระดับไม่ถึงพื้นฐาน 3 ด้วยซ้ำ. นั่นคือเหตุผลที่เขาถูกกลั่นแกล้งและถูกด่าว่าเจ้าไร้ประโยชน์จากคนอื่นๆ.
ในโลกนี้ที่ความแข็งแกร่งเป็นใหญ่, ชิยูเองก็อยากได้พลังนั้น. ในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนนึง เธอไม่มีพลังพอที่จะปกป้องคนอื่นหรือไล่ตามสิ่งที่เธอต้องการเลย.
ในที่สุดคุณตาก็สามารถหาเช่าร้านได้. ร้านนี้อยู่ในจุดที่ดีมาก แต่เจ้าของร้านมีปัญหาบางอย่างทางบ้านเขาจึงต้องการเงินอย่างเร่งด่วน. เขาตกลงราคาเช่า6เดือนเป็น70 ตำลึงเงิน.
ร้านนี้เป็นร้านอาหารอยู่แล้วและมีอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ทันทีเลยด้วย. ยกตัวอย่างเช่น, มันมีโต๊ะกับเก้าอี้พอให้ลูกค้า. ชิยูไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มเลย.
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเฟ้นหาวัตถุดิบดีๆแล้วเลือกวันเปิดร้านให้ถูก.
“ตอนเช้า, เราจะขายอาหารเช้ากัน. ตอนบ่ายเราจะขายอาหารแป้ง. ตอนค่ำเราจะขายลูกกุ้งกัน” นี่คือแผนของชิยู. เนื่องจากร้านเป็นร้านธรรมดา ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวบ้านทั้งนั้น. นอกจากอาหารแล้วของอื่นๆไม่ควรจะมีราคาแพงเกินไป.
ทุกๆคนตกลง. คุณตาเคยเป็นบัณฑิตมาก่อนและรู้วิธีอ่านเขียน. ดังนั้นทุกๆอย่างที่เกี่ยวกับตัวเลขเงินท่านจะจัดการเอง. ส่วนเด็กๆที่เหลือ, ตอนที่ร้านคนเริ่มเยอะพวกเขาจะช่วยเป็นเด็กเสิร์ฟ หรือตอนที่คนไม่เยอะพวกเขาก็จะไปช่วยจับลูกกุ้งมาให้.
แต่พวกเขาก็มีกันไม่เยอะ. ดังนั้นชิยูจึงประกาศที่ทางเข้าว่าเธอจะรับซื้อลูกกุ้งและราคาที่ให้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจับมาได้เยอะแค่ไหน.
พวกกุ้งนั้นค่อนข้างเซ่อและชอบซ่อนตัวอยู่ในทรายเท่านั้น. แม้แต่เด็กๆก็สามารถจับพวกมันได้เยอะ. ทันทีที่พวกเด็กๆเห็นประกาศ, พวกเขาก็รีบไปบอกพ่อแม่แล้วรีบไปที่แม่น้ำเพื่อจับพวกมัน.
เพียงแค่วันเดียว ชิยูก็ได้ลูกกุ้งมาหลายถังมาก. เธอคิดอยู่ว่าจะขุดบ่อไว้เก็บพวกมันดีมั้ย.
หลังจากผ่านไป3วัน ในที่สุดร้านก็พร้อมเปิดขายแล้ว. ชื่อร้านนี้คือ “กุ้ง เออ กู หอมอ้วน”
ชื่อมันพิลึกไปมั้ยเนี่ย?
อ๋อ, เพื่อนนักเขียนนิยายสองคนของเธอเป็นคนสร้างโลกนี้ขึ้นมาแต่ชื่อของพวกเขาดันไม่มีโผล่ซักที่ในโลกนี้เลย.เท่านี้ เออ กูกับหอมอ้วนคงดีใจแล้วล่ะ.