ตอนที่ 27 จับโจร
สิบวันต่อมา ไม่มีเงาของจั๋วฝานบนลานเล็กๆในศาลาเฉียนหลง ไม่ใช่แค่หลงขุ่ย สมาชิกตระกูลลั่วก็ยังไม่เห็นเขา
หลังคำพูดของเขาในวันนั้น จั๋วฝานก็เอาแต่ปิดประตูบ่มเพาะ เขาปล่อยให้ทารกโลหิตท่องในเวลากลางคืนเพื่อรวบรวมปราณ
เป้าหมายของเขาคือตระกูลไช่
เช่นนั้น ผู้นำตระกูลไช่จึงหดหู่ใจตลอดเวลา ทหารยามของเขาลดลงทุกวัน โดยปราศจากร่องรอยทิ้งไว้ สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยว่าตระกูลลั่วไปขอให้ศาลาเฉียนหลงมาจัดการกับตระกูลเขาหรือเปล่า
ในความคิดเขา มีแค่เจ็ดตระกูลใหญ่ถึงมีพลังน่ากลัวแบบนี้ เช่นนั้น หัวใจของไช่หรงจึงหนักอึ้ง จนถึงจุดที่ลูกชายของเขานอนขดตัวใต้ผ้าห่ม ตัวสั่นทั้งคืน กลัวว่าจะเป็นเป้าหมายต่อไป
สำหรับสิ่งมีชีวิต มันไม่ใช่ความตายที่น่ากลัว แต่เป็นการรอ พ่อลูกรู้สึกถึงความตายที่คืบคลาน
เขายังคิดขอความช่วยเหลือจากโหยวหมิงกู่ แต่นับตั้งแต่มันได้รับวิชายุทธ์ตระกูลเขาไป มันก็ตัดความสัมพันธ์ทั้งหมด
สิ่งนี้ทำให้ความเจ็บปวดของไช่หรงยิ่งบอบช้ำจนเขาตะโกนลั่นระบายความโกรธอย่างไม่พอใจในห้องเขา ไม่มีผู้บ่มเพาะปีศาจคนใดที่เชื่อใจได้ แต่ตอนนี้เขาถลำลึกเกินกว่าจะหันหลัง
จั่วฝานทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพนี้
สำหรับตระกูลซุน เขาให้ทารกโลหิตไปเยือนบ้าง แต่ทว่า ผู้อาวุโสเจี้ยนอยู่นั่นด้วย จึงมีการติดต่อกันหลายครั้ง และเมื่อถึงช่วงเวลาสาย ผู้มีอำนาจมากมายจะอยู่นั่น จั๋วฝานจึงเลี่ยงการเข้าไป
เขาจึงปล่อยทารกโลหิตให้เฝ้าจับตาดูที่ประตูเท่านั้น
วันนี้ ตามปกติ ทารกโลหิตกินองครักษ์ตระกูลไช่สิบคน จากนั้นก็เฝ้าประตูตระกูลไช่สักพักก่อนกลับไปด้วยความยินดี
ขณะที่กำลังจะเข้าบ้านเขา ร่องรอยพลังงานก็จับตาเขา จั๋วฝานขมวดคิ้วในห้อง ขณะที่ทารกโลหิตปิดบังพลังมัน ไม่ช้า ตรงมุมลานเล็กๆ เงาก็สะท้อนในตาเขา
คนคนนั้นกำลังจับตาดูบ้านเขา
“ฮึ่ม ไม่มีใครกล้าย่างกรานเข้ามาในอาณาเขตของศาลาเฉียนหลง แต่คนกลุ่มนี้กล้า?เขาต้องมาจากภูเขาลมดำแน่”จั๋วฝานแสยะยิ้ม
เขานึกถึงผู้อาวุโสเจี้ยนที่บอกว่ามันไม่ใช่ตระกูลไช่หรือตระกูลซุนที่จะมาจัดการตระกูลลั่ว แต่เป็นบุคคลที่สามจากภูเขาลมดำ
ถ้าตระกูลลั่วล่ม โหยวหมิงกู่ก็จะพ้นความรับผิดชอบทั้งหมด แต่โจรกลุ่มนี้เข้ามาได้ยังไง?
[คิดว่านี่เป็นคฤหาสน์เมฆาหรือไร?]
จั๋วฝานเลิกคิ้ว ชักนำทารกโลหิตให้ตามหลังคนนั้นไป เพราะการปิดซ่อนพลังของทารกโลหิต มันจึงไม่ถูกพบ
หลังเก็บของรอบๆ โจรก็จากไป
ชั่วโมงต่อมา คนคนนั้นกระโดดผ่านหน้าต่างโรงเตี๊ยมและทารกโลหิตก็ลอยไปดูข้างใน จั๋วฝานเห็นผู้ชายเจ็ดคนกับเด็กสาวอายุ17 ปี พวกเขาต่างรอให้คนในชุดดำพูด
“คุณหนู สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”ก่อนคนในชุดดำจะพูด เด็กสาวก็รินชาและพูดด้วยความห่วงใย
จั๋วฝานผงะ“ผู้หญิง?”
เขาไม่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาดำจะเป็นผู้หญิง พวกเขาดูถูกเพราะตระกูลลั่วมีสมาชิกแค่สี่คนงั้นเหรอ?
จั๋วฝานส่ายหัว
เขาเห็นคนในชุดดำถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นดวงตาสดใสคู่หนึ่ง ผมสีดำไหลลงมาที่เอวนาง ด้วยผิวที่เกลี้ยงเกลาไร้จุดตำหนิ
แม้กระทั่งผู้ชายก็อดกลืนน้ำลายและจ้องนางไม่ได้ แต่สายตาของนางก็ทำให้พวกเขาต้องลดหัว
“เสี่ยวซี เอาปากกากับกระดาษมาให้ข้า”
สาวงามวาดรายละเอียดอยู่ 15 นาที เนื้อหาทำให้จั๋วฝานตกใจ
นั่คือบ้านหลังน้อยของศาลาเฉียนหลง เขาต้องยอมรับว่า การทำแผนที่ดังกล่าวด้วยวการจ้องมองคืนหนึ่งทำให้เขาต้องยกนิ้ว
สมแล้วที่นางเป็นหัวหน้า
“ดูให้ดี นี่ นี่ และตรงนี้คือผู้คุ้มกัน ตรงมุมทั้งสี่มีผู้เชี่ยวชาญหลอมกระดูก..”
“คุณหนู นี่คือศาลาเฉียนหลง เราจะลงมือได้อย่างไร?ตามสถานการณ์แล้ว เราจะตายก่อนไปถึงประตูด้วยซ้ำ”ชายคนหนึ่งปาดเหงื่อด้วยความกลัว
ผู้หญิงไล่เขา“สบายใจได้ ศิษย์พี่ได้ติดต่อกับคนของโหยวหมิงกู่แล้วและบอกว่าพวกเขาจะเบี่ยงเบนความสนใจผู้คุ้มกัน เราแค่ต้องจับลั่วหยุนชางและฆ่าคนที่เหลือ”
[ว่าไงนะ?นางไม่ใช่ผู้ชาย แล้วจะจับคุณหนูไปทำไม?]จั๋วฝานงุนงง แต่ไม่กังวล แม้จะไร้ผู้คุ้มกัน เขาก็ยังมีค่ายกลเก้ามังกรขดสวรรค์
พวกนางไม่ต่างอะไรกับมด
แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาคือภูเขาลมดำและโหยวหมิงกู่มีสายสัมพันธ์กัน พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบเหมือนตระกูลไช่ แต่อยู่ในระดับลึกซึ้งกว่า
“อืม คุณหนู มีบางอย่างที่ท่านอาจไม่อยากได้ยิน แต่มันเกี่ยวกับชีวิตเรา…”
“พูดมา!”นางโบกมือ
ชายคนนั้นลังเลก่อนพูด“คุณหนู นายน้อยกับโหยวหมิงกู่มีสายสัมพันธ์กันและจะฟังแค่เขา ต่อให้คนของโหยวหมิงกู่ช่วยเรา ศาลาเฉียนหลงก็ยังเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ การตอแยพวกเขาจะทำให้เราไร้ที่ซ่อน โหยวหมิงกู่จะเป็นที่พักพิงให้เรางั้นหรือ?ถ้าพวกเขาทิ้งเรา ความตายจะเป็นหนทางเดียวของเรา”
“ฮึ่ม นั่นเหมือนกับการบอกว่าเจ้ากลัวตาย!”
“เจ้าไม่คิดว่าเจ้ากำลังทำให้ท่านเจ้าภูเขาผิดหวังหรือ?เพื่อช่วยให้ท่านเจ้าหายดี เพื่อแก้แค้นให้เขา อย่างน้อยเราก็ต้องเดิมพันด้วยชีวิตเรา!”
คำพูดของนางทำให้พวกเขาอับอาย
จากนั้นนางก็จ้องมองพวกเขาและตะโกน“แยกย้าย!ทำตามแผนที่กำหนดไว้ ห้ามล้มเหลว”
“ครับ!”
พวกเขาประสานมือและตะโกนด้วยความเคารพ เมื่อพวกเขาออกไป พวกเขากลับจ้องความตายตรงหน้าอย่างแน่วแน่
“ไม่เลว!”
จั๋วฝานเลิกคิ้วขณะเดินออกห้อง
ตอนนี้มันถึงคราวของเขาแล้ว…
เมื่อทุกคนออกไป เด็กสาวก็ปรบมือด้วยความยินดี“คุณหนูน่าทึ่งมาก ช่างเหมือนท่านเจ้าภูเขาเสียจริง”
นางส่ายหัว“ถ้าพ่อบุญธรรมกลับมาหายดี เขาคงทำได้ดีกว่านี้ ไม่มีใครบนภูเขาลมดำที่จะกังขาต่อคำสั่งของเขา”
“อาจจะ แต่พวกเขาก็ยังเชื่อมั่นในคุณหนู”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว“เสี่ยวซี อย่าปลอบข้าเลย ข้าแค่หวังจะรักษาพ่อบุญธรรมของข้าให้หายดีเมื่อเราได้รับฝ่ามือมังกรหวนกลับ”
“ด้วยความกตัญญู คุณหนูจะต้องทำสำเร็จแน่!”เด็กสาวหัวเราะคิกคัก
แต่ทว่า ตอนนี้เสียงถอนหายใจแผ่วเบากลับดังขึ้น“แม่หนู ความกตัญญูกับความสำเร็จนั้นต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้น ใครบอกเจ้าว่าฝ่ามือมังกรหวนกลับสามารถรักษาบาดแผลได้?”
“นั่นใคร?”
ผู้หญิงและเด็กสาวหันไป พบจั๋วฝานกำลังนั่งบนกรอบหน้าต่างด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องตกใจ ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าแค่มาเพื่อคุยและทำให้มันชัดเจน”จั๋วฝานทำท่าทางเป็นมิตร
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ผู้หญิงคนนั้นดึงเสี่ยวซีไปด้านหลังนาง นางไม่รู้ตัวเลยว่าจั๋วฝานกำลังสอดแนมพวกนาง ถ้าเขาอยากเอาชีวิตนาง นางคงตายไปแล้ว
“โอ้ ข้าลืมแนะนำตัว”จั๋วฝานโค้งตัว“ข้า พ่อบ้านตระกูลลั่ว จั๋วฝาน”
“ว่าไงนะ ตระกูลลั่ว?”
ผู้หญิงคนนั้นหรี่ตาและขบฟัน“งั้นก็ตายซะ”
นางแทงด้วยสองนิ้ว ประกายไฟฟ้าควบแน่นระหว่างนิ้วนางราวกับมันอยากระเบิดท้องฟ้า
จั๋วฝานตกใจเล็กน้อย“กลั่นลมปราณขั้นเก้า วิชายุทธ์ระดับจิตวิญญาณ?”
เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแกร่งขนาดนี้และยังใช้วิชายุทธ์จิตวิญญาณได้ด้วย พลังของนางเกือบเทียบเคียงผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกแล้ว
น่าเสียดาย นางมาเจอกับจั๋วฝาน เขาเย้ยหยันทุกคนที่อยู่ต่ำกว่าหลอมกระดูก
เพราะเขามีทารกโลหิต!
ด้วยสัญญาณมือ แสงสีแดงส่องจากตัวเขาเข้าตัวนาง
นางตัวแข็ง แต่สายฟ้าก็ยังแล่บระหว่างนิ้วนาง
นางกลัว“เจ้าทำอะไรกับข้า?”
จั๋วฝานส่ายหัว“ไม่มีอะไร ข้าแค่ควบคุมร่างกายเจ้า”
และจากนั้นก็คว้าสองนิ้วของนาง“สลาย”
ในชั่วพริบตา สายฟ้าก็หายไป
ทารกโลหิตเกิดจากเลือด และการควบคุมเลือดก็จะชักนำทั้งร่างกาย มีแค่ผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งถึงต่อต้านมันได้
แต่นี่เพราะทารกโลหิตยังอ่อนแอ ถ้ามันอยู่ในระดับนักบุญ แม้กระทั่งจักรพรรดิก็ยังยากจะรับมือได้
“มากับข้า”
จั๋วฝานกอดเอวนาง นางไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้คนแปลกหน้าโอบกอดนาง
“คุณหนู”เสี่ยวซีตะโกน
จั๋วฝานหันมาและนึกได้“โอ้ ลืมเจ้าไปเลย.”
เขาคว้าไหล่นางและดรุณีน้อยก็หมดสติไป เสี่ยวซีแค่ข้ารับใช้ที่ยังไม่เข้าสู่ระดับกลั่นลมปราณ
ดังนั้น ขณะที่แสงแรกแห่งวันได้ส่องลงบนพื้น จั๋วฝานก็เดินไปที่บ้านเขาโดยสวมกอดผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กสาวคนหนึ่งไว้...