ตอนที่ 6 การรักษาในภาวะฉุกเฉิน
การใช้งานและการประสานงานไอเท็มของเหย่หลิงเฉินในการต่อสู้แบบทีมดำเนินไปอย่างสมบูรณ์แบบ การควบคุมของเขาไร้ที่ติมากยิ่งขึ้น การแสดงของเขาทำให้ผู้ชมทุกคนมองเกมใหม่
ผู้คนที่สงสัยในตัวเขาก่อนหน้านี้ต่างพากันปิดปากโดยพร้อมเพรียงกัน
เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นสื่อการสอนชิ้นสำคัญ นอกจากนั้นยังมีการสร้างไอเท็มสุดพิเศษของเขาอีกด้วย ซึ่งได้ดึงดูดแฟน ๆ มากมายสำหรับช่องสตรีมมิงแบบสดของเหย่หลิงเฉิน เขาได้รับของขวัญและสปอนเซอร์อย่างต่อเนื่อง
“หลายคนสงสัยว่าไอเท็มพวกนั้นของฉันแปลก ๆ อาจจะแอบไปเปลี่ยนอะไรมาก่อนหน้านี้รึเปล่า ความจริงแล้วไอเท็มที่สร้างขึ้นสำหรับฮีโร่ทุกตัวนั้นไม่สามารถเปลี่ยนรูปได้” เหย่หลิงเฉินคว้าโอกาสนี้เพื่ออธิบายให้ผู้ชมฟังว่า “มี Spirit Breaker และ Kunkka จากฮีโร่ของทีมตรงข้าม พวกเขาเป็นฮีโร่ประเภทระยะประชิดที่เหมาะอย่างยิ่งกับการ ganking และยังสามารถอธิบายได้ว่าเป็นศัตรูของ Shadow Fiend ฉันจะต้องจัดลำดับความสำคัญของชีวิตของฉันก่อนจึงจะโจมตีพวกเขาจนเสียหายได้”
“ประการที่สองความเสียหายหลักที่ส่งออกมาจากทีมตรงข้ามคือ Kunkka สอง Ghostships และสร้างความเสียหายจากการโจมตีอัตโนมัติ ฉันใช้ Eul’s Scepter of Divinity และ Ghost Scepter เพื่อทำลายการโจมตีเหล่านี้อย่างเต็มที่!”
“นอกเหนือจากจุดประสงค์ในการป้องกันแล้ว Blink Dagger และ Eul’s Scepter of Divinity ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มความคล่องตัวของฉันได้”
การวิเคราะห์ของเหย่หลิงเฉินนั้นดุร้ายเหมือนเสือ กลุ่มแฟน ๆ และผู้ชมของเขาส่งเสียงกรีดร้อง "epicccccc" พร้อมกัน
“Y-God คุณเล่น DotA มานานแค่ไหนแล้ว?” Cold ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นี่เป็นรอบที่สี่ของฉัน” เหย่หลิงเฉินยิ้มอย่างมีสีสัน “ความจริงฉันก็เล่นในรอบแรกและรอบสองเหมือนกัน ฉันเพิ่งเริ่มเล่นเกมนี้ได้น่ะ”
“ไม่จริงอะ!” Cold กล่าว ไม่ใช่แค่ Cold หรอกที่ไม่เชื่อ ผู้ชมทุกคนในช่องสตรีมสดก็ไม่เชื่อเช่นกัน “ต้องเป็นน้องชายของคุณแน่ที่เล่นในรอบแรกและรอบสอง!”
“ยังไงก็เถอะ พูดความจริงไปยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อ” เหย่หลิงเฉินกล่าวราวกับว่าเขารู้สึกหนักใจกับความจริง
ทั้งช่องสตรีมเงียบอย่างเห็นได้ชัด...
“บ้าน่ะ” Cold เย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม เธอค้นพบว่าเหย่หลิงเฉินมีพรสวรรค์อย่างแท้จริงในการเป็นสตรีมเมอร์ เขาสามารถกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างง่ายดาย
การเป็นสตรีมเมอร์นั้นไม่ง่ายเหมือนแค่การสนทนากับผู้ชม สตรีมเมอร์เกมนั้นไม่ได้ทำแต่เพียงแค่เล่นเกม แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดของงานนี้ก็คือการดึงดูดผู้ชมและความสนใจของพวกเขา หากสตรีมเมอร์ทำตัวนิ่งเงียบราวกับแผ่นไม้ก็ไม่มีใครสนใจที่จะมาดูเขาเล่นเกมหรอก
“Y-God คุณช่างน่าชื่นชมจริง ๆ เวลาเล่นเกม ทำไมคุณไม่เล่าเรื่องของคุณให้พวกเราฟังสักหน่อยล่ะ” Cold ช่วยพูดเสริมให้เหย่หลิงเฉิน จะได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ชม
“เรื่องของฉันน่ะหรอ..?” เหย่หลิงเฉินครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ สักครู่
เขาสังเกตเห็นว่าช่องสตรีมแบบสดของเขาอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ผู้ชมของเขาหลายคนรอคอยด้วยความคาดหวัง พวกเขากำลังพิมพ์ข้อความลงในช่องแชทเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่ามีคนกำลังรออยู่ พร้อมเปย์ของขวัญให้เขาเต็มไปหมด
ริมฝีปากของเหย่หลิงเฉินโค้งขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เป็นโอกาสดีสำหรับเขาที่จะใช้ประโยชน์จากระบบอัจฉริยะและความสามารถอย่างลึกซึ้งของรากฐานทางวรรณกรรมของเขา
“ความจริงฉันอิจฉาคนที่มีเรื่องราวดี ๆ มาตลอด” น้ำเสียงของเขาปนไปด้วยความอิจฉาและความเศร้า มันทำให้บรรยากาศในช่องสตรีมแบบสดดูเคร่งขรึมและลึกซึ้งในทันที
ผู้ชมทุกคนต่างรอคอยความตื่นเต้นต่อเรื่องราวของเขา แฟน ๆ ที่กระตือรือร้นหลายคนเริ่มปลอบใจเขาแล้ว Cold อดไม่ได้ที่จะเงียบลงในขณะที่เธออยู่ภายใต้การสันนิษฐานว่าเหย่หลิงเฉินน่าจะกำลังรับภาระบางอย่างอยู่
กระนั้นเธอก็ได้ยินเหย่หลิงเฉินพูดต่อไป “ไม่เหมือนฉัน ฉันอาศัยอยู่ในโลกนี้มายี่สิบปีแล้ว ฉันเป็นศูนย์รวมของคำเพียงคำเดียวนั่นคือ... ความสง่างาม”
...
พรื้ด!!!
Cold ที่กำลังดื่มน้ำอยู่ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำออกมาจากปาก ภาพลักษณ์หญิงสาวที่แสนสง่างามของเธอหายไปในพริบตา
[เวรจริง ไอ้สตรีมเมอร์ใจร้าย! นี่เขาทำแบบนี้กับเทพธิดาของฉันได้ยังไงกัน?! ฉันรู้สึกเหมือนกับโดนดูถูกเลยเนี่ย]
[5555555 ฉันไม่คิดเล้ย ว่าเขาจะมีอารมณ์ขันด้วย ฉันขอเป็นแฟนคลับตัวยงของคุณเลยนับจากนี้เป็นต้นไป]
[เมื่อฉันมองย้อนกลับไปในอดีต ฉันก็รู้ว่าชีวิตของฉันมันเศร้าเหมือนกับสตรีมเมอร์เลย]
[นี่ ในที่สุดเขาก็เปิดเผยอายุออกมาแล้ว เขาอายุเพียงยี่สิบปีเอง ฉันพนันได้เลยว่าเขาน่ะเป็นเจ้าหนุ่มน้อยหน้าหวานด้วย!]
...
ปั้ง!!!
ในขณะเดียวกัน เสียงคนเปิดประตูอย่างดังมาจากชั้นล่าง หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วุ่นวายขึ้นมาทันที
“หมอ! หมอ! หมออยู่ที่ไหน! ช่วยชายคนนี้ที!!”
เหย่หลิงเฉินทำหน้าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าจะมีผู้ป่วยมาสินะ
เขาอยู่ในย่านใจกลางเมืองรูเกา ซึ่งมาตรฐานนั้นค่อนข้างที่จะล้าหลังกว่าโรงพยาบาลอื่น ๆ ดังนั้นโดยทั่วไปถ้าหากผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงเกินกว่าจะรับไหว จะถูกส่งต่อไปยังแพทย์ในเขตเมือง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้อาจสายเกินไปแล้วเพราะแพทย์ส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับบ้านหลังเลิกงานแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือพ่อของเหย่หลิงเฉินยังอยู่ในห้องเพื่อดำเนินการผ่าตัดอยู่
เขาขอโทษผู้ชมในช่องสตรีมสดก่อนที่จะกดออกมาจากเกม เหย่หลิงเฉินเหลือบมองจากหน้าต่างบนชั้นสองลงไป
บริเวณแผนกต้อนรับของโรงพยาบาลมีหญิงสาวคนหนึ่งมากับชายชรา ตามมาด้วยบอดี้การ์ดที่ดูร่างกายแข็งแรงกำยำสองคน
“หมอในโรงพยาบาลนี้อยู่ไหนกัน? พาพวกเขาออกมาให้หมด ฉันจะไม่ยอมให้ปู่ของฉันเป็นอะไรไปแน่ตราบใดที่ฉันยังอยู่ตรงนี้” เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวตื่นตระหนกจนบ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
เห็นได้ชัดว่าพยาบาลสาวที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่กี่คนตกใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนกลุ่มนี้ พวกเขายืนจ้องกันเหมือนมดบนกระทะร้อน พวกเขาถึงกับทำตัวไม่ถูกเลย
จำนวนแพทย์ในโรงพยาบาลแห่งนี้เดิมไม่ได้สูงขนาดนั้น พ่อของเหย่หลิงเฉินถือได้ว่าเป็นแกนนำที่นั่น เป็นพ่อของเขาที่เข้าเวรทุกวัน และดูเหมือนว่าผู้ป่วยรายนี้จะเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งที่หากเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะก็ พ่อของเหย่หลิงเฉินอาจจะต้องได้รับความผิดเป็นแน่
ความคิดเกิดขึ้นในใจของเหย่หลิงเฉินชั่วขณะก่อนที่จะหายไปในทันที ตอนนี้ไม่มีแพทย์ในโรงพยาบาลเพียงพอเลย ไม่มีสิ่งอื่นใดที่เขาสามารถทำได้นอกจากควบคุมสถานการณ์ด้วยตัวเองก่อน
เหย่หลิงเฉินเพิ่งขยับขาเมื่อเขานึกถึงคำพูดของเหย่จินพ่อของเขา
เป็นการดีที่สุดที่เขาจะไม่เปิดเผยตัวเอง
เขาหยิบเสื้อคลุมสีขาวตัวยาวที่แขวนอยู่บนชั้นวางอย่างทะมัดทะแมงและพาดไว้เหนือร่างกายของเขาก่อนที่เขาจะออกไปอย่างเร่งรีบ
เหย่หลิงเฉินสวมเสื้อโค้ทยาวและหน้ากากบนใบหน้าของเขาเดินมายังบริเวณแผนกต้อนรับ เขาเปล่งเสียงทุ้มลึกและพูดด้วยท่าทางแสร้งทำเป็นว่า “เกิดอะไรขึ้น? มีคนไข้รึเปล่า?”
ณ ตอนนี้หญิงสาวกำลังร้องไห้อย่างวิตกกังวล น้ำตาไหลพรากออกมาจากดวงตาของเธอ เธอตำหนิตัวเองอยู่ตลอดเวลาโดยพูดว่า “มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันลืมเอายาของคุณปู่มาด้วย”
สายตาของเหย่หลิงเฉินกวาดมองอย่างรวดเร็ว เขาหลงใหลในความงามของหญิงสาวคนนี้เข้าแล้ว
เธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ผิวสวยเปล่งประกาย เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่ก็ยังน่ารักอยู่ มันทำให้คน ๆ หนึ่งรู้สึกทั้งสงสารและตกหลุมรักเธอในเวลาเดียวกัน
เธอแต่งกายด้วยชุด Chanel รองเท้าส้นสูงของ Manolo Blahnik และมีกระเป๋า Gucci อยู่ในมือ แน่นอนว่ามีสร้อยเพชรที่ส่องประกายอยู่ที่รอบคอของเธอด้วย
“คุณเป็นหมอเหรอ?” หลิงกู่ซื่อรู้สึกว่าเหย่หลิงเฉินนั้นเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ เธอแขวนอยู่บนฟางเส้นสุดท้ายแห่งความหวังเหมือนกับคนจมน้ำหอบหายใจ “เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่คุณช่วยชีวิตปู่ของฉันได้!”
พยาบาลยังมองไปที่หมอที่ดูเหมือนจะไม่คุ้นเคยกับพวกเขา สายตาพวกเขาลังเลและรู้สึกสงสัย แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบคั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจเหย่หลิงเฉิน
“คนไข้อยู่ที่ไหน” เหย่หลิงเฉินถาม
“นี่ค่ะ คุณปู่ของฉันเอง” หญิงสาวมองชายชราด้วยความกังวล
ใบหน้าของชายชราซีดลงอย่างน่ากลัว เขาหอบหนักราวกับว่าเขาหายใจลำบาก อย่างไรก็ตามเขาดูราวกับว่าเขาขาดอากาศหายใจจนถึงจุดที่จะหมดสติในไม่ช้า
“เขาเป็นโรคหืดหรือเปล่า” เหย่หลิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อาการของชายชราคล้ายกับคนเป็นโรคหืดมาก อย่างไรก็ตามอาการตอนนี้นั้นช่างดูรุนแรงกว่าโรคหอบหืดมาก
“ไปเอาเตียงฉุกเฉินมาให้ฉัน!” เหย่หลิงเฉินสั่ง มันไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ชายชราจะเคลื่อนไหว้ด้วยตัวเองเนื่องจากสภาพของเขานั้นดูแย่มาก
“เราเคยพาเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมาก่อน ปู่ของฉันไม่ได้เป็นโรคหืด” หลิงกู่ซื่อกังวลว่าเหย่หลิงเฉินจะวินิจฉัยปู่ของเธอผิดดังนั้นเธอจึงเตือนเขา
“ฉันรู้เรื่องนี้” เหย่หลิงเฉินตอบ
ตาของชายชราจมลงและเขาผอมราวกับท่อนไม้ สีของใบหน้าของเขาดูซีดเป็นสีฟ้าเล็กน้อย อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการที่เกิดจากการเป็นโรคหอบหืด ตรงกันข้ามมันเหมือนเขาถูกวางยามากกว่า
การแพทย์แผนจีนได้ให้ความสำคัญกับวิธีการวินิจฉัยทั้งสี่โดยการมอง การฟัง การซักถาม และการจับชีพจร หลังจากทั้งหมดเหย่หลิงเฉิน ได้อ่านบทสรุปของเภสัชศาสตร์แผนจีนเสร็จแล้วและความสามารถด้านการแพทย์แผนจีนของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็น 50% เขายังคงสามารถบอกความแตกต่างได้
“รักษาได้ไหม” หลิงกู่ซื่อถาม ขณะที่เธอมองไปที่เหย่หลิงเฉิน
“ในตอนนี้ฉันไม่มีความมั่นใจที่จะรักษา แต่ฉันทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างใจเย็นขณะที่ส่ายหัว
"อะไรกัน?!" หลิงกู่ซื่ออดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างดัง ๆ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงขณะที่เธอมองไปเหย่หลิงเฉิน เธอเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูดของเขา “เป็นไปได้ไหมที่คุณจะหาวิธีรักษาได้ในอนาคต!”
เธอมาจากพื้นฐานครอบครัวที่ดี ร่ำรวย ปู่ของเธอได้ไปพบแพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนเพื่อรักษาอาการของเขาและเขาก็ไปตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ หลายแห่งเช่นกัน อาจกล่าวได้ว่าไม่มีการรักษาอาการของเขาให้หายขาดแม้จะได้รับการวินิจฉัยจากเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากที่สุด อย่างไรก็ตามใครบางคนจากโรงพยาบาลเล็ก ๆ ที่ไม่รู้จักแห่งนี้สามารถพูดและวินิจฉัยอาการของปู่เธอได้!
เธอหมดหนทางอย่างแท้จริงในสถานการณ์นี้ ผลก็คือเธอมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ด้วยความพยายามที่เหมือนจะเสี่ยงโชค
บุคคลนั้นกล้าพอที่จะโอ้อวดในลักษณะดังกล่าวหลังจากเหลือบมองเพียงครั้งเดียว คนนี้อาจเป็นพวกนักต้มตุ๋นหรือไม่?
หลิงกู่ซื่อรู้สึกสงสัยอย่างช่วยไม่ได้
วันนี้มีหลายกรณีของการจ้างงานแพทย์ แม้ว่าเหย่หลิงเฉินจะทำตัวเหมือนคนมีประสบการณ์ แต่เธอก็บอกได้ว่าเขาค่อนข้างเด็ก จากที่ตัดสินจากรูปร่างของเขา
ปัจจุบันได้นำเตียงฉุกเฉินไปแล้ว เหย่หลิงเฉินช่วยชายชรานอนลงบนเตียง แววตาของเขาเผยให้เห็นความเคร่งขรึมที่ไม่สามารถปกปิดได้
อาการของชายชราแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างมาก ในช่วงเวลาสั้น ๆ รูม่านตาของเขาก็มืดลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาขาดออกซิเจนและกำลังจะเสียชีวิต
โชคดีที่เหย่หลิงเฉินอยู่ที่นั่น มิฉะนั้นแม้พ่อของเขาจะถูกทำให้หมดหนทางในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นการตำหนิและความโกรธของครอบครัวที่ดูเหมือนสำคัญนี้จะถูกโยนไปยังพ่อของเขา
เหย่หลิงเฉินยกมือขึ้นและเหยียดนิ้วชี้ออก เขาเริ่มกดลงบนหน้าอกของชายชราในขณะที่เขากางนิ้วของมืออีกข้างเพื่อกดลงบนโครงกระดูกซี่โครงของชายชรา
เขาทำทุยน่าซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการบำบัดแบบจีนสำหรับกรณีดังกล่าว จากนั้นเหย่หลิงเฉินก็สั่งให้ใครบางคนยกชายชราและเริ่มบำบัดด้วยการนวดทุยหนา (Tuina) บนหลังของชายชรา
“คุณไม่ต้อใช้เครื่องมืออะไรเลยเหรอ” การรักษาที่เรียบง่ายเช่นนี้ทำให้หลิงกู่ซื่อสงสัยอีกครั้ง
เธอตระหนักดีถึงอาการของปู่ของเธอ เป็นเพราะความรู้ของเธอทำให้เธอตระหนักดีว่าสภาพนั้นน่ากลัวเพียงใด จะรักษาด้วยเทคนิคง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไร?
“อย่าพูดระหว่างการรักษา!” เหย่หลิงเฉินตะโกนในขณะที่เขามองไปที่หลิงกู่ซื่ออย่างเย็นชาโดยไม่แสดงความสุภาพแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าจะเป็นขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับบุคคลภายนอก แต่ในความจริงแล้วเหย่หลิงเฉินจะต้องจัดการกับจุดลมปราณของผู้ป่วยอย่างเหมาะสม เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำผิดพลาดแม้แต่น้อยกับพละกำลังที่เขาออกแรงจากมือของเขา การรบกวนใด ๆ อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเขาและส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างรุนแรง
"ฮึ!" หลิงกู่ซื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเสียงฮึ่มอู้อี้หลังจากที่เหย่หลิงเฉินจ้องมอง เธอจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยดวงตาที่มีเสน่ห์ของเธอและกัดฟันแน่น เธอไม่เคยถูกใครตะโกนใส่มาก่อน หากเธอไม่กังวลเรื่องปู่ของเธอ เธอคงต้องวีนใส่ชายคนนี้อย่างแน่นอน
เหย่หลิงเฉินสลับจุดลมปราณไปเรื่อย ๆ และทำการนวดทุยหนา (Tuina) เป็นเวลายี่สิบนาทีเต็ม เขาหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อแขนของเขาเจ็บจนถึงจุดชา
ในที่สุดการแสดงออกของชายชราก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานการหายใจของเขาก็สม่ำเสมอและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีชมพู เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ
“คุณปู่…” หลิงกู่ซื่อจ้องที่ปู่ของเธอและร้องออกมาเบา ๆ
“กู่ซื่อ?” ชายชราค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ
“คุณปู่!” หลิงกู่ซื่อร้องไห้ด้วยความดีใจขณะที่เธอโผเข้าหาแขนของชายชราทันที “คุณปู่ทำให้หนูกลัวจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว หนูกลัวว่าคุณปู่จะไม่ฟื้นขึ้นมาหาหนูอีก ฮือ ๆๆๆๆ…”
“โอ้เยี่ยมมาก ดร.เหย่อยู่ที่นี่!” พยาบาลส่งเสียงดัง ขณะเดียวกันประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก พร้อมกับได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ
หัวใจของเหย่หลิงเฉินเต้นรัว เขารีบออกจากพื้นที่อย่างเงียบที่สุดและวิ่งกลับไปที่ชั้นสองทันที เขาวางหน้ากากและเสื้อคลุมตัวยาวไว้ที่เดิม ...
? ติดตามผลงานและข่าวสารก่อนใครได้ที่
Facebook : June6 Translate นิยายแปลไทย
Thank you ?
June6